Category

Newlast

Category

ผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง จัดการอย่างไรดี?

ผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง จัดการอย่างไรดี?

ปัญหา ผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้างถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นกับใบหน้าของตน แต่บางครั้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาวิธีจัดการให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน ซึ่งวันนี้เรามีเทคนิคการดูแลและบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียนมากฝากกัน รับรองว่าทุกวิธีเด็ดจริง ๆ 


สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน

ผิวหน้าไม่เรียบ

การที่ผิวหน้าของเราไม่เรียบเนียนมีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็คือ ความเสื่อมของสภาพผิว โดยเฉพาะปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวมีปริมาณลดลง เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นตัวที่ปรับสภาพผิวให้มีความแข็งแรง เรียบเนียนและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ดังนั้นเมื่อเซลล์มีปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง จึงทำให้รูขุมขนกว้าง ผิวหยาบ ไม่เรียบเนียนนั่นเอง ฉะนั้นแล้วใครที่กำลังมองหาวิธีดูแลให้รูขุมขนกว้างเล็กลงมาดูกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง


ทำไมรูขุมขนบนใบหน้าถึงกว้างขึ้น

ผิวหน้าไม่เรียบ

ผิวหน้าที่ไม่เรียบจะสังเกตเห็นชัดก็ต่อเมื่อรูขุมขนบนใบหน้ามีขนาดที่กว้างขึ้น ยิ่งรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าก็จะขรุขระมากขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนบนใบหน้ากว้างมีดังนี้

  1. อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะมีความเสื่อมมากขึ้นและมีอัตราการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินใต้ผิวน้อยลง ส่งผลให้รูขุมขนมีการสะสมของน้ำมันและไขมนันมากขึ้น ทำให้รูขุมขนมีขนาดกว้างขึ้นเมื่อายุมากขึ้น ยิ่งอายุมากขึ้นรูขุมขนก็จะกว้างมากขึ้นด้วย
  2. ชนิดของผิว ผู้ที่มีผิวมันและผิวผสมจะมีการสะสมของน้ำมันที่บริเวณรูขุมขนมากกว่ผู้ที่มีผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง เมื่อผิวมีน้ำมันมากก็จะเข้าไปสะสมอยู่ที่บริเวณรูขุมขนมากขึ้น ทำให้รูขุมขนเกิดการขยายตัวและมีขนาดกว้างขึ้น 
  3. พันธุกรรม จากการสำรวจพบว่าผู้ที่คนในครอบครัวมีรูขุมขนกว้างจะมีลักษณะรูขุมขนที่กว้างตามไปด้วย ซึ่งรูขุมขนกว้างที่เกิดจากพันธุกรรมจะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เด็กหรือช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุที่สามารถสังเกตเห็นได้เร็วที่สุด 
  4. การดูแลผิวที่ผิด ปัญหาผิวมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาสิวเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนกว้างได้ง่าย เพราะเวลาที่เกิดสิว หากทำการบีบ กดหรือแกะสิวจะทำให้รูขุมขนเกิดการอักเสบและมีขนาดที่กว้างขึ้น นอกจากนี้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ไม่เหมาะสมหรือทำตามขั้นตอนการทาสกินแคร์ที่ผิด ก็อาจทำให้มีความมันตกค้างอยู่บนผิวหน้ามากก็จะทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นได้เช่นกัน

จะเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนกว้างสามารถเกิดขึ้นอยู่ได้ตลอดเวลา เมื่อรูขุมขนกว้างก็จะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจได้ 


7 วิธีบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียน

ผิวหน้าไม่เรียบ

ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้างสามารถแก้ไขได้ด้วยการบำรุงผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียนมีวิธีดังนี้

  1. ดูแลผิวหน้าให้สะอาด ความสะอาดของผิวหน้ามีความสำคัญมาก เพราะผิวหน้าที่ไม่สะอาดจะทำให้มีการสะสมสิ่งสกปรก ไขมันและน้ำมันในรูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดสิวซึ่งเป็นสาเหตุของรูขุมขนกว้าง ดังนั้นควรเลือกการใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอางและล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง หลังจากแต่งหน้าและก่อนนอน
  2. บำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้า แต่ละคนมีผิวหน้าที่ต่างกันออกไป ดังนั้นควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง โดยเฉพาะคนที่มีผิวมันและผิวผสมที่มีปริมาณน้ำมันบนผิวมากกว่าผิวชนิดอื่น จะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวโดยเฉพาะ เพื่อลดปริมาณน้ำมันบนผิวให้เหมาะสม ลดการสะสมของน้ำมันบนใบหน้าและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นกระชับรูขุมขน สำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้าง
  3. ขัดผิว การขัดผิวด้วยสครับหรือผลิตล้างหน้าที่มีสครับเป็นประจำจะช่วยขัดสิ่งสกปรกตกค้างที่อยู่บนผิวให้ออกไป และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกระชับ ในการล้างหน้าสครับหรือการสครับผิวจะต้องทำด้วยความเบามือ โดยการหมุนวนเป็นวงกลมไปเล็ก ๆ ไปจนรอบผิวหน้า ห้ามขัดด้วยความรุนแรง เพราะจะทำให้ผิวหน้าอักเสบแดงและเป็นรอยแผลได้ 
  4. มาส์กหน้า การมาส์กหน้าอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง โดยเลือกมาส์กชนิดที่เสริมความชุ่มชื้นและดูดซึมไขมันส่วนเกิน ซึ่งการมาส์กหน้าจะช่วยดูดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในรูขุมขนแบบล้ำลึกที่การล้างหน้าธรรมดาไม่สามารถขจัดออกได้ ให้ออกมาจากรูขุมขน ทำให้รูขุมขนสะอาดและกระชับ โดยมาส์กหน้าที่นิยมใช้กระชับรูขุมขนคือ มาส์กแบบโคลนที่สามารถดูดซึมไขมันได้ดีมาก
  5. เสริมคอลลาเจน การที่คอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวมีปริมาณลดลงทำให้รูขุมขนมีขนาดที่กว้างขึ้น ดังนั้นเพื่อปรับขนาดรูขุมขนให้เล็กลงและปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบ เนียน นุ่ม เปล่งปลั่งจะต้องเสริมปริมาณคอลลาเจนลีลาสตินให้กับผิว ด้วยการเลือกอาหารประเภทโปรตีน ผักผลไม้ เช่น ถั่ว ผักผลไม้สีแดง ปลาทะเลน้ำลึก เป็นต้น 
  6. ดื่มน้ำมากๆ เซลล์มีส่วนประกอบของน้ำมากถึง 80% โดยเฉพาะเซลล์ผิวหน้าและเซลล์รูขุมขน หากร่างกายขาดน้ำ เซลล์ผิวจะแห้ง หยาบกระด้างและทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน เพื่อไม่ให้เซลล์เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งจะทำให้ผิวชุ่มชื้นและรูขุมขนเล็กลง
  7. นอนพักให้เพียงพอ ถึงแม้ว่าเราจะบำรุงผิวมากแค่ไหน หากร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ สิ่งที่บำรุงเข้าไปไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารเพื่อเสริมสารอาหารและคอลลาเจน การทาครีม การบำรุงผิวต่างๆ ก็จะไม่ทำให้ผิวเนียนได้ เพราะร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรงได้ ดังนั้นเราจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อร่างกายจะได้ทำการซ่อมแซมเซลล์ในช่วงที่เรานอนได้อย่างเต็มที่นั่นเอง 

จะเห็นว่าการบำรุงผิวให้เรียบเนียนนั้นง่ายมาก แต่ถ้าเราไม่สามารถหาสารอาหารให้เพียงพอ โดยเฉพาะคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวเนียนและแข็งแรงมากขึ้น ควรหาอาหารเสริมคอลลาเจนมารับประทานร่วมด้วย เพียงเท่านี้ผิวเรียบเนียนก็จะมาอยู่บนใบหน้าของคุณแล้ว


ที่มา

https://hellokhunmor.com/

https://theskin.co.th/article/uneven-skin-tone-wide-pores-how-to-fix-it/

ผิวไหม้ใช้อะไรดี 10 วิธีรักษาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย

ผิวไหม้ใช้อะไรดี 10 วิธีรักษาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย

ผิวไหม้ใช้อะไรดี 10 วิธีรักษาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย หน้าไหม้ เรื่องร้ายๆ ที่ใครก็ไม่อยากเจอ ไม่ว่าจะไหม้ด้วย แสงแดด ครีมเถื่อน หรือมลภาวะเป็นพิษ สิ่งต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นปัญหาคู่กับสาวๆ มาหลายยุคหลายสมัย แล้วเราจะทำอย่างไร ให้อาการหน้าไหม้หายไป รักษาอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบ 

1. ประคบผิวด้วยน้ำเย็น

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

หากว่าผิวของเราถูกเผาจากแสงแดด วิธีง่ายในการรักษาคือการประคบผิวด้วยน้ำเย็น เพียงแค่เอาผ้ามาชุบน้ำเย็นแล้วประคบให้ทั่วใบหน้า เพื่อปรับอุณหภูมิผิวหน้าให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง ตามด้วยการใช้ครีมบำรุงหน้าแห้ง เพื่อสร้างสมดุลให้ผิวง่ายๆ ทำให้ใบหน้าชุ่มชื้นและได้ผลจริง

2.ว่านหางจระเข้

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ว่านหางจระเข้ ถือว่าเป็นสมุนไพรครอบจักรวาล ช่วยได้หลายอย่างทั้งบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ ช่วยฟื้นฟูหน้าแพ้สารเคมี และยังช่วยรักษาอาการหน้าไหม้ได้อีกด้วย ผิวหน้าไหม้แดด เพียงนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก

จากนั้นก็ล้างให้สะอาด นำเฉพาะส่วนที่เป็นเมือกใสๆ มาบด นำมาทาผิวหน้าได้ ทาตอนไหนก็ได้ หรือใครที่คิดว่ามันยุ่งยากก็สามารถหาซื้อพวกเจลว่านหางจระเข้สำเร็จรูปได้เลย มีขายทั่วไป หาง่าย ตามร้านสะดวกซื้อ 7 – 11 ก็มีมากมายหลายยี่ห้อ ที่สำคัญมีราคาไม่แพงมาก

3. โยเกิร์ต

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

นอกจากมีรสชาติที่อร่อยล้ำ ที่สำคัญยังสามารถเอาบำรุงผิวได้อย่างดีเว่อร์ เพียงเอาโยเกิร์ตรสธรรมชาติ มาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที จนแห้ง แล้วล้างออกเพียงแค่นี้ก็ดีต่อผิวแล้ว ขอแนะนำว่าควรเอาโยเกิร์ตไปแช่ตู้เย็นก่อนนะ เพื่อความฟินจะได้คูณ 2

4. แตงกวา

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

เคยเห็นในหนังในละครกันมาเยอะ ที่บรรดาเหล่าผู้หญิงจะนำมาวางแปะลงบนใบหน้า เพียงแค่เอามาฝานเป็นแผ่นบางๆ แล้วเอามาวางบนใบหน้าเหมือนอย่างในละครนั้นแหละ ช่วยได้เยอะเลย วางไว้ประมาณ 20 นาที แต่หลายคนไม่ค่อยทำ เพราะว่าต้องนอนเฉยเลยรู้สึกเบื่อ แต่ถ้าอยากสวยมันต้องอดทนกันนิดหนึ่ง

5. งดใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้า

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ระหว่างที่ผิวของคุณไหม้หรือมีอการแพ้ครีมเกิดขึ้น คุณต้องรักษาอาการต่างๆ ให้หายดีก่อน เพราะว่าการใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้า อาจทำให้เกิดอาการผิวกำเริบอักเสบ เพราะสิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้หน้าแห้งมากขึ้นกว่าปกติ และในช่วงนี้ผิวของเราจะแพ้ง่ายมาก 

ในสบู่หรือโฟมล้างหน้าอาจมีสารบางตัวที่ทำให้ผิวขอองเราแพ้มากกว่าเดิม การรักษาหน้าแพ้ครีมเป็นผื่นหรือหน้าไหม้ ใช้หน้าเปล่าล้างหน้าเพียงอย่างเดียวก็พอ น้ำเปล่านี่แหละดีต่อผิวมากที่สุดแล้ว

6. งดใช้เครื่องสำอาง

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องสำอางทุกชนิด เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้มากขึ้น ช่วงนี้ใครไม่มั่นใจหน้าสด ก็งดออกจากบ้านไปก่อน รอผิวกลับมาคืนสภาพเมื่อไหร่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะออกไปอวดความสวย

7. ดื่มน้ำเยอะๆ

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

การดื่มน้ำช่วยร่างกายเกิดการสมดุลในทุกสัดส่วน และจะยิ่งช่วยได้มากเมื่อเกิดอาหารผิวหน้าไหม้ เพราะว่าน้ำจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง คืนความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณที่ไหม้

8. นมสด

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

พูดถึงนมสดแล้วต้องนึกถึงรสชาติที่หอมหวาน ยิ่งเป็นนมอุ่นดื่มกี่ทีก็อร่อย แต่วันนี้เราจะไม่มาพูดถึงเรื่องกานกินนมสด แต่เราจะเอานมสดมารักษาอาการหน้าไหม้

เพียงแค่เอานมสดแช่ตู้เย็น แล้วนำผ้าสะอาดมาชุบประคบ หรือว่าโปะลงบนใบหน้า ผิวหน้าที่ไหม้แดดจะกลับมาเนียนนุ่มเปล่งปลั่งอีกครั้ง เพียงปล่อยเอาไว้สัก 5-10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แถมยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสียออกไปด้วย

9. ถุงชาเขียว

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

ชาเขียวนอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสมดุลของร่างกายแล้ว การนำถุงชาเขียวที่ใช้แล้วมาแช่ตู้เย็น แล้วนำมาประคบบริเวณผิวหน้าที่ไหม้แดด จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างรวดเร็ว ลดอาการหน้าไหม้แดด คืนความชุ่มชื้นสู่ผิวอีกครั้ง

10. น้ำผึ้ง

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

นำน้ำผึ้งมาทาไว้ทั่วใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณที่ลอกหรือไหม้ น้ำผึ้งจะช่วยฟื้นฟูทำให้เซลล์ผิวที่ถูกทำลายกลับมาสดใส ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น และยังช่วยสมานผิว แถมยังทำให้หน้าชุ่มชื่นอีกด้วย

วิธีเหล่านี้อาจช่วยป้องกันผิวที่ไหม้แดดและคล้ำเสียจากแดดได้ แต่ทางที่ดีเมื่อต้องออกแดด ควรป้องกันผิวสัมผัสแดดด้วยการใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ปกปิดผิว และควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดด (SPF) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป จึงจะสามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB)


แพ้ครีมหน้าไหม้ รักษาได้ใน 2 สัปดาห์

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

อาการหน้าไหม้ที่เกิดได้จากอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ การแพ้ครีมหรือมีผิวที่แห้งมาก แต่สามารถรักษาให้หายได้ใน 2 สัปดาห์ ปัญหาของสาวๆ ทั่วโลก ยิ่งในปัจจุบันมีครีมออกมาเยอะมาก มากจนเลือกไม่ไหวใช้ไม่ถูก ผลที่ได้นอกจากความสวยใสจะไม่ใช่อย่างใจปรารถนาแล้ว ยังหน้าไหม้ หน้าพัง ผิวหนังชำรุด จนอาจหยุดไม่อยู่ แต่เดี๋ยวก่อนวันนี้เราจะมาบอกวิธีแก้หน้าไหม้ หน้าพัง แพ้ครีมและรักษาได้ใน 2 สัปดาห์

อาการแพ้ครีม

ผิวไหม้ใช้อะไรดี

หลายคนเกิดอาการแพ้ครีมที่ใช้ เนื่องจากครีมที่ใช้ไม่ได้คุณภาพ ไม่มี อย. ครีมเถื่อน หรือบางครั้งอาจเป็นเพราะผิวของเราไม่ถูกกับสารประกอบในตัวครีม โดยให้เราสังเกตผิวของตัวเอง หากว่ามีอาการแพ้จะมีผลเช่นนี้

  1. มีผดผื่นขึ้น ผดนั้นจะมีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็กๆ สีแดงๆ คล้ายผื่นปกติทั่วไป แสดงว่าเริ่มเกิดอาการแพ้แล้ว
  2. ลายครั้งอาจจะมีอาการอักเสบ และเป็นหนอง เห่อแดง บางครั้งมีอาการปวดร่วมด้วย

รักษาอาการแพ้ครีมโดยการหยุดทุกอย่าง

เมื่อเรารู้ตัวว่าเกิดอาการแพ้แล้ว อย่างแรกที่ต้องทำคือการหยุดใช้ครีมทุกอย่าง ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ หยุดใช้แม้กระทั่งครีมกันแดด โฟมล้างหน้า หรือพวกมาส์กหน้า และงดการแต่งหน้า

เพราะผิวจะยิ่งแห้ง และเกิดสิวได้ง่าย ห้ามแคะ แกะ เกา เพราะว่าอาจทำให้เกิดการอักเสบ หากว่าอยากใช้ก็สามารถทาได้เพียงแค่พวกมอยส์เจอไรส์เซอร์เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเท่านั้น แต่ที่อยากแนะนำคือหยุดใช้ไปเลยทุกอย่างจะดีที่สุด เพราะว่าสารบางตัวในมอยเจอร์ อาจจะไปยับยั้งการรักษาให้หายช้าลง ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู หากผิวหน้าของใครที่กำลังเกิดอาการแพ้ต่างๆ รับรองว่าสามารถช่วยได้ ผิวหน้าจะกลับมาสดใสเช่นเดิมเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น


อ้างอิง

http://acnedefend.in.th/exp-allergy-weeks.html

https://acnejung.com/915/วิธีรักษาหน้าไหม้แดด/

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง ครีมกลูต้าไวท์ได้ผลไหม?

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง ครีมกลูต้าไวท์ได้ผลไหม?

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง ครีมกลูต้าไวท์ได้ผลไหม? เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงเคยใช้ครีมกลูต้ากันมาบ้าง แต่บางคนก็อาจจะไม่เคยใช้ บางคนอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ และคงจะอยากรู้ว่าใช้ได้ผลจริงหรือเปล่า ขาวจริงหรือเปล่า และยิ่งในปัจจุบันได้มีการสร้างครีมกลูต้าออกมาจนนับถ้วน ทีนี้จะเลือกชนิดไหน ราคาไหน ยี่ห้อไหนดีล่ะ คำถามมากมายผุดขึ้นมา ตอบไปก็ไม่หมด วันนี้เราจึงจะมาอธิบายกันว่า ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง หรือไม่ ?

ครีมกลูต้าไวท์คืออะไร

ครีมกลูต้าไวท์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบำรุงดูแลผิวหนัง และช่วยรักษาผิวในรูปแบบของครีมที่สำหรับใช้ในการทาผิวหน้าและผิวบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ครีมกลูต้าทุกชนิดจะมีส่วนผสมของสารกลูต้าไธโอน ซึ่งมีความเชื่อกันว่า เมื่อนำสารกลูต้าไธโอนมาเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิวแล้ว จะสามารถช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้ และนอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้ครีมทาหน้าเพื่อผิวขาวใสได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะมีความเชื่อกันว่าการทาผิวด้วยสารกลูต้าไธโอนจะมีความปลอดภัย และมีราคาที่ถูกมากกว่าการฉีดสารกลูต้าไธโอนเข้าไปในร่างกายเพื่อให้ผิวขาว

ครีมกลูต้าไวท์คืออะไร

สารกลูต้าไธโอนในครีมบำรุงผิว จะช่วยทำให้ขาวขึ้นได้จริงหรือ

ในที่นี้ยังไม่มีข้อมูลของงานวิจัย หรือการรับรองทางการแพทย์ใดๆ เลย ที่แสดงให้เห็นว่า สารกลูต้าไธโอน จะมีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสารตัวนี้มีหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ในร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซีได้เป็นอย่างดี เมื่อสุขภาพผิวได้รับการบำรุงให้ดีขึ้น และมีการป้องกันสิ่งแปลกปลอมเพิ่มมากขึ้น จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่า ครีมทาผิวที่ผสมสารกลูต้าไธโอนจะทำให้ผิวของคุณมีความขาวขึ้นได้แน่นอน

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง ช่วยทำให้ขาวขึ้นได้อย่างไร?

อาจจะมีหลายๆ คนที่เคยได้ใช้ครีมกลูต้า แล้วมีผลตอบกลับว่าผิวขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากคุณสมบัติของสารกลูต้าไธโอนที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว แต่อยากให้ผู้ใช้ลองสังเกตส่วนผสมของครีมกลูต้าที่ใช้อยู่สักนิด ว่ามีส่วนผสมที่เป็นสารประกอบอื่นๆ ที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้หรือไม่ เช่น ผงแป้ง รวมไปถึงสารกันแดดในตระกูลไททาเนียมออกซิด ซึ่งสารดังกล่าวมีคุณสมบัติในการเคลือบผิว ส่งผลทำให้เกิดผลลัพธ์ผิวที่ขาวขึ้นอย่างทันใจในเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อล้างครีมออกสีผิวก็จะกลับไปสู่สีเดิม ตรงนี้ต้องระวังให้ดี

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง ช่วยทำให้ขาวขึ้นได้อย่างไร?

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อครีมกลูต้าไวท์ในยุคปัจจุบัน

ปัจจุบันมีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสเจ้าเล่ห์ที่มากด้วยกลที่พร้อมจะโกงเราทุกเมื่อ และหวังจ้องเอากำไรโดยไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของผู้ใช้งานเลยสักนิด โดยอาจมีการแอบใส่สารเคมีที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นทันตา และนำมาขายในราคาที่ถูกกว่า แต่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังในระยะยาว ซึ่งต้องระวังและควรตรวจให้ดี ไม่ควรไปซื้อกับคนเดินเร่ที่ไม่น่าไว้ใจ หรือพวกที่ยัดเยียดให้ซื้อ

ทางที่ดีคือควรจะตรวจสอบ อาจจะใช้วิธีการดูยี่ห้อก่อน แล้วไปค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่ามียี่ห้อนั้นหรือไม่ สีนั้นหรือไม่ บรรจุภัณฑ์เหมือนกันไหม เพราะปัจจุบันทุกบริษัทจะมีเว็บไซต์เป็นของตนเองเกือบทุกบริษัท และควรดูที่ตรา อย. ด้วยว่าเป็นของจริงหรือไม่ ถ้าหากไม่อยากเสี่ยงก็ไปซื้อกับตัวแทนที่มีหน้าร้านที่น่าไว้ใจดีกว่า เพราะสุขภาพใบหน้าของเราใครๆ ก็ไม่ได้รับผลกระทบเหมือนเรา


วิธีทำให้ผิวขาวใน 3 วัน การทำให้ผิวขาวใสภายใน 3 วัน ที่คุณควรรู้

วิธีทำให้ผิวขาวใน 3 วัน การทำให้ผิวขาวใสภายใน 3 วัน ที่คุณควรรู้

วิธีทำให้ผิวขาวใน 3 วัน การทำให้ผิวขาวใสภายใน 3 วัน ที่คุณควรรู้จะทำอย่างไรให้ผิวดูขาวใสได้?

ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า ผิวใส กับ ผิวขาว ต่างกันอย่างไร 

  • ผิวใส คือ ผิวที่มีออร่า ดูกระจ่าง ดูแล้วน่าสัมผัส เหมือนมีแสงออกมา ดูไม่สกปรก มีความชุ่มชื้นที่พอเหมาะ ผิวดูเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย โดยผิวใสอาจจะไม่จำเป็นเฉพาะผิวขาวก็ได้ อาจเปรียบได้เหมือนผิวของเด็กๆ
  • ผิวขาว คือ ผิวที่มีความขาว อาจจะมีความใสอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะขาวแล้วดูกระจ่างใส

ความใสของผิวขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้

ความใสของผิวขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้

  1. ความเรียบเนียนของผิว โดยผิวที่มีความเรียบเนียนสูง จะสามารถสะท้อนแสงออกมาได้อย่างระเบียบ ซึ่งถ้าใครที่มีใบหน้าไม่เรียบเนียน เป็นสิว ก็จะสะท้อนแสงออกมาได้ไม่ดี ไม่สม่ำเสมอ
  2. ปริมาณเม็ดสี หรือที่เรียกว่า เมลานินโดยสำหรับเจ้าเมลานิน ถ้าใครที่มีเมลานินสะสมในผิวไว้จำนวนมาก ผิวนั้นจะสามารถดูดซับแสงแดดได้ไว ทำให้ผิวคล้ำขึ้น และไม่กระจ่างใส ทั้งยังทำให้เกิดจุดด่างดำอื่นๆ ตามมาอีกด้วย
  3. ระดับความมัน และความชุ่มชื้นของผิวหนังโดยถ้าใครที่มีน้ำมันเคลือบผิวมากอยู่มากก็จะทำให้สามารถสะท้อนได้ดี แต่บางครั้งก็จะทำให้ดูมันเกินไป จนไม่สวย ซึ่งถ้าใครที่ไม่มีน้ำมันเคลือบหน้า คือเป็นคนผิวแห้ง นั่นก็จะทำให้ผิวไม่สะท้อนแสง และดูหม่นหมองได้ ดังนั้นทางที่ดีคือ ควรรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิวให้อยู่ในระดับที่พอดีมากที่สุด

แล้วจะทำอย่างไร จึงจะทำให้ผิวดูขาวใส?

  1. ก่อนอื่นคือต้องทำให้ผิวดูขาวก่อน แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ขาวจนเกินไป อาจจะดูแลตัวเองให้ขาวแบบธรรมชาติ หรือขาวแบบที่เราสามารถทำได้ดีที่สุด ซึ่งความขาวก็จะเป็นส่วนช่วยในการที่จะทำให้ผิวดูมีความกระจ่างใสมากขึ้นวิธีการเพิ่มความขาวง่ายๆ คือ ทาครีมกันแดดเมื่อจะออกจากบ้าน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน ที่สำคัญอย่าลืมทาอายครีมที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ  กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ และไม่นอนดึก เท่านี้ก็เป็นส่วนช่วยที่ทำให้ขาวได้แล้ว
  2. ทำให้ผิวชุ่มชื้นพอเหมาะ เน้นย้ำว่าพอเหมาะ เพราะบางคนพอบอกว่า “ผิวที่ดูขาวใส ต้องมีความชุ่มชื้น” คนพวกนั้นก็ไปสรรหาครีมทาหน้าที่ทำให้หน้ามัน หรือรักษาความชุ่มชื้นของหน้า ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ความจริงแล้ว เพียงรักษาความชุ่มชื้นของเราให้อยู่ในระดับที่พอดี ก็สามารถหน้าเราดูกระจ่างใสได้แล้ว
  3. ทำให้ผิวเรียบเนียนขั้นตอนสุดท้ายอาจจะยากนิดนึง เพราะว่าการทำให้ผิวดูเรียบเนียนนั้น ต้องใช้ความอดทน และความพยายามสูงมาก เพราะบางคนก็เป็นสิวเต็มหน้า บางคนก็มีผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียนมาตั้งนานแล้ว แต่เชื่อได้ว่าถ้าเราอดทนละก็ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้แน่นอน

แนะนำ ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง กลิ่นหอมฟุ้งที่ทำให้หนุ่ม ๆ ต้องหลงรัก

แนะนำโลชั่นทาผิว กลิ่นหอมฟุ้งที่ทำให้หนุ่ม ๆ ต้องหลงรัก โลชั่นทาผิวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการความหอมที่ติดอยู่กับเนื้อตัวของเรา และช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่น ทำให้เรากลายเป็นหญิงสาวเนื้อหอมที่ไม่ได้หอมเพียงแค่ที่เสื้อผ้าและยังได้ความรู้สึกถึงความหอมที่เป็นกลิ่นกายติดเฉพาะตัวได้ ไม่หอมรุนแรงแฝงสารเคมีในรูปแบบของน้ำหอม ทำให้เป็นครีมบำรุงผิวหอมฟุ้ง ๆ ที่สาว ๆ จะต้องหลงใหลและยังทำให้หนุ่ม ๆ รอบข้างหลงใหลคุณไปด้วย ตามมาดูกันเถอะ

1. SOAP & GLORY Righteous Butter Lotion

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง

เป็นครีมเข้มข้นที่เน้นการให้ความชุ่มชื่นแก่สาว ๆ ที่มีปัญหาผิวแห้งได้อย่างดี สาวผิวแห้งคนไหนที่มองหาครีมที่ถูกใจต้องตัวนี้เลย ที่สำคัญเมื่อทาแล้วไม่รู้สึกเหนอะผิวเลยเพราะถึงเนื้อจะข้นแต่กลับซึมซาบได้รวดเร็วจริง ๆ กลิ่นหอมหวานในแบบคลาสสิกจะติดกายสาว ๆ ไปจนคนข้าง ๆ อดใจไม่อยู่เลยล่ะ

2. The Body Shop STRAWBERRY SOFTENING BODY LOTION

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง

เป็นครีมทาตัวที่ให้ความรู้สึกสดชื่นสดใสกระฉับกระเฉงและคล่องแคล่ว เหมือนวันที่มีแดดจ้าในฤดูร้อนของสวนผลไม้ที่แสนชุ่มฉ่ำและหลากสีสัน กับกลิ่นผลไม้หลากชนิดนานาพันธุ์ ซึ่งรวมไว้ในบอดี้ช็อปขวดนี้ขวดเดียว แค่เปิดฝาขวดออกมาก็หอมฟุ้งไปแสนไกล ติดทนผิวกายยาวนานมอบความชุ่มชื่นบำรุงให้สาว ๆ ตลอดวัน

3. Jo Malone London Nectarine Blossom & Honey Body Crème

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง

มาในรูปแบบของกระปุกที่มีดีไซน์เรียบหรูดูไฮโชเต็มไปด้วยรสนิยม เมื่อหมุนกระปุกออกดูภายใน สัมผัสแรกสาว ๆ จะรู้สึกถึงกลิ่นที่มีรสนิยม หรูหราและดูมีระดับ

ถ้าสาว ๆ คนไหนมองหาความหรูหราและดูมีรสนิยม อย่าพลาดครีมกระปุกนี้ กับส่วนประกอบของสารที่ชื่อว่า เนทารีน ยิ่งทำให้ดูเย้ายวนชวนหลงใหล แถมกลิ่นยังติดกายไปตลอดทั้งวัน ผิวสวยและหอมกระจาย

4. L’Occitane Rose Body Milk

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง

หอมกุหลาบราชินีแห่งมวลดอกไม้ด้วยกลิ่นของดอกกุหลาบที่คัดสรรมาหลากหลายพันธุ์รวมอยู่ในครีมทาผิวที่ผสมเข้ากลมกลืนกับน้ำนมสกัดบริสุทธิ์ ทำให้ผิวทั้งนุ่มเนียนชุ่มชื่นและหอมกุหลาบ ชวนฝันได้ตลอดทั้งวัน

5. Bath and Body Works Japanese Cherry Blossom Body Lotion

ครีมทาผิวใช้แล้วขาวจริง

ด้วยกลิ่นหอมที่ออกแนวหวานซึ้งของเชอรี่บลอสซั่มสายพันธุ์ญี่ปุ่นจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมีความสุขและยังทำให้คุณมีผิวกายหอมจนไม่ต้องพึ่งพาน้ำหอม อีกทั้งยังมีสารสกัดบำรุงจากเมล็ดเชียและวิตามินนานาชนิดผสมอยู่ในเนื้อครีม ด้วยความนุ่มและเข้มข้นของครีมที่ซึมซาบเร็วเข้าสู่ผิวให้คุณหอมและผิวสวยจากภายใน 

สาว ๆ ที่รักความสวยและหอม อย่ารอช้าคว้าโลชั่นหอม ๆ ต่างกลิ่นต่างสไตล์ เลือกแบบที่เป็นตัวคุณให้ทั้งหอมและผิวสวยแบบที่คุณต้องการ และเป็นผู้หญิงที่ใคร ๆ ก็หลงใหลกับ 5 ขวดบอดี้โลชั่นนี้


อ้างอิง:

รวม 11 โลชั่นผิวขาวกระจ่างใส ยี่ห้อไหนดี? ประจำปี 2022. https://www.cosmenet.in.th/cosme-intrend/41565

10 โลชั่นน้ำหอมติดทนนาน กลิ่นหอม ชวนหลงใหล. https://promotions.co.th/สำรวจตลาด/สินค้าทั่วไป/beauty-สินค้าทั่วไป/10-long-lasting-scented-lotions.html

10 โลชั่นทาผิวขาว เร็วที่สุด แบรนด์สุดฮอตและยอดนิยมของคนไทย

10 วิธี เร็วที่สุด แบรนด์สุดฮอตและยอดนิยมของคนไทย

ทั้งแสงแดด มลภาวะ และการใช้ชีวิตประจำวันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ล้วนเป็นตัวการที่ทำร้ายผิวให้หมองคล้ำและทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ โลชั่นทาผิวขาว จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยฟื้นบำรุงและคืนความกระจ่างใสให้ผิว เพราะมีสารบำรุงผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวท์เทนนิ่ง วิตามิน และช่วยป้องกันแสงแดด สำหรับใครที่กำลังหา โลชั่นทาผิวขาว เราขอแนะนำให้ลอง 10 โลชั่นทาผิวขาว ตัวดังสุดฮอตและเป็นที่นิยมเหล่านี้

โลชั่นทาผิวขาว

10.  โลชั่นทาผิวขาว BHAESAJ BODY WHITENING LOTION DOUBLE SUNSCREEN

โลชั่นขาวเร็วที่สุด อันดับ 10 เป็นโลชั่นสูตรปกป้องผิวแบบ 24 ชั่วโมง โดยโลชั่นตัวนี้จะผสมสารป้องกันรังสีจากแดด และช่วยลดการหมองคล้ำของผิวหนัง แถมยังเพิ่มความเรียบเนียน ความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะมากสำหรับใครที่ต้องการปกป้องจากรังสีแสงแดด

เพราะมีส่วนผสมของ Double UV Filter ที่ช่วยในการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ และฝ้า กระ จุดด่างดำ และมีวิตามินอี ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และมีมอยซ์เจอไรเซอร์ ที่ช่วยถนอมผิวหนังได้เป็นอย่างดี

9. CUTE PRESS IDEAL WHITE BRIGHTENING BODY LOTION

โลชั่นบำรุงผิวกายที่ผสมสารกันแดดลงไปด้วย ทำให้ผิวมีความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมีส่วนผสมของวิตามินบี 3 ที่ช่วยปกป้องผิวจากจุดด่างดำ ฝ้า และมี บี-ไวท์ เพื่อลดความหมองคล้ำ และมีสารสกัดจากอัลฟัลฟา ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวมีความกระจ่างใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น น่าสัมผัส

8.  โลชั่นทาผิวขาว 12 PLUS SNAIL WHITENING BODY LOTION

เป็นโลชั่นบำรุงผิวกายที่ผสมผสานสารสกัดจากเมือกหอยทากที่เลี้ยงด้วยโสมเกาหลี โดยเจ้าโลชั่นนี้จะเต็มไปด้วยแร่ธาตุสารอาหารมากมาย และยังทำให้ผิวได้รับประโยชน์อีกมากมาย โดยจะทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ไม่มีความหมองคล้ำ จุดด่างดำจางหายไป สีผิวสม่ำเสมอ ริ้วรอยตามผิวหนังจางลง ผิวอ่อนเยาว์น่าสัมผัส สุขภาพผิวดีขึ้น ผิวมีความชุ่มชื่น นุ่มนวล เรียบเนียน น่าสัมผัส

7. SMOOTH E WHITE THERAPIE

เป็นโลชั่นที่ช่วยในการปรับผิวให้ขาว ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง ผิวเป็นขุย ลดรอยแผลเป็น และเป็นโลชั่นสำหรับผิวแห้ง เพราะสามารถอุ้มน้ำได้ดี ทำให้ผิวไม่แห้งง่าย ทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้เต่งตึงยิ่งขึ้น

6. โลชั่นทาผิวขาว BHAESAJ BODY WHITENING LOTION PLUS VITAMIN E

โลชั่นสูตรเพิ่มวิตามินอีเข้มข้น เพื่อช่วยในการบำรุงผิวพรรณ และช่วยสารต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการความชุ่มชื่นเป็นอย่างมาก เพราะมีส่วนผสมของวิตามินอี ซึ่งช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยถนอมผิวหนังให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น และวิตามินบี 3 ที่ช่วยยับยั้งเม็ดสีในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

5. VASELINE HEALTHY WHITE SKIN LIGHTENING

เป็นโลชั่นที่มีวิตามินบี 3 ที่ช่วยในการแก้ปัญหาให้ผิวดูขาวกระจ่างใส โดยจะซึมเข้าสู่ผิวชั้นนอกลงไป ทั้งช่วยปกป้องผิวจากจุดด่างดำ และยังช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อีกด้วย และยังซึมซับเข้าสู่ผิวหนังได้เร็ว เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่ผิวหนังแห้ง

4. โลชั่นทาผิวขาว BHAESAJ BODY WHITENING LOTION COLLAGEN

โลชั่นบำรุงผิวสูตรคอลลาเจน ที่มีความสามารถในการเติมเต็มผิวให้ดูกระชับ เต่งตึง น่าสัมผัส และยังมีวิตามินบี 3 ที่ไปช่วยในการปรับสภาพผิวให้ดูขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะมากสำหรับผิวที่ต้องการความกระชับเพราะมีส่วนผสมของคอลลาเจน

ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สารสกัดคอลลาเจนจากหนังแกะ ที่สามารถซึมเข้าผิวได้ง่าย วิตามินบี 3 ที่ช่วยปรับสีผิวให้ดูขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดับเบิลยูวีฟิลเตอร์ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB และมีมอยซ์เจอไรเซอร์ ที่ช่วยถนอมผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา

3. NIVEA UV WHITENING SERUM SPF22

โลชั่นที่บำรุงผิวกาย ซึ่งผสมสารป้องกันแสงแดดลงไปด้วย เพื่อการยกระดับผิวให้ขาวขึ้นเป็นธรรมชาติ และด้วยอะตอมของโลชั่น ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีบริสุทธิ์ และซอยเปปไทด์ ที่สามารถซึมซับเข้าฟื้นบำรุงได้ถึงระดับเซลล์ผิว ถึงแม้ผิวนั้นจะคล้ำเสียสะสม และยากต่อการแก้ไข แต่โลชั่นตัวนี้ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้แน่นอน

2. โลชั่นทาผิวขาว MISTINE NATURAL FUK KAO BODY LOTION

เป็นโลชั่นบำรุงผิวกาย ที่ทำมาเพื่อทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียนแบบสุดๆ ครีมตัวนี้จะเพิ่มความกระจ่างใสมากกว่าโลชั่นจากมะหาดได้มากถึง 4 เท่า เพราะมีสารสกัดเข้มข้นของฟักข้าวแท้ ที่ทำให้ผิวดูเรียบเนียนได้ดียิ่งขึ้น และมีสารที่ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นตลอดเวลาอีกด้วย แถมยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดี แบบนี้ไม่ซื้อได้ไง

1. VASELINE HEALTHY WHITE UV LIGHTENING

นี่คือโลชั่นบำรุงผิวที่ดีที่สุด โดยจะทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียนน่าสัมผัสมากที่สุด เพราะมีวิตามินบี 3 ที่จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และยังสารที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้เป็นอย่างดี ซื้อตัวนี้บำรุงได้หลายมากบอกเลย

นี่ก็เป็น 10 โลชั่นทาผิวขาว ที่เรานำมาแนะนำกัน ใครชอบตัวไหนก็ไปลองซื้อมาทากันได้เลย และนอกจากการบำรุงผิวด้วยโลชั่นแล้ว ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำ หรือหลีกเลี่ยงแสงแดดด้วย และแนะนำให้บำรุงผิวจากภายในควบคู่กันไปด้วย ทั้งการนอน การดื่มน้ำ เลือกรับประทานอาหาร และออกกำลังกาย เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการบำรุงผิวให้ดีขึ้น


อยากขาว ลอง 10 วิธีนี้ กินให้ถูกและดูแลตัวเองให้ดี

โลชั่นทาผิวขาว

อยากขาว ลอง 10 วิธีนี้ กินให้ถูกและดูแลตัวเองให้ดี ใคร ๆ ก็อยากขาว เพราะว่าผิวขาวทำให้ดูเป็นสะอาด มีออร่า น่าสัมผัส ถือว่าเป็นค่านิยมและกลายเป็นความชอบของคนส่วนมากไปแล้ว

เพราะฉะนั้นสาว ๆ จึงได้ค้นหาความขาวจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเอาไว้พิชิตใจหนุ่ม ๆ หรือบำรุงผิวตัวเองให้ดีขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำความขาวที่เกิดจากการกิน ว่ากินอะไรแล้วผิวสวย พร้อมกับวิธีป้องกันที่ทำให้ผิวของทุกคนสวยใสไร้ที่ติ มาดูกันได้เลย

1. วิตามิน C

โลชั่นทาผิวขาว

วิตามิน C มีมากในน้ำมะเขือเทศ น้ำที่หลายคนไม่ชอบรสชาติของมันอย่างรุนแรง แต่ก็ต้องทนเอาเพราะว่ามีวิตามิน C เข้มข้นที่สูงมาก มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนสวย ใส มีน้ำมีนวล ลดเลือนจุดด่างดำ หรือว่าใครที่ไม่ชอบทานน้ำมะเขือเทศจริง อันนี้ก็สามารถหาซื้อผลไม้อื่น ๆ  หรืออาหารเสริมมาทานแทนได้ ในบ้านเราก็มีอาหารเสริมประเภทวิตามิน C มากมายหลายยี่ห้อ หรือใช้ครีมสารสกัดจากผลไม้เพื่อผิวขาวใสแทนก็ได้เช่นกัน

2. วิตามิน E

โลชั่นทาผิวขาว

วิตามิน E สิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวของสามารถปกป้องอัลตราไวโอเล็ตจากแสงแดดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เจ้าแสงแดดที่ร้ายกาจมักจะคอยทำร้ายผิวให้หมองคล้ำ

โดยเฉพาะแดดเมืองไทยที่ไม่ต้องบรรยายถึงความร้อนแรงก็แทงทะลุชั้นผิวหนังแล้ว ซึ่งวิตามิน E จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเปล่งปลั่ง รอยสิว และจุดด่างดำลดเลือนอย่างรวดเร็ว

3. GRAPE SEED

โลชั่นทาผิวขาว

Grape Seed คือ สารสกัดเข้มข้นจากเมล็ดองุ่น แต่รู้หรือไม่ว่า Grape Seed แรงกว่าวิตามิน C ถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามิน E ถึง 50 เท่า ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างน่าอัศจรรย์

4. โคเอนไซม์คิวเทน (Q10)

โลชั่นทาผิวขาว

โคเอนไซม์คิวเทน (Q10) หรือ ยูบิควิโนน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวอันเป็นพื้นฐานของเซลล์ ทำให้ผิวแก่ช้า ย้อนวัยได้อีกครั้ง และช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกาย

5. คอลลาเจน

โลชั่นทาผิวขาว

คอลลาเจน ถือได้ว่าเป็นอาหารเสริมที่กำลังนิยมมากที่สุด เพราะว่ามีส่วนช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คืนทุกระบบในร่างกายให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีหน้าที่โดยตรงในเรื่องของการดูแลผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้ผิวขาว เรียบเนียนใส เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ลดเลือนริ้วรอย รวมถึงยังช่วยบำรุง ผม เล็บ และข้อต่อให้ดีขึ้นด้วย

6. ขัดผิว

โลชั่นทาผิวขาว

อีกหนึ่งวิธีของการคืนสภาพผิวขาวให้สาว ๆ ได้สวยกันอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่พ้นการดูแลผิวยอดนิยมอย่างการขัดผิวหรือสครับ วิธีการขัดผิวนั้นง่าย ๆ ไม่ว่าจะใช้สบู่ สครับสำเร็จรูป หรืออะไรก็ได้ที่มีสารประกอบของวิตามินซี วิตามินดี สามารถใช้ขัดได้ทั้งตัว อย่างสูตรเด็ดที่นำมาเสนอก็เช่น มะขามเปียก กากกาแฟ ขมิ้น เป็นต้น ซึ่งนอกจากช่วยผลัดเซลล์ผิวแล้วยังทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย

7. ใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด

โลชั่นทาผิวขาว

เพราะว่าแดดเมืองไทยมันร้อนแรงเสียจริง เราจึงต้องปกป้องตั้งแต่ขั้นตอนของการเลือกเครื่องแต่งกาย เมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมนอกอาคารที่มีแสงแดด อย่างแรกที่ควรคำนึง คือ เรื่องของเสื้อผ้า ถ้าจะให้ดีควรใส่เสื้อแขนยาว เพื่อช่วยปกป้องผิวขั้นต้นจากแสงแดดและรังสี UV หรือไม่ก็ควรพกร่มไปด้วย

8. ทาครีมบำรุงผิว

โลชั่นทาผิวขาว

เรื่องอาการกินก็เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่นอกจากนั้นเราควรดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพราะว่านี่ถือเป็นเรื่องพิ้นฐานของการมีผิวขาวสวย อย่าขี้เกียจ เพราะว่าความสวยมันเป็นอะไรที่ต้องลงมือทำ มาทาครีมบำรุงผิวกันเถอะ ซึ่งก็มีครีมมากมายให้เราได้เลือกใช้  เลือกให้เกมาะกับผิวก็จะส่งผลดี

9. การนอน

โลชั่นทาผิวขาว

พื้นฐานสำคัญของร่างกาย การนอนที่ดีช่วยให้ร่างสมดุลในทุกสัดส่วน และมีผลต่อผิวเช่นกัน เช่นเมื่อเรานอนดึกจะทำให้ร่างกายผลิตคอลเจนน้อยกว่าปกติ ส่งผลมากมายกับผิวที่เรารัก เช่น ใบหน้าหมองคล้ำ ขาดน้ำ ผิวซีด ทางที่ดีอยากแนะนำว่าควรนอนก่อน 4 ทุ่ม แต่เชื่อเถอะว่าหลยคนคงทำกันไม่ได้หรอก ถ้าอย่างนั้นเราควรนอนให้เพียงพอประมาณวันละ 7-8 ชั่วโมงก็ยังดี

10. ครีมกันแดด

โลชั่นทาผิวขาว

สมัยนี้ใครไม่ทาครีมกันแดดยกมือให้ดูหน่อย แน่นอนว่าไม่มีเลย ทุกคนทากันหมด เพราะว่าแดดมันช่างรร้ายกาจ ยิ่งแดดเมืองไทยไม่ต้องให้พูด ทาเถอะจะได้ไม่เป็นภาระต่อผิว โดยสามารถเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวของตนเอง ยิ่งถ้าออกแดดบ่อยก็อย่าลืมทาซ้ำด้วย หากคุณไม่รู้ว่าจะใช้ครีมกันแดดแบบไหนดี คุณอาจสนใจบทความนี้ วิธีการเลือกใช้ครีมกันแดด

โลชั่นทาผิวขาว ก็เป็นส่วนสำคัญในการช่วยรักษาและบำรุงสุขภาพผิว แต่ก็ยังมีหลายวิธีที่สามารถใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ได้ อย่างการกินพวกอาหารเสริมบำรุงผิวต่าง ๆ เหล่านี้ และคุณยังสามารถหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้ เพราะบางคนทำเหมือนกันแต่ได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันก็มี รวมถึงขึ้นอยู่กับประเภทผิว ผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ใช้ และการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน


อ้างอิง:

Whitening beauty tips to lighten your skin tone naturally. https://www.india.com/lifestyle/how-to-lighten-skin-tone-14-skin-whitening-beauty-tips-to-lighten-your-skin-tone-naturally-1949825/

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น 5 เคล็ด (ไม่) ลับความสวยแบบปัง ๆ ที่คุณควรรู้

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น 5 เคล็ด (ไม่) ลับความสวยแบบปัง ๆ ที่คุณควรรู้

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น 5 เคล็ด (ไม่) ลับความสวยแบบปัง ๆ ที่คุณควรรู้ ใครว่าผู้หญิงสวยเพราะเกิดมาเป็นคนสวยเท่านั้น ความสวยไม่ว่าสาวคนไหนก็ทำให้ตัวเองสวยได้ โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอหรือวิธีซับซ้อนอะไรมากมาย นี่เป็นเคล็ดลับที่คนสวยทุกคนต่างก็ทำกัน แต่พวกเธออาจจะไม่เคยมากระซิบบอกกับคุณ ถ้าสาวคนไหนอยากสวยใสโดดเด่นลองวิธีง่าย ๆ เพียงทำเป็นประจำและทำตาม 5 ประการนี้เลยนะ

1. ให้ความสำคัญกับความสะอาด

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

เรื่องของความสะอาดผิวพรรณเป็นเคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้สาว ๆ ผิวสวยได้อย่างไม่ต้องสงสัย ใครที่มีพฤติกรรมไม่ค่อยดูแลผิวและความสะอาดต่าง ๆ ถึงเวลาเปลี่ยนแล้วเพื่อผิวสวย ไม่ว่าจะเป็นการเข้านอน เมกอัพที่เกรอะกรัง แปรงและพัฟพันปีที่ไม่เคยล้างทำความสะอาดเลย การล้างหน้าที่ถูกต้อง หรือแม้แต่ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนที่ต้องสัมผัสกับใบหน้าและเนื้อตัวทุกวัน อย่าปล่อยให้สกปรก เพราะนี่คือสาเหตุของการเกิดสิวและร่องรอยที่ทำร้ายผิวไม่ให้เรียบเนียน

2. ครีมและโลชั่นคือสิ่งที่ขาดไม่ได้

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

ผิวสวยก็ต้องการการบำรุงให้สวยเสมอ ครีมทาผิวสารพัดสูตรคือตัวช่วยที่ดีที่สุดที่จะทำผิวของสาว ๆ สวยเปล่งปลั่ง การเลือกใช้ครีมให้เหมาะกับผิวหน้า ลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและจุดประสงค์การใช้ ทั้งโลชั่น เซรั่ม บอดี้ครีม อย่าขี้เกียจทาเป็นอันขาด ถ้าจะให้ดีวางโลชั่นต่าง ๆ ไว้ในที่ ๆ หยิบง่าย รับรองว่าถ้าสาว ๆ ทำประจำจะเห็นความเปลี่ยนแปลงจากการทาครีมบำรุงผิวแน่นอน

3. ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

เมืองไทยของเราไม่ว่าฤดูไหนก็มีแดดแรง เคล็ดลับความสวยและยังช่วยให้อ่อนเยาว์ไม่มีริ้วรอยมาทำร้ายก็คือ ครีมกันแดด แม้แต่แสงไฟในอาคารก็ยังอันตรายต่อผิวไม่ต่างกัน ดังนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวันหลังจากบำรุงผิวด้วยครีม นี่คือสูตรความงามที่ขาดไม่ได้

4. ดูแลระบบขับถ่าย

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

คนสวยจะต้องสวยมาจากภายในด้วย ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างผิวพรรณอย่างไร ผิวขาว ผิวสองสีหรือสาวผิวน้ำผึ้ง รูปร่างผอมบางหรืออวบ หมั่นดูแลระบบขับถ่ายให้ถ่ายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่เต็มไปด้วยกากใย จะช่วยขับของเสียต่าง ๆ และจะเป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ ง่ายแบบนี้ความสวยผุดผ่องจะไปไหนเสีย

5. บำรุงเส้นผม

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

เส้นผมสำหรับผู้หญิงก็คือเสน่ห์ คนสวยคู่กับผมสวยเงางาม ดังนั้นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เหมาะกับสภาพเส้นผมคือเคล็ดลับความงามแท้จริง นอกจากนั้นการหวีผมบ่อย ๆ จะช่วยทำให้คุณมีผมที่เงางามและดกดำสลวย เพราะการหวีผมจะไปปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณศีรษะ ทำให้ผมสวยแข็งแรงขึ้น

ถ้า อยากสวยขึ้นขาวขึ้น นี่ก็เป็นเพียง 5 เคล็ดลับความงามง่าย ๆ ที่ควรลองนำไปทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณจะพบว่าตัวคุณนั้นสวยขึ้น จนแม้แต่คนรอบตัวก็ยังต้องทักเลยทีเดียว


ผิวสวยไม่พัง เพียงระวังส่วนผสมอันตราย 5 อย่างในเครื่องสำอาง

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น อย่าลืมระวังส่วนผสมอันตราย 5 อย่างในเครื่องสำอาง สาว ๆ กับผลิตภัณฑ์บำรุงความงามของผิวพรรณเป็นของที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะไปไหนสาว ๆ ก็คงจะต้องแวะแผนกเครื่องสำอางมองหาสกินแคร์รูปแบบต่าง ๆ หรือครีมกลูต้าไวท์ที่ใช้ได้ผลจริงติดไม้ติดมือกลับบ้านกันประจำ แต่สาว ๆ ทราบไหมว่า สกินแคร์หลาย ๆ แบรนด์ที่มีขายกันอยู่

มีส่วนผสมของสารเคมีที่มีอันตรายผสมอยู่ด้วย เมื่อนำมาใช้บำรุงผิวจากที่จะทำให้ผิวสวยขึ้นกลับเป็นผลร้ายต่อผิวพรรณอย่างน่าเสียดาย ยิ่งถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน โอกาสที่จะเกิดผลเสียร้ายแรงเช่น ทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ ในบรรดาสารที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางประเภทสกินแคร์ที่สาว ๆ ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

1. ทรีโคซาน

อันตรายต่อระบบของฮอร์โมนโดยเฉพาะฮอร์โมนในการการเจริญเติบโต ทรีโคซานมักผสมอยู่ในโฟมล้างหน้าและสบู่ล้างมือที่มีสรรพคุณยับยั้งและปกป้องผิวจากแบคทีเรีย เมื่อใช้ไประยะยาวจะเกิดผลเสีย เพราะทรีโคซานจะไปสะสมในร่างกายเมื่อซึมเข้าไปในชั้นผิว ทำให้ระบบของฮอร์โมนที่ควบคุมการเติบโตผิดปกติโดยเฉพาะเด็กในวัยที่กำลังเจริญเติบโตหรือหญิงตั้งครรภ์

2. พาราเบน

แม้ชื่อจะฟังดูเป็นภาษาอังกฤษที่ไพเราะไม่มีพิษภัย แต่ถ้าแปลให้เข้าใจง่าย ๆ เป็นภาษาไทย เชื่อว่าสาว ๆ จะต้องรู้สึกสยองกันอย่างแน่นอน เพราะ พาราเบน เรียกง่าย ๆ ให้เข้าใจก็คือ สารกันบูดชนิดหนึ่ง นั่นเอง ลองคิดดูว่าร่างกายและผิวพรรณของเราที่ยังมีชีวิตอยู่กลับต้องถูกเคลือบด้วยสารกันบูดที่เราเป็นคนทาให้กับผิวเอง แถมสารกันบูดตัวนี้ยังซึมซาบเข้าไปในผิวของเราด้วย ยิ่งถ้านำไปทาให้เด็กเล็ก ๆ ก็จะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายด้วย แม้สกินแคร์ขวดนั้นมีสารอื่น ๆ ที่บำรุงผิวดีแค่ไหน แต่ถ้าปนเปื้อนด้วยพาราเบนหรือสารกันบูดก็คงไม่มีใครอยากใช้แน่ ๆ

3. ออกซิเบนโซน

ในครีมกันแดดหลาย ๆ ยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐานมักจะมีการแอบใส่สารที่ชื่อว่า ออกซิเบนโซน ตัวนี้ผสมอยู่ สารตัวนี้มีฤทธิ์ร้ายกาจมาก เพราะเมื่อสะสมอยู่ในร่างกายจากการซึมซาบไปใต้ผิวหนัง จะไปรบกวนและทำให้การผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงทำให้เกิดอาการผิดปกติได้ และยังเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ในเบื้องต้นสารตัวนี้จะทำให้เกิดการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย นับว่าเป็นสารที่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อผิวพรรณ กลับให้โทษเสียมากกว่า แล้วอย่างนี้สาว ๆ จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใดไม่ระวังคงจะไม่ได้เสียแล้ว

4. เรตินัล

เรตินัลที่เคยฮิตกัน เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางบำรุงผิวและปัจจุบันก็ยังมีอยู่มากในครีมกันแดดและโฟมล้างหน้า เป็นศัตรูตัวร้ายของผิวพรรณ เพราะเมื่อเรตินัลโดนแสงแดดจะเกิดปฏิกิริยา ทำให้มีผลเสียกับผิว ทำให้ผิวแก่เร็วเกิดความผิดปกติในระบบการทำงานของเซลล์ผิว

5. น้ำหอม

ใครว่าน้ำหอมไม่อันตราย เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สกินแคร์หลายอย่างมักนิยมใส่น้ำหอมลงไปเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นที่น่าใช้ ทำให้สาว ๆ จำนวนมากรู้สึกติดใจ แต่น้ำหอมเหล่านั้นก็มีอันตรายที่แฝงมาโดยไม่คาดคิด เพราะมักจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ รบกวนต่อมรับกลิ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่าย ดังนั้น ถ้าจะให้ดีสาว ๆ ก็ควรจะเลือกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ที่ปราศจากน้ำหอมจะดีกว่า

เมื่อทราบเรื่องราวความสวยความงาม น่ารู้ดี ๆ แบบนี้กันแล้ว ถ้า อยากสวยขึ้นขาวขึ้น ในครั้งหน้าที่ไปเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สกินแคร์ อย่าลืมตรวจดูส่วนผสมก่อนซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสารเหล่านี้แน่นอนก่อนซื้อนะ


ขั้นตอนการทาครีมทาผิวที่ควรเข้าใจ วิธีการทาครีมง่าย ๆ มีดังต่อไปนี้

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

ขั้นตอนการทาครีมทาผิว ที่ควรเข้าใจ วิธีการทาครีมง่าย ๆ มีดังต่อไปนี้ การทาครีมทาผิวเป็นการรักษาผิวหน้าให้สวยใสอยู่ตลอด แต่ก็อาจจะมีข้อสงสัยว่า ต้องลำดับการทาไหม บางคนบอกต้องลำดับ บางคนบอกไม่ต้องหรอก ทา ๆไปเหอะ ซึ่งแบบหลังขอบอกเลยว่าใครที่ทำอยู่ให้รีบหยุดทันที เพราะการลำดับการทาครีมที่ผิด จะส่งผลเสียต่อผิวและทำให้ครีมทาผิวทำงานได้แบบไร้ประสิทธิภาพเลยก็ว่าได้ ซึ่งวันนี้เราก็จะมาดูขั้นตอนการทากันว่าควรเป็นอย่างไร

เราควรเรียงลำดับการทาครีมบำรุงผิวหน้าอย่างไรดี

การทาลงบนผิวโดยตรงเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด เราจึงควรเริ่มด้วยผลิตภัณฑ์ที่รักษาสิวก่อนเสมอ หลังจากนั้นจึงค่อยทาโลชั่นบำรุงผิวที่ควบคุณความมัน แต่ต้องทาในบริเวณที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อที่เราจะได้รับประโยชน์การทำงานจากผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดโดยที่เราต้องไม่ลบล้างการทำงานและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์รักษาสิวออกไป จากนั้นจึงตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งมีหน้าที่ในการบำรุงผิว แต่ถ้าเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องสิวหรือความมัน เราก็สามารถข้ามขั้นตอนดังกล่าวไปได้เลย

การทาครีมบำรุงผิวหน้าไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม เราควรทาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการรักษาผิวลงไปก่อน จากนั้นค่อยตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบำรุงผิว สุดท้ายตบด้วยครีมกันแดด หลักในการเรียงลำดับการทาครีมไม่ว่าจะเป็นชนิดก็ตาม ให้ทาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบาก่อน จากนั้นทาเนื้อหนักทีหลัง วิธีที่สังเกตว่าครีมจะมีเนื้อบางหรือเนื้อแน่นก็มาจากการสัมผัสเนื้อครีม

วิธีเรียงลำดับการใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่ถูกต้อง

อยากสวยขึ้นขาวขึ้น

  • จำให้ดีว่าใช้บูสเตอร์และตามด้วยอายครีมก่อนเป็นลำดับแรกเสมอ
  • ถ้าเป็นสิวอักเสบบนใบหน้าให้ใช้ยาแต้มเฉพาะจุด และต้องเว้นการทาครีมบำรุงทุกชนิดในบริเวณที่ทายารักษาสิว
  • สำหรับครีมบำรุง ถ้ามีเนื้อบางเบาให้เริ่มทาก่อน
  • สำหรับครีมบำรุง ถ้ามีเนื้อหนักให้ทาทีหลัง
  • ถ้ามีครีมบำรุงในกลุ่มผลัดผิว เช่น AHA หรือ BHA หรือว่าจะเป็นพวกทรีตเมนท์ต่าง ๆ เช่น Retinol จะต้องทาก่อนพวกมอยส์เจอไรเซอร์เสมอ

นอกจากนี้ ก่อนที่จะซื้อครีมบำรุงผิว ไม่ว่าจะตัวไหนก็ตาม เราควรจะเช็กการทำงานของครีมชนิดนั้น ๆ ให้ดีก่อน จะได้ไม่เสียดายเงิน ถ้าหากใช้แล้วไม่ตรงกับความต้องการ หรือจะได้ไม่ต้องซื้อมามากเกินความจำเป็น ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีกว่า และอย่าชโลมครีมหน้าใสทั้งหมดลงบนผิวจนเยอะเกิน เพราะยิ่งทามาก ยิ่งอุดตัน ไม่ใช่ว่าทาเยอะแล้วจะดีเสมอไป และวิธีทาครีมบำรุงผิวที่ถูกต้องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน

ทั้งนี้ ก็เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุงผิวของเรา ใครที่ อยากสวยขึ้นขาวขึ้น ก็จะได้มีผิวสวยใสเปล่งประกายสมดังใจ และสำหรับใครที่เคยสับสนว่า ฉันจะต้องทาครีมบำรุงผิวชนิดไหนก่อนหรือหลังดี เชื่อว่าถ้าอ่านบทความนี้กันจบแล้ว ทุกคนคงจะสามารถนำไปเป็นแนวทางในการเรียงลำดับการทาครีมบำรุงผิวหน้าได้อย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพผิวและหน้าที่ใสเด้ง ๆ เปล่งประกาย ควรเรียงลำดับขั้นตอนการทาครีมทาผิวตามข้างต้นที่บอกไป เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ


อ้างอิง

สารอันตรายในเครื่องสำอาง พึงระวังก่อนเลือกใช้. https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/สารอันตรายในเครื่องสำอ/

-วิธีทาครีมตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง. https://www.watsons.co.th/blog/th/skincare-tips-th/วิธีทาครีมตามลำดับขั้น

10 วิธีลดหน้ามัน ให้หน้าไม่เยิ้ม และกลับมาเนียนใสด้วยสูตรนี้

10 วิธีลดหน้ามัน ให้หน้าไม่เยิ้ม และกลับมาเนียนใสด้วยสูตรนี้

วิธีลดหน้ามัน ให้หน้าไม่เยิ้ม และกลับมาเนียนใสด้วยสูตรนี้… หน้ามัน เชื่อผิวของคนไทยส่วนใหญ่ต้องเจอกับปัญหานี้อย่างแน่นอน และด้วยความที่เป็นเมืองร้อนปัญหานี้จึงแก้ได้ยาก และน่ารำคาญมากที่สุด

แต่วันนี้เรามีเรื่องดีๆ มาบอก เพราะว่าคุณจะสามารถหา วิธีลดหน้ามัน ให้น้อยลงไปได้ด้วย 10 วิธีเหล่านี้

1. เลือกรับประทานอาหาร

วิธีลดหน้ามัน

เรื่องอาหารการกินก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อผิวโดยตรง อย่างของทอด ของมันทั้งหลาย จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้ผิวหน้ามันเพิ่มขึ้น แถมทำให้สิวขึ้นง่ายด้วย

สารอาหารสำหรับคนที่หน้ามันหรือผิวมันควรจะได้รับมากที่สุด คือ วิตามินเอ และวิตามินบี 2 เพราะว่าหากขาดสองตัวนี้ผิวของคุณจะเพิ่มความมันมากขึ้นไปอีก วิตามินเอจะช่วยให้ร่างกายลดกระบวนการผลิตความมัน อยู่ในอาหารประเภท แครอท แคนตาลูป ผักโขม และควรงดรับประทานของมัน ของทอด รวมถึงน้ำตาล น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารที่มีรสจัด ส่วนวิตามินบี 2 จะอยู่ในอาหารประเภท ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี

เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะไปเพิ่มการขยายตัวของหลอดเลือด ให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ และร่างกายเกิดการขาดน้ำ ผิวของคุณจะมัน ไม่สดใส หมองคล้ำ หันมาเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะดีกว่า

2. ดื่มน้ำสะอาด

วิธีลดหน้ามัน

การดื่มน้ำบ่อยเป็นอีกวิธีคุมหน้ามันไม่ให้เยิ้มที่ได้ผลอย่างมาก แต่ไม่ใช่ดื่มทีละเยอะๆ ในครั้งเดียว คุณควรจิบบ่อยๆ ตลอดวัน จะทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื่น ช่วยในการขับของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ดีขึ้น

3. อย่าให้อะไรมาบดบังใบหน้า

วิธีลดหน้ามัน

เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะสกปรก เช่น เส้นผมโดยเฉพาะคนที่นิยมใส่เจลหรือน้ำมันใส่ผม จะยิ่งทำให้ไปโดนหน้า และอาจทำให้เกิดสิวได้ง่าย เวลานอนก็เช่นกัน ควรปัดผมไว้ด้านหลัง ยิ่งถ้าคุณไม่ค่อยสระผม รับรองว่าตื่นมาหน้าของคุณต้องมันแน่นอน

4. หลีกเลี่ยงแสงแดด

วิธีลดหน้ามัน

พยามยามหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะแดดเมืองไทยที่ร้อนมาก หากว่ามีกิจกรรมที่ต้องออกแดดจริงๆ แนะนำว่าควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง แต่ควรเลือกใช้สูตรบางเบาซึมซาบเร็ว เพื่อช่วยลดความมันบนใบหน้า

5. ทำความสะอาด

วิธีลดหน้ามัน

ความมันเกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกต่างๆ เราควรล้างทำความสะอาดผิวหน้า แต่ว่าไม่ต้องบ่อยเกินไปและต้องทำตามการล้างหน้าที่ถูกต้องของคนหน้ามันแบบปกติทั่วไปอย่างล้างเช้าและเย็น การล้างหน้าบ่อยเกินไปจะไปกระตุ้นให้ผิวขับความมันออกมามากขึ้น

6. เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าช่วยลดหน้ามัน

วิธีลดหน้ามัน

สำหรับคนที่มีผิวหน้ามันกว่าคนปกติทั่วไป การเลือกโฟมล้างหน้าควรเลือกที่มีค่า pH เป็นกลาง หรือไปทางกรดเล็กน้อย หรือเลือกที่เป็นสูตรเย็น ช่วยกระชับรูขุมขน สำหรับใครที่ใช้สบู่ล้างหน้าขอให้เลิกเสีย เพราะว่าสบู่มีฤทธิ์เป็นด่าง และไม่ควรใช้โฟมล้างหน้าที่มีสครับทุกวัน เพราะว่าจะไปกระตุ้นให้หน้าผลิตน้ำมันตลอด

7. ใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า

วิธีลดหน้ามัน

ใครที่ต้องการใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะหน้ายิ่งแห้ง ซึ่งจะยิ่งขับน้ำมันออกมากขึ้นกว่าเดิม และควรโทนเนอร์หลังล้างหน้าทั้งเช้าและเย็น เพื่อช่วยควบคุมความมัน

8. ใช้ครีมบำรุงผิวที่ปราศจากน้ำมัน

วิธีลดหน้ามัน

ไม่ว่าคุณจะใช้บำรุงอะไรก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ควรเลือกครีมบำรุงสำหรับคนหน้ามันและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ชนิดบางเบาที่ซึมเข้าสู่ผิวอย่างเร็วไม่เหนอะหนะ

9. เครื่องสำอางลดหน้ามัน

วิธีลดหน้ามัน

การเลือกเครื่องสำอางประเภทคุมมันก็เป็นวิธีที่ดี อย่างรองพื้นควรใช้สูตรน้ำหรือรองพื้นสูตรเจล และทั้งหมดต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ยิ่งถ้ารองพื้นของคุณมีส่วนผสมของแร่ธาตุ และวิตามินจะดีมาก โดยเฉพาะซิงค์ ออกไซด์ และวิตามินซี เพราะว่าแร่ธาตุเหล่านี้จะช่วยควบคุมความมันให้คุณได้อีกระดับ

10. มาส์กแก้หน้ามัน

วิธีลดหน้ามัน

การเลือกมาส์กหน้า ควรเลือกประเภทที่มีสาร AHA หรือ BHA เพราะจะช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวและกระชับรูขุมขน ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ไม่ควรใช้มากจนเกินไป ควรใช้แค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะเลือกสมุนไพรก็ได้เช่นกัน ได้แก่ ขมิ้น และมะขามเปียก เป็นต้น หรือเลือกใช้เป็นมาส์กแผ่นสำเร็จรูปเลยก็ได้เช่นกัน

วิธีจัดการปัญหาหน้ามันอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุต่างๆ ซึ่งปัญหาหน้ามันอาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์หรือฮอร์โมนก็ทำให้แก้ไขได้ยาก รวมถึงสภาพผิวที่แตกต่างกันของแต่ละคนก็มีส่วนที่ทำให้ดูแลผิวหน้าได้ยากหรือง่ายแตกต่างกัน 

แต่เราก็มีอีกวิธีมาแนะนำ นั่นก็คือ สูตรมาส์กหน้าจากธรรมชาติที่ทำได้ด้วยตัวเอง อีกวิธีที่ช่วยจัดการหน้ามันได้แบบง่ายๆ และสามารถลองไปทำตามดูได้


แนะนำ 10 วิธีแก้หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ด้วยสูตรมาส์กหน้าที่ทำได้ด้วยตัวเอง

วิธีลดหน้ามัน

10 วิธีแก้หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ด้วยสูตรมาส์กหน้าที่ทำได้ด้วยตัวเองและสามารถทำได้เองง่ายๆ ที่บ้าน เพราะบางทีการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางตัวก็อาจจะมีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรง ฉะนั้นนี่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งก็คือสูตรมาส์หน้าจากธรรมชาติ ที่ช่วยลดความมันได้ง่ายๆ และช่วยบำรุงผิวด้วย

1. สูตรมาส์กหน้าด้วยไข่ขาว

วิธีลดหน้ามัน

สูตรนี้คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ เพียงนำส่วนผสมต่างๆ มาผสมให้เข้ากัน ไข่ขาว 1 ฟอง, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, แตงกวา 1 ลูก และใบสะระแหน่ แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

2. สูตรมาส์กหน้ามะเขือเทศ

วิธีลดหน้ามัน

บดมะเขือเทศจนละเอียดแล้วนำมาทาหน้าทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างออก จะช่วยควบคุมความมันได้ดี และผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

3. สูตรแก้หน้ามันด้วย มะนาว + มะเขือเทศ + ข้าวโอ๊ต

วิธีลดหน้ามัน

นำ มะนาว + มะเขือเทศ + ข้าวโอ๊ต มาผสมให้เข้ากัน ทาทิ้งไว้บนหน้าประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

4. สูตรแก้หน้ามันด้วย ข้าวโอ๊ต + น้ำมันมะกอก + น้ำมะนาว

วิธีลดหน้ามัน

ใช้ข้าวโอ๊ตบด ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำมันมะกอกนิดหน่อยเพียงแค่หยดสองหยดก็พอ คนให้ทุกอย่างข้นเข้าที่ จากนั้นนำมาขัดหน้าเบาๆ แล้วล้างออกให้สะอาด

5. สูตรมาส์กหน้าด้วยมะนาว

วิธีลดหน้ามัน

สามารถใช้น้ำมะนาวสดๆ ได้เลย นำสำลีมาชุบแล้วทาบริเวณใบหน้าได้ แต่ยกเว้นบริเวณรอบดวงตา หากว่าใครมีอาการแสบให้เจือจางด้วยน้ำอุ่น ทำได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ระวังอย่าทิ้งไว้นานเพราะน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด

6. สูตรคุมหน้ามันด้วย น้ำเกลือ + เปลือกมะนาว

วิธีลดหน้ามัน

อีกหนึ่งสูตรเจือจางสักหน่อยและยังคงใช้น้ำมะนาวเช่นเดิม โดยในสูตรนี้เราจะใช้น้ำเกลือด้วย โดยต้มน้ำเกลือให้เดือดได้ที่ รอให้เย็น เอาหน้าไปอังไอน้ำเกลือเพื่อให้รูขุมขนเปิด จากนั้นเอาน้ำเกลือมาเช็ดหน้า รอจนแห้งแล้วใช้เปลือกมะนาวขัดหน้าเบาๆ จากนั้นใช้นำเกลือล้างหน้าอีกครั้ง แล้วตามด้วยโฟมล้างหน้าที่ใช้ปกติ

7. สูตรลดหน้ามันด้วย แอปเปิ้ล + น้ำผึ้ง

วิธีลดหน้ามัน

สูตรนี้ก็หาส่วนผสมไม่ยาก ใช้ แอปเปิ้ล 1 ผล + น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ นำแอปเปิ้ลมาปั่น ใช่ๆ อย่าลืมปลอกเปลือกก่อนแล้วล้างให้สะอาดนะ เมื่อได้แอปเปิ้ลละเอียดแล้ว ให้เอามาผสมกับน้ำผึ้ง พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นก็ล้างออกให้สะอาด จบพิธี

8. สูตรมาส์กหน้าด้วยว่านหางจระเข้

วิธีลดหน้ามัน

ให้นำว่านหางจระเข้มาปลอกเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้น ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาพอกไว้ที่หน้า ว่านหางจระเข้จะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น และช่วยลดความมันบนใบหน้าได้

9. สูตรมาส์กหน้าด้วยดินสอพอง

วิธีลดหน้ามัน

ดินสอพองนั้นมีสรรพคุณในการช่วยดูดซับความมัน โดยสามารถนำไปผสมกับมะนาวและน้ำผึ้งร่วมด้วยก็ได้ จากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้สัก 15 นาที แล้วล้างออก จะทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นได้

10. สูตรมาส์กหน้าด้วยกล้วยหอม

วิธีลดหน้ามัน

สูตรนี้ทำง่ายๆ ด้วยการนำกล้วยหอม 1 ลูก ผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ มาปั่นผสมให้เข้ากันและนำไปพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้จะช่วยทำให้หน้าใสไกลสิวและลดความมันได้

สกินแคร์บางตัวก็อาจจะไม่เหมาะกับสภาพผิวของเรา รวมไปถึงการใช้ยาบางชนิดก็มีส่วนทำให้ผิวมันมากขึ้นได้เช่นกัน การแก้ไขปัญหาผิวมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ วิธีลดหน้ามัน ที่เรานำมาฝากกันนั้นก็เป็นวิธีที่ทำตามกันได้และยังมีสูตรมาส์กหน้าจากธรรมชาติ หากลองทำตามดูก็อาจจะช่วยลดความมันของผิวไปได้บ้าง ที่สำคัญการแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างทันที ทุกอย่างต้องใช้เวลาและหาวิธีที่เหมาะสมกับผิวของเราจึงจะมีประสิทธิภาพที่สุด


อ้างอิง

A Skin Care Routine for Oily Skin : https://greatist.com/health/skin-care-routine-for-oily-skin

https://women.kapook.com/view239880.html

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน ให้สิ้นซาก พร้อมสูตรลอกสิวเสี้ยน กระชากถึงต้นตอ

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน ให้สิ้นซาก พร้อมสูตรลอกสิวเสี้ยน กระชากถึงต้นตอ

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน ให้สิ้นซาก พร้อมสูตรลอกสิวเสี้ยน กระชากถึงต้นตอ วันนี้เราจะมาดูเรื่องสิวๆ โดยเฉพาะเรื่องสิวเสี้ยวรับรองว่าละเอียดยิบ จนคุณอ่านจบแทบจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิวเสี้ยนได้เลย

สิวเสี้ยน เวลาที่มีมันเกิดขึ้น มันจะเกิดเยอะมากๆ คล้าย ๆ กับสิวอุดตัน แต่ว่าในไขมันนั้นมักจะมีขนรวมอยู่ด้วย และแค่แค่สิวเพียงหัวเดียวอาจมีขนมากถึง 50 เส้น ซึ่งขนเหล่านี้แหละคือตัวการ เพราะว่าเมื่อมันขดรวมกันจำนวนมาก จะอุดตันรูขุมขนจนทำให้เกิดความสกปรก เป็นปัญหาเริ่มต้นของการเกิดสิวต่างๆ 

สิวเสี้ยน มีชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆ ว่า Trichostasis spinulosa พบได้ในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นจะพบมากเป็นพิเศษ เมื่อรูขุมขนเกิดความผิดปรกติ จะเกิดเป็นสิวเสี้ยน มีลักษณะคล้ายกับสิวหัวดำ และอาจะมีขนเล็กแทรกอยู่ สังเกตเห็นได้ตามจุดำเล็กๆ บนใบหน้า มีความแหลมของหัวสิว เกิดมากบริเวณ ปลายจมูก หน้าผาก ข้างแก้ม หรือแม้แต่บริเวณคอ และหลัง สรุปง่ายๆ คือมันสามารถเกิดได้ทุกที่ ลองมาดูวิธีรักษาสิวและจุดด่างดำ รวมถึงวิธีกำจัดสิวเสี้ยน ปราบให้สิ้นซาก พร้อมสูตรลอกสิวเสี้ยน ที่กระชากถึงต้นตอ

1. ดูแลตัวเอง

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

การดูแลตัวเองพูดแล้วมันจะกว้างมากเกินไป เพราะฉะนั้นเราจะมาเฉพาะเจาะจงกัน นั้นคือการรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หากว่าหน้ามันระหว่างวันเราสามารถใช้กระดาษซับมันได้ หรือล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก็ได้ นี่ก็เป็น วิธีกำจัดสิวเสี้ยน ง่ายๆ และได้ผลดี

แต่การล้างหน้านั้นก็มีข้อจำกัดเช่นเพราะว่าการล้างหน้าบ่อยเกินไปจะยิ่งทำให้เกิดสิวผดได้ง่าย เพราะฉะนั้นล้างแค่วันละ 2 ครั้งก็พอร่วมกับการใช้เจลล้างหน้าลดการเกิดสิว ใครที่ชอบใช้ครีมบำรุงขอให้ใช้ครีมที่มีเนื้อบางเบา และไม่สารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และเน้นทานอาหาร เช่น ผัก ผลไม้เป็นพิเศษ หรือหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน แล้วดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน

2. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

มีอะไรบ้างที่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดสิวเสี้ยน อย่างแรกคือหน้ามัน เพราะจะกระตุ้นให้รูขุมขนกว้าง เกิดจากอะไร เพราะว่าเราใช้ครีมที่ความมันมากเกินไป เกิดจากการกดสิว บีบสิว เช็ดหน้าแรงๆ บ่อยๆ ระวังอย่าทำ ที่สำคัญการใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอางที่ถูกต้องก็เป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยลดการเกิดสิวได้เช่นกัน

3. ใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

ยาที่สามารถช่วยเรื่องปัญหาของสิวเสี้ยนได้ดี ล้างหน้าให้สะอาดแล้ววันละ 2 ครั้ง เช้า และก่อนนอน โดยทาทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์จะช่วยลดไขมันที่ผิวหนัง ครั้งแรกที่ใช้หลายคนอาจจะกลัวแพ้ ควรใช้ที่ความเข้มข้นต่ำก่อนหรือขนาด 2.5% จากนั้นหากไม่แพ้ก็ค่อยปรับเพิ่มมาเป็น 5% หรือ 10% ได้

4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA และ BHA

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

ยาชนิดนี้จะช่วยให้ไขมันสลายและสามารถเอาสิวเสี้ยนออกมาได้ง่ายมากขึ้น จากนั้นเราต้องบำรุงด้วยโทนเนอร์เพื่อกระชับรูขุมขน แต่ยาตัวนี้หายากพอสมควร บนฉลากจะเขียนว่า Salicylic acid แต่ว่าบางทีอาจจะเห็นผลช้า ใครที่อยากได้แบบรวดเร็ว แนะนำตัวนี้ เรตินอยด์

5. ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์จะช่วยสลายไขมันได้เช่นกัน ลดการเกาะตัวของเซลล์ผิวหนัง ป้องกันการเกิดสิวเสี้ยน มีหลายแบบให้เลือกใช้ ทั้งแอลกอฮอล์เบสและวอเตอร์เบส เวลาใช้เสร็จก็อย่าลืมบำรุงด้วยโทนเนอร์ และถ้าจะให้เห็นผลไว ชัดเจน ควรใช้คู่กับมาส์กลอกสิวเสี้ยน

6. ครีมกำจัดสิวเสี้ยน

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

ในบ้านเรามีครีมประเภทนี้ขายอยู่มากมาย หาซื้อง่าย ส่วนมากจะเป็นครีมที่ลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ ช่วยให้เซลล์ผิวหลุดลอกออกมา และรวมทั้งไขมันที่อุดตัน แต่ว่าได้ผลแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ลดการเกิดสิวเสี้ยนได้ถาวร หากจะให้ดีใช้ควบคู่กับยาที่แนะนำจะดีที่สุด

7. ใช้เครื่องมือกดสิว

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

อันนี้ใครหลายๆ คนชอบ เพราะว่าตรงไหนที่มีสิวเสี้ยนหัวดำ เราสามารถกดให้หัวมันออกมาได้ แต่ต้องทำอย่างระมัดระวังนะ เพราะว่าอาจทำให้เกิดการอักเสบ หรือผิวหนังระคายเคืองได้

8. แผ่นลอกสิวเสี้ยน

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

มีขายเยอะมาก ใน 7-11 หรือร้านค้าชั้นนำก็ยังมีขาย พวกนี้จะเคลือบสารทำให้ติดแน่น พอนำมาแปะบริเวณใบหน้าเอาไว้สักพักแล้วดึงออกมา สิวเสี้ยนก็จะหลุดออกมาด้วย ราคาไม่แพง เห็นผลทันที

แต่ข้อเสียคือมันดึงสิวเสี้ยนออกมาได้เฉพาะที่ไขมันเกิดการละลายแล้วเท่านั้น พวกสิวเสี้ยนบางตัวมันดึงหลุดยาก และระวังเวลาใช้อย่าใช้บ่อย เพราะว่ามีสารเคมีที่อาจทำให้ผิวหน้าแพ้ได้ อย่างมากควรใช้สัก 2 สัปดาห์ 1 ครั้งก็พอ ที่สำคัญอย่าลืมบำรุงป้องกันรูขุมขนกว้างด้วย

9. มาส์กลอกสิวเสี้ยน

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

มีหลายยี่ห้อให้เลือก ที่อยากแนะนำคือ Blackhead EX Nose Clay Mask และ Clear Nose ถือว่าใช้ผลดี และราคาเบาๆ ไม่เจ็บกระเป๋าตังค์

10. สครับหน้า

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

อีกหนึ่งวิธีกำจัดสิวเสี้ยนและช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดการเกิดความหมองคล้ำของใบหน้า และลดการอุดตันของสิ่งสกปรกที่จะกลายเป็นปัญหาสิวตามมาได้ รวมถึงช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำที่จมูกได้ ทำให้ผิวหน้าเกลี้ยงพร้อมรับสกินแคร์อื่นๆ ให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเผยผิวที่กระจ่างใส และควรเลือกสครับที่ไม่บาดผิวหน้า

11. ไข่ขาว

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

วิธีนี้ใครก็ต้องเคยใช้แน่นอน วิธีทำก็ง่ายๆ แค่เอาไข่ขาวมาทาหน้า ทาให้หมดหน้าไปเลย แล้วเอากระดาษทิชชูมาแปะ รอจนแห้งแล้วลอกออกมา จะเห็นสิวเสี้ยนหลุดออกมาด้วย หลังจากเสร็จล้างหน้าเรียบร้อยให้ทาโทนเนอร์กระชับรูขุมขนซ้ำอีกครั้ง

12. นมสด + ผงเจลาติน

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

สูตรนี้ได้มาจากบล็อกเกอร์สาวต่างประเทศที่แนะนำมาว่าใช้แล้วได้ผลจริง เพราะว่าลองใช้มาแล้ว โดยทำตามขั้นตอนดังนี้ นำนมสดกับผงเจลาตินมาคนให้เข้ากัน แล้วนำไปเวฟ 10 วินาที ห้ามทาตอนร้อนๆ เด็ดขาด จากนั้นรอให้เย็นลง พอได้ที่ให้นำมาทาบริเวณที่ต้องการจะลอกสิวเสี้ยน ทาบางๆ รอจนแห้งแล้วลอกออก คุณจะพบกับผิวหน้าสว่างใสไม่มีสิวเสี้ยน

13. สูตรน้ำมะนาว

สูตรนี้หลายคนน่าจะเคยทำ เพราะว่าน้ำมะนาว มีประโยชน์ต่อผิวมาก ช่วยลดการอักเสบ ปรับผิวหน้าไม่ให้มัน และยังมีสูตรลดสิวผดอีกด้วย แต่ในสูตรของการลอกสิวเสี้ยน ใช้น้ำมะนาวสดทาบริเวณที่มีสิวเสี้ยน เพื่อให้เกิดการละลายไขมันและเกิดอ่อนตัว หรือจะใช้คู่กับดินสอพองหรือแป้งโยคีผสมกัน แล้วทาทิ้งเอาไว้ทั้งก็ได้เช่นกัน

สูตรนี้หลายคนที่ใช้ครั้งแรกอาจจะแสบๆ หน่อยๆ แต่ใครที่แสบมาให้เจือจางน้ำมะนาวโดยการผสมกับน้ำก่อนก็ได้เช่นกัน แล้วค่อยปรับให้เข้มข้นมากขึ้นเมื่อผิวของเราเข้าที่จนรู้สึกชินแล้ว และอย่าทิ้งไว้นานจนผิวระคายเคือง

14. เครื่องดูดสิวเสี้ยน

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

มีทั้งแบบมือถือซื้อมาทำเองหรือแบบเครื่องใหญ่ที่ใช้กันตามคลินิกทั่วไปที่จะต้องใช้โอโซนร้อนเพื่อเปิดรูขุมขนก่อนและลดการอุดตัน แล้วตามด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ ดูดเอาสิ่งที่อุดตันออกมา ราคาต่อครั้งทำที่คลินิกเดี๋ยวนี้ก็ไม่แพงครับ ประมาณหลักร้อยเท่านั้น

ส่วนเครื่องดูดสิวเสี้ยนแบบทำเอง ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องเล็กๆ กะทัดรัด เป็นเครื่องดูดสุญญากาศเช่น ความแรงก็ใช้ได้เลย โดยวิธีทำก็แค่ทำความสะอาดหน้า แล้วใช้เครื่องดูดตามคำแนะนำได้เลย

15. ใช้เครื่องไอพีแอล

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

เจ้าเครื่องไอพีแอล คือเครื่องดูดสิวเสี้ยนใช้การส่งพลังงานแสงลงไป กำจัดได้ลึกถึงราก ป้องกันการเกิดเซลล์ขนใหม่ วิธีนี้ดีมาก มีผลข้างเคียงน้อย แต่อาจจะต้องทำบ่อย และมีค่าใช้จ่ายพอประมาณ ใครที่ต้องการทำด้วยวิธีนี้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

16. เลเซอร์สิวเสี้ยน

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน

อีกหนึ่งวิธีสำหรับคนที่มีงบ และอยากได้ผลที่รวดเร็ว แน่นอนว่าการเลเซอร์สิวเสี้ยนสามารถกำจัดได้มากกว่าร้อยละ 50% เมื่อทำไปหลายๆ ครั้ง สิวเสี้ยนจะหายไปอย่างหมดจด แต่ว่าอาจทำให้เกิดรูขุมขนที่กว้างมากขึ้น และมีรอยแดงๆ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะว่ามันจะหายไปใน 2-3 วัน

มีหลายวิธีในการกำจัดสิวเสี้ยนบนใบหน้า ซึ่งการจะเลือกใช้วิธีไหนในการกำจัดก็ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคุณด้วย และสิ่งที่จะช่วยให้การกำจัดสิวเสี้ยนได้ผลดี อย่าลืมเริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยน ขัดผิวบ้างเพื่อกำจัดสิ่งที่อุดตันหรือน้ำมันส่วนเกิน 

หลังการใช้ยารักษาสิวเฉพาะที่ต่างๆ ก็อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงใดๆ ที่สำคัญอย่าลืมบำรุงผิวหลังกำจัดสิวเสี้ยนเพื่อช่วยปลอบประโลมและปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


อ้างอิง

5 Ways To Get Rid Of Them : https://www.mindbodygreen.com/articles/sebaceous-filaments

10 ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ตัวช่วยกำจัดสิวบนใบหน้าที่คนเป็นสิวต้องอ่าน

10 ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ตัวช่วยกำจัดสิวบนใบหน้าที่คนเป็นสิวต้องอ่าน

10 ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ตัวช่วยกำจัดสิวบนใบหน้าที่คนเป็นสิวต้องอ่าน ปัญหาใหญ่ของคนเราก็คือสิว ซึ่งใครที่เป็นคนที่เกลียดกลัวสิวอยู่เป็นทุนเดิมแล้วละก็ อาจจะคิดว่าสิวเป็นปัญหาระดับมวลมนุษย์ชาติเลยก็ว่าได้

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ทำให้หลายบริษัทได้สร้างผลิตภัณฑ์ออกมาตอบสนองความต้องการของทุกคนกันอย่างล้นหลาม จนบางทีก็มีเยอะจนเลือกไม่ถูก และวันนี้เราก็จะมาแนะนำ 10 แบรนด์ของ ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ที่ว่ากันว่าใช้แล้วดีและเหมาะกับคนเป็นสิวที่สุด ไปดูกันได้เลย!

1. LA ROCHE-POSAY EFFACLAR DUO PLUS

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

เป็นครีมบำรุงผิวหน้าที่เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ เพราะได้มีหลายคนที่ใช้แล้วออกมารับรองและการันตีเลยว่าผิวหน้าดีขึ้น สิวลดน้อยลง แถมยังช่วยลดรอยที่เกิดจากสิวได้อีกด้วย ซึ่งถ้าทาทิ้งไว้ตอนกลางคืน ตื่นขึ้นมาจะพบได้เลยว่าสิวมันยุบไปเยอะ แต่ในส่วนของราคาก็แพงตามประสิทธิภาพการใช้การ ราคาสูงหน่อยหลักพันต้นๆ แต่ก็ไม่น่าเสียดายเพราะใช้ดีจริงๆ

2. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี SMOOTH E CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ครีมบำรุงผิวหน้าสมูทอีครีม ถือเป็นของประจำตัวติดกระเป๋าคนเป็นสิวแน่นอน เพราะว่าการใช้งานมันดีจริงๆ ซึ่งแค่ตัวเดียวก็สามารถจัดการทั้งเรื่องสิวเสี้ยนและรอยดำรอยแดงจากสิวได้อีกด้วย และคนที่เป็นสิวเมื่อได้ใช้แล้วก็ต้องใช้ต่อไปทิ้งไม่ลงทีเดียว เพราะใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวจะค่อยๆ หายไปจนไม่มีเลย และที่สำคัญราคาก็ยังไม่แพงมากสามารถจับต้องได้ ราคาอยู่ที่ 100-500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณ

3. PHYSIOGEL CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

สำหรับคนที่มีปัญหาทั้งเรื่องสิวและเรื่องหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยง่าย บอกเลยว่าต้องบำรุงด้วยครีมตัวนี้ เพราะครีมตัวนี้มีความสามารถในการที่ทำให้หน้านุ่มและชุ่มชื่นขึ้น แถมยังช่วยลดปัญหาการอักเสบของสิว และช่วยลดรอยดำจากสิวได้ด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกตัวที่คนเป็นสิวไม่ควรพลาดเลย และราคาก็อยู่ที่ประมาณ 500 บาท ก็เป็นราคาที่ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป จับต้องได้

4. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี DR.SOMCHAI ACNE REPAIR CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ครีมลดสิวแบรนด์ไทยที่ช่วยการลดสิวเสี้ยนได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครที่กำลังตามหาครีมบำรุงผิวที่จะช่วยลดรอยสิวไปในตัว และครีมที่ช่วยบำรุงรักษาผิวให้ขาวเนียนและชุ่มชื่นขึ้นไปในตัว ห้ามมองข้ามตัวนี้ไป เพราะถึงแม้จะหลอดเล็กแต่ประสิทธิภาพการทำงานเรียกว่าทำได้ดีมากๆ เพราะสามารถรักษารอยสิวได้เร็ว ใช้แล้วรับรองว่าชอบแน่ๆ ส่วนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 100-200 แพงไปหน่อยเพราะหลอดเล็ก แต่รับรองว่าปังแน่นอน

5. YVES ROCHER PURE SYSTEM STOP ACNE LOTION

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

สำหรับครีมทาผิวตัวนี้ ถือเป็นครีมบำรุงผิวที่มีการทำงานได้ดีมากๆตัวหนึ่ง ซึ่งเหมาะมากๆสำหรับคนเป็นสิว เพราะเมื่อใช้แล้วใบหน้าที่มันจะค่อยๆ มันน้อยลง เนื่องจากครีมตัวนี้สามารถควบคุมความมันบนใบหน้าได้นาน และที่สำคัญเนื้อครีมตัวนี้จะอยู่ในรูปของเนื้อเจล ทำให้เวลาทาแล้วไม่หนัก ไม่เหนียว และไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน แถมยังช่วยในการลดการเกิดสิวใหม่ได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในครีมสำหรับผู้มีผิวมันที่ตอบโจทย์มากๆ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 400 บาท

6. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี PAPULEX OIL-FREE CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

อยากจะบอกว่าครีมบำรุงผิวหน้าตัวนี้เป็นสูตรที่ไม่มีน้ำมันและน้ำหอมปนอยู่เลย เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญหาหน้ามันง่ายและปัญหาสิวเสี้ยน รวมไปถึงปัญหาผิวแพ้ง่าย ถ้าใช้ตัวนี้จะถือว่าดีมาก เพราะสิวเสี้ยนที่เป็นอยู่จะค่อยหายไป และยังช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่อีกด้วย แถมครีมตัวนี้ยังสามารถช่วยความมันของหน้าได้อีกด้วย ราคาครีมตัวนี้อยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท ซึ่งก็ถือว่าราสูงอยู่เหมือนกัน แต่ก็เป็นครีมที่ดีมากๆ อันหนึ่งเลยล่ะ

7. EUCERIN DERMO PURIFYER HYDRATING CARE

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ใครที่มีผิวแพ้ง่าย แพ้อะไรนิดหน่อยก็เป็นสิวแล้ว ถ้าหากได้ลองครีมบำรุงผิวตัวนี้แล้วจะต้องติดใจและถูกใจอย่างแน่นอน เพราะเป็นครีมทาผิวที่เป็นไม่มีน้ำมันและไม่มีน้ำหอม ทำให้เวลาใช้แล้วคนผิวบางจึงไม่รู้สึกคันหรือระคายเคืองอะไร แถมยังสามารถจัดการในส่วนของเรื่องปัญหาหน้ามันและปัญหาสิวได้แบบอยู่หมัด ทั้งยังช่วยให้เวลาแต่งหน้า สามารถอยู่ทนได้อีกด้วย ราคาอยู่ที่ประมาณ 900 บาท แพงไปนิด แต่ก็ผลลัพธ์เกินคาด

8. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี Puricas Anti Acne Gel

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ตัวนี้เด็ดมาก เพราะช่วยดูแลปัญหาสิวและการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ช่วยรักษาสิวที่ต้นเหตุ โดยลดการหลั่งน้ำมันใต้ชั้นผิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน สามารถตอบโจทย์และดูแลปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเจลแต้มสิวมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ ดูดหัวสิว ทำให้หัวสิวแห้งและสะกิดออกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังมีความอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย เพราะปราศจากน้ำหอม พาราเบน และสารสเตียรอยด์อีกด้วย

9. Lion Pair Acne Cream W

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ครีมแต้มสิวตัวฮิตจากญี่ปุ่น ช่วยขจัดสารพิษจากผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการคัน สิว ผดผื่น และอาการอักเสบบวมแดงของผิว คืนความชุ่มชื่นสู่ผิว ครีมแต้มสิวช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบสิวอุดตัน ทำหน้าที่สลายเชื้อโรคและฆ่าเชื้อสิวบนใบหน้าให้หมดไปด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ ทำให้สิวยุบเร็วขึ้นและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังสิวหาย ทั้งยังลดอัตราการเกิดสิวอย่างได้ผล เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อผู้มีปัญหาสิวอย่างแท้จริง

10. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี Benzac AC

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ใครที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวหัวแดง หรือสิวอักเสบบ่อยๆ ต้องรู้จัก Benzac เพราะช่วยในเรื่องลดการอักเสบของสิว และยังช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิวหน้าได้อีกด้วย โดยใช้แต้มหัวสิวทิ้งไว้ก่อนล้างหน้าสัก 15-20 นาที สามารถใช้ควบคู่กับเจลล้างหน้าลดสิวได้ แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มใช้แนะนำให้ใช้ 2.5% หรือ 5% ก่อน แต่ตัวนี้อาจจะไม่เหมาะกับคนผิวแห้ง ที่สำคัญใช้แล้วอย่าลืมทาบำรุงหน้าด้วยเพื่อป้องกันหน้าลอกและการระคายเคือง

นี่ก็เป็น 10 แบรนด์ของ ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ที่นำมาฝากกัน เพราะถ้าพูดถึงเรื่องสิว เชื่อว่าหลายคนคงไม่ชอบ และคงไม่อยากให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของตัวเองกันหรอก ซึ่งสิวนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ และเมื่อเป็นสิวแล้วจึงพยายามหาวิธีทำให้สิวหายเร็วที่สุด ดังนั้น ตัวช่วยยอดฮิตอย่าง ครีมรักษาสิว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดสิวให้หายไป


หน้าเป็นสิวใช้ครีมอะไรดี ถ้าเป็นสิว ควรใช้ครีมทาหน้าชนิดไหนดีที่สุด

หน้าเป็นสิวใช้ครีมอะไรดี ถ้าเป็นสิว ควรใช้ครีมทาหน้าชนิดไหนดีที่สุด

หน้าเป็นสิวใช้ครีมอะไรดี ถ้าเป็นสิวควรใช้ครีมทาหน้าชนิดไหนดีที่สุด ผลิตภัณฑ์ทาหน้าและครีมบำรุงผิวหรือครีมหน้าขาวในปัจจุบันมีวางขายให้เลือกกันเยอะจริงๆ เพราะมีมากมายหลากหลายยี่ห้อ แถมมีให้เลือกหลากหลายราคา

ที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ชวนทำให้ใครหลายคนสงสัยก็คือในส่วนของความแตกต่างของเนื้อครีม ที่เราเห็นหลักๆ ในท้องตลาดก็จะมีเนื้อผลิตภัณฑ์แบบครีม แบบโลชั่น แบบเจล แบบเซรั่ม และวันนี้เราจะไปดูกันว่าทั้งหมดนั้นมีหน้าที่อะไร และคนที่เป็นสิวควรใช้ครีมแบบไหน

1. ครีมทาผิวเนื้อครีม (CREAM)

ครีมทาผิวแบบเนื้อครีม เป็นครีมที่มีการผสมน้ำกับน้ำมันเข้าไว้ด้วยกัน โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำมันในปริมาณที่มากกว่า จึงทำให้เนื้อครีมค่อนข้างจะข้น หนืด แน่น และหนักกว่าเนื้อแบบอื่นๆ ซึ่งทำให้การทำงานในการซึมเข้าผิวจะช้ากว่าแบบตัวอื่น อาจจะพูดได้ว่าช้าที่สุดเลยก็ได้ ส่วนใหญ่เนื้อครีมนี้จะเคลือบติดอยู่บริเวณผิวหนังชั้นบนมากกว่า

ซึ่งเนื้อครีมเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวคนได้ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะการที่มันผสมน้ำมันเข้าไปเยอะนั่นแหละ แต่ก็ด้วยความที่มีน้ำมันนี่เองที่อาจทำให้ผิวหน้าเราเกิดความมัน และการอุดตันของน้ำมันได้ง่ายขึ้น และอาจเป็นที่มาของการเกิดสิวอุดตัน เนื้อครีมจึงเป็นสิ่งที่คนเป็นสิวควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด โดยเฉพาะคนที่มีผิวมันมากๆ

2. ครีมทาผิวเนื้อโลชั่น (LOTION)

ครีมทาผิวเนื้อโลชั่นเป็นครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกันเหมือนแบบเนื้อครีม แต่ส่วนผสมส่วนใหญ่จะมีปริมาณน้ำมากกว่า จุดเด่นของเนื้อโลชั่นคือ มีความสามารถที่ซึมเข้าผิวได้ดีกว่าแบบครีมมากๆ ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนแบบครีม 

ทำให้เหมาะกับคนที่มีผิวมัน โดยโลชั่นที่ใส่สารบำรุงผิวเยอะก็อยู่ในรูปของโลชั่นทาหน้า แต่ถ้าใส่สารบำรุงผิวน้อยก็จะอยู่ในรูปของโลชั่นทาผิวทั่วไป ซึ่งในท้องตลาดมีครีมทาผิวเนื้อโลชั่นวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เป็นโลชั่นด้วย นั่นแสดงว่าเนื้อโลชั่นเป็นเนื้อที่เหมาะกับคนเป็นสิวและหน้ามัน

3. ครีมทาผิวเนื้อเจล (GEL)

ครีมทาผิวเนื้อเจลเป็นครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันในปริมาณที่น้อยมากหรือไม่ก็ไม่มีเลย โดยกระบวนการผลิตเนื้อเจลจะใส่สารที่ทำให้เกิดเนื้อเจล จากนั้นก็ผสมรวมกับสารอื่นๆทุกอย่าง ข้อดีของครีมทาผิวแบบเนื้อเจล คือ สามารถซึมเข้าผิวได้เร็วมาก ไม่แสดงอาการอุดตัน และทาแล้วไม่ทำให้หน้ามันเลย

นั่นแสดงว่าครีมทาผิวแบบเนื้อเจล จัดว่าเป็นครีมทาผิวที่เหมาะกับคนเป็นสิวมากที่สุด ซึ่งเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลายตัวในท้องตลาดนิยมทำออกมาในรูปของเจล และแน่นอนครีมทาผิวแบบเนื้อเจลจะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งหรือผิวบาง เพราะครีมทาผิวแบบเนื้อเจลส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใส่สารที่มีความชุ่มชื้นหรือใส่พวกน้ำมันเข้าไปในผลิตภัณฑ์

4. ครีมทาผิวเนื้อเซรั่ม (SERUM)

ตามความเชื่อของสาวๆ หลายคน จะบอกว่าครีมทาผิวแบบเนื้อเซรั่มนั้นเป็นสุดยอดของครีมบำรุงผิว นิยมนำมาใช้เป็นรูปแบบไนท์ครีมที่ช่วยบำรุงผิวตอนกลางคืน ซึ่งได้ทาแล้วผิวหน้าจะเรียบเนียน เปล่งปลั่ง สวยกว่าครีมทาผิวทั่วไปแน่ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ความเป็นจริงแล้วครีมทาผิวเนื้อเซรั่มบางตัวนั้นไม่ได้มีกระบวนการผลิตที่แตกต่างจากครีมทั่วไปเลย เพียงแต่ครีมทาผิวแบบเนื้อเซรั่ม จะใส่สารบำรุงผิวเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าครีมแบบอื่น และเซรั่มก็เป็นครีมชนิดที่นิยมในการรักษาสิวมากชนิดหนึ่งเลย

ทีนี้คนเป็นสิวก็คงจะรู้แล้วว่า เราควรใช้ครีมเนื้อไหนดี โดยทั้งนี้ก็แนะนำว่าไปถามหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเลยก็ได้ เพราะผิวของคนไม่ได้มีแค่ ผิวบาง แห้ง หรือมันเพียงอย่างเดียว ยังอีกมีแบบผสมและอีกมากมายที่ครีมทาผิวอาจใช้แล้วไม่ตรงกับจุดประสงค์เลยก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณใช้ครีมทาผิวตรงกับที่บอกไป ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สิวหายและมีใบหน้าที่เรียบเนียนได้ไม่ยากแน่นอน


10 วิธีลดหลุมสิว เคล็ดลับ ลดรอยหลุมสิวดีๆ ที่ต้องบอกต่อ!

10 วิธีลดหลุมสิว เคล็ดลับ ลดรอยหลุมสิวดีๆ ที่ต้องบอกต่อ!

“หลุมสิว” แค่ได้ยินก็ขนลุกชูชันไปทั้งตัวแล้ว ก็ใครบ้างที่อยากจะมีร่องรอยหลุมบ่ออยู่บนใบหน้า แถมยังเป็นปัญหาผิวที่รักษาได้ยากเย็นเสียเต็มประดาอีกด้วย แทนที่จะมีผิวนวลผ่องดังแสงจันทร์ ก็กลับกลายเป็นว่ามีผิวขรุขระเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์นั่นเอง

เป็นฝ้า กระ หรือสิวอักเสบ มันก็ยังพอใช้เครื่องสำอางกลบเกลื่อนกันได้ แต่กรณีของหลุมสิวนั้นแทบจะไม่มีอะไรปกปิดเอาไว้ได้เลย ทางที่ดีจึงต้องรักษาให้หายหรือป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

ลดหลุมสิว สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก ให้นึกถึงผิวหน้าที่เป็นหลุมบ่อเล็กๆ กระจายเต็มพื้นที่ มักพบในบริเวณที่เกิดสิวได้บ่อย คือ บริเวณจมูกและแก้ม เกิดจากผลกระทบของสิวอักเสบที่ลุกลามจนกินพื้นที่เนื้อให้ลึกลงไป และหลายๆ ครั้งก็เกิดจากพฤติกรรมอันสุ่มเสี่ยงของตัวเราเอง เมื่อไรที่มีสิวขึ้นมาก็พยายามไปบีบมันออก ด้วยความคันมือหรือรำคาญใจก็ไม่อาจรู้ได้

แต่ที่แน่ๆ คือบีบอย่างผิดวิธี จากสิวธรรมดาก็กลายเป็นสิวอักเสบ จากสิวอักเสบก็กลายเป็นการทำลายชั้นผิว สุดท้ายก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้เต็มไปหมดดังนั้นนอกเหนือไปจากสิ่งอื่นใด จงจำไว้ว่าอย่าบีบสิวจนติดเป็นนิสัยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวเล็ก สิวหัวใหญ่ หรือแม้แต่สิวเสี้ยนก็ตามที แต่หากว่าหลุมสิวมันเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป ค่อยๆ รักษาตามระดับความรุนแรงที่อาจแบ่งได้ 3 ระดับดังนี้

ICE PICK SCAR – ลดหลุมสิวแบบนี้มีลักษณะลึก ปากหลุมแคบ อาจถูกทำลายไปจนถึงชั้นหนังแท้ เป็นรูปแบบที่รักษาได้ยากที่สุด

BOX SCAR – หลุมมีลักษณะคล้ายบ่อ มีขอบที่กว้างและค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ตื้นกว่าแบบแรกพอสมควร

ROLLING SCAR – กลุ่มนี้ยังไม่เห็นว่าเป็นหลุมเท่าไร เป็นเพียงแอ่งเว้าลงไป แต่ก็ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนแบบที่สังเกตเห็นได้

การรักษามีทั้งแบบการใช้ยาและการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ ลองมาดูแนวทางในการลดรอยหลุมสิวที่ได้รับความนิยมกันบ้างดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ใช้ผลิตภัณฑ์ลบรอยแผลเป็น

1. ใช้ผลิตภัณฑ์ลบรอยแผลเป็น

วิธีนี้ใช้ได้กับกรณีของ ROLLING SCAR เท่านั้น โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี AHA และ BHA เป็นหลัก เพราะองค์ประกอบสำคัญเหล่านี้มีหน้าที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง จึงสามารถเติมเต็มส่วนที่ถูกทำลายไปได้ แต่แน่นอนว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการลดหลุมสิว หลุมสิวจะค่อยๆ ตื้นขึ้นทีละน้อย

จะเร็วหรือช้ามากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองในส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน งดอาหารที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบต่อการเสริมสร้างคอลลาเจนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้อาจใช้การสครับผิวหน้าอย่างอ่อนโยนเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่งได้

2. แต้มกรด TCA (TRICHLOROACETIC ACID)

สารประเภทกรดชนิดนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในวงการความสวยความงาม เราอาจได้เห็นผ่านตากันมาบ้าง ว่าช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิว กระ ไฝ และรอยดำได้ด้วย กรด TCA มีคุณสมบัติในกัดกร่อน ลอกชั้นเซลล์ผิวหนังออก และเร่งผิวใหม่ให้เกิดการแบ่งตัวได้เร็วขึ้น ผิวจึงค่อยๆ เรียบเนียนขึ้นได้ แต่จะต้องศึกษาค่าความเข้มข้นที่เหมาะสมและวิธีการใช้อย่างถี่ถ้วน

เพราะถ้าผิดพลาดไปจะกลายเป็นทำร้ายผิวให้ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ผลข้างเคียงของการใช้กรด TCA ก็คืออาจเกิดรอยไหม้และสะเก็ดสีเข้มบนผิวได้ แล้วก็เป็นวิธีที่ไม่ควรทำบ่อยๆ หรือทำติดๆ กันทั่วใบหน้า เพราะอาจทำให้ผิวฟื้นตัวไม่ทัน

3. ลอกผิวด้วยกรดผลไม้

กรดผลไม้ที่เราคุ้นหูกันดีจะมีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน คือ AHA และ BHA ทั้งสองมีความเหมือนและความต่างกันเล็กน้อย โดยมีสรรพคุณโดดเด่นในการเร่งผลัดเซลล์ผิวเหมือนกัน ผิวชั้นนอกสุดจึงหลุดออกและเริ่มทำการซ่อมแซมใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความระคายเคืองในผิวบอบบาง หรือเกิดอาการผิวแห้งขาดน้ำได้ ส่วนที่ต่างก็คือ AHA เป็นกรดผลไม้ที่สกัดจากธรรมชาติ สามารถละลายได้ในน้ำ ผ่านเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังได้น้อย

ในขณะที่ BHA เป็นกรดที่สังเคราะห์ขึ้นมา ละลายได้ในไขมัน และผ่านเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังได้ลึกกว่า จะเลือกใช้ตัวไหนลดหลุมสิวก็ตามความสะดวก วิธีนี้จะค่อยๆ ทำให้หลุมสิวเติมเต็มขึ้นเรื่อยๆ

4. ทากรดวิตามินเอ (RETINOIC ACID)

นี่ก็เป็นอีกตัวที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสารสารพัดประโยชน์ต่อผิวหน้า รักษาได้หมดตั้งแต่ฝ้า กระ สิว รอยด่างดำ และแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน กรดวิตามินเอตัวนี้ไม่ใช่ตัวเดียวกันกับวิตามินเออย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นอนุพันธ์ที่ถูกสกัดมาจากวิตามินเออีกที เหมาะกับการรักษาที่ไม่ได้รีบร้อนมากนัก และไม่ต้องการให้เกิดสะเก็ดแผลที่ต้องมาดูแลเพิ่มเติมอีกในภายหลัง

กรดวิตามินเอสามารถใช้ได้บ่อยกว่ากรด TCA โดยปริมาณที่เหมาะสมอยู่ที่อาทิตย์ละ 2 ครั้ง

5. ทายาที่อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ

ยาลดหลุมสิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Retin A เพราะเป็นยาตัวแรกๆ ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับใช้ลดสิวอุดตัน ต่อมาก็แตกแขนงออกมาเป็นใช้ลดริ้วรอย ลดความมัน เป็นต้น Retin A จะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ริ้วรอยต่างๆ จึงตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งสำคัญคือไม่ควรใช้ยาตัวนี้ร่วมกับยารักษาสิวตัวอื่นๆ และควรทาแค่บางๆ เท่านั้น ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าทำให้หน้าเกิดความระคายเคืองได้

ทายาหลุมสิวที่อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ

6. ฉีดฟิลเลอร์

ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าหลุมสิวบางประเภทนั้นรักษาได้ยากมาก และไม่อาจแก้ปัญหาได้ด้วยการทายาเพียงอย่างเดียว ต้องพึ่งพานวัตกรรมทางการแพทย์ร่วมด้วยจึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ ใช้ได้กับระดับ BOX SCAR และ ROLLING SCAR ส่วนใหญ่จะใช้สารเติมเต็มเป็นไฮยาลูรอนิกเอซิด (Hyaluronic Acid) เนื่องจากระคายเคืองและเกิดอาการแพ้ได้น้อยการคอลลาเจนหลายเท่า

ข้อดีคือฉีดแล้วเห็นผลทันทีว่าหลุมเล็กใหญ่บนใบหน้านั้นหายไป อย่างไรก็ตามการฉีดแต่ละครั้งจะคงสภาพไว้ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีเท่านั้น เป็นการแก้ปัญหาแบบชั่วคราวไม่ใช่ถาวร หากชอบการรักษาแบบนี้ก็แค่กลับมาเติมเพิ่มอีกเมื่อครบกำหนด

7. กรอผิวด้วยอัญมณี

นี่คือการลดหลุมสิว ด้วยการกรอผิวหนังในส่วนของหนังกำพร้าออกไปบางส่วน ซึ่งมีความบางมาก ยังไม่ถึงชั้นผิวที่ทำให้เกิดรอยแผลได้ ไม่เหมือนกับการกรอผิวด้วยเลเซอร์ทั่วไปที่จะต้องดูแลรอยแผลอยู่ระยะหนึ่งหลังการทำ การรักษาด้วยวิธีนี้จึงไม่ยุ่งยากในเรื่องของการดูแล สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติในทันที

ข้อดีคือผิวดูเรียบเนียน หลุมต่างๆ ดูตื้นขึ้น แถมยังมีผลพลอยได้เป็นการช่วยลดรอยด่างดำต่างๆ ด้วย การกรอผิวด้วยอัญมณีนี้เหมาะกับหลุมสิวประเภท BOX SCAR และ ROLLING SCAR

8. การทำ SKIN NEEDING

วิธีนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก แต่เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาความไม่เรียบเนียนของใบหน้า และลดเลือนริ้วรอยต่างๆ โดยเฉพาะ ลักษณะของการทำ Skin Needing คือการใช้อุปกรณ์ที่เป็นเข็มขนาดเล็กมากและมีค่าความยาวที่เหมาะสม บรรจุตัวยาที่ทำหน้าที่กระตุ้นการฟื้นฟูชั้นผิว ฉีดเข้าไปตามจุดต่างๆ ทั่วใบหน้า แล้วลงเซรั่มวิตามินเป็นการปิดท้าย

ความพิเศษของการรักษาแบบนี้ก็คือเร่งให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว และไม่ทำให้ผิวชั้นนอกเกิดการลอกออก จึงไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เลย แต่ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบริเวณที่ทำการรักษาประมาณ 24 ชั่วโมง พร้อมหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงสัปดาห์แรกด้วย

9. ศัลยกรรมผ่าตัด

สำหรับหลุมสิวประเภท ICE PICK SCAR นั้น ลดหลุมสิวได้ยากมาก เกือบทั้งหมดเหมาะกับการรักษาด้วยการศัลยกรรม เพราะชั้นผิวถูกทำลายลึกมาก ต่อให้ใช้เลเซอร์หรือการกรอผิวก็ไม่ค่อยช่วยให้เห็นความแตกต่างมากเท่าไร จึงต้องจัดการด้วยวิธีนี้ และไม่ใช่แค่

ICE PICK SCAR เท่านั้น หากเป็นประเภทอื่นที่รักษามาทุกรูปแบบแล้วยังไม่หาย ก็ต้องมาจบที่การศัลยกรรมเช่นเดียวกัน โดยที่การศัลยกรรมลักษณะนี้ยังแบ่งออกได้อีก 4 วิธี ได้แก่

  • Punch excision เป็นการผ่าตัดเอาส่วนของรอยร่องหลุมออก ก่อนเย็บแผลให้ติดกัน
  • Punch elevation เป็นการผ่าตัดโดยตกเนื้อบริเวณก้นหลุม หรือบริเวณที่ต่ำกว่าให้ขึ้นมาสูงเทียบเท่ากับบริเวณใกล้เคียง
  • Punch grafting เป็นการนำเนื้อส่วนอื่นมาเติมเต็มหลุม แล้วเย็บปิดเพื่อให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตได้เต็มที่
  • Elliptical excision เป็นการกรีดร่องหลุมให้เป็นวงรี ก่อนเย็บปิดแผลให้แนบสนิท

ผลข้างเคียงเป็นเรื่องของรอยแผลเป็นขนาดเล็ก แต่ก็สามารถที่จะหายได้เองโดยไม่ต้องรักษาอะไรเพิ่มเติม

10. การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว

ปิดท้ายด้วยวิธีที่ได้รับความนิยมสูงมากที่สุด เนื่องด้วยไม่เจ็บตัวและหาสถานบริการที่เชี่ยวชาญทำได้ง่าย ส่วนผลลัพธ์นั้นก็ไม่เลวทีเดียว เลเซอร์ที่ใช้เพื่อรักษาหลุมสิวมีหลายประเภท เช่น เลเซอร์ Yag เลเซอร์ Fraxel เลเซอร์ Fractional CO2 เป็นต้น ในรายละเอียดแล้ว แต่ละตัวก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครชื่นชอบแบบไหน อย่างไรก็ตามแกนหลักของการรักษาด้วยเลเซอร์ก็คือการกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ของเดิมนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าการรักษา หรือการลดหลุมสิวนั้นยุ่งยากกว่าการป้องกันหลายเท่านัก และการป้องกันก็ไม่ได้ยากเกินไปด้วย ดังนั้นหากอยากมีใบหน้าเรียบเนียน ห่างไกลจากร่องริ้วรอยและหลุมบ่ออันขรุขระต่างๆ ก็ต้องใส่ใจดูแลผิวอย่างถูกต้องเหมาะสมอยู่เสมอ


อ้างอิง

Using Creams for Acne Treatment : https://www.verywellhealth.com/acne-creams-creams-for-acne-2633109

การรักษาหลุมสิว. https://www.mccormickhospital.com/web/articles/blogs/การรักษาหลุมสิว

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่คุณภาพดี ใครใช้ก็ต้องชอบ

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่คุณภาพดี ใครใช้ก็ต้องชอบ

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่คุณภาพดี ใครใช้ก็ต้องชอบ ใครจะเชื่อว่าคนไทยก็สามารถสร้างแบรนด์เครื่องสำอางได้เหมือนกัน แถมยังมีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากลได้ด้วย แต่ที่ของคนไทยไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนักก็อาจจะเป็นเพราะเราไม่ค่อยสนับสนุนคนไทยด้วยกันเอง หรืออาจะยังไม่รู้จักแบรนด์เหล่านี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 10 เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่ใครใช้ก็ต้องชอบ มาให้ทุกคนได้อ่าน และให้ลองตัดสินใจกันดูว่า แบรนด์ไทย สุดยอดจริงหรือเปล่า

1. เจ้านาง เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

นี่เป็นเครื่องสำอางที่มาแรงที่สุดในปีเลยล่ะ โดยมีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ความเป็นไทยที่แสดงออกมาได้ชัดเจน และโลโก้หญิงไทยสีทอง ที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ได้ดีมาก โดยแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักกันในกลุ่มสาวๆ ที่ชอบรีวิวเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ถูกอกถูกใจก็คือ แป้งเจ้านาง ซึ่งเป็นแป้งที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์สาวไทยได้ดีมาก โดยจะเน้นไปที่การปกปิดผิว ช่วยอำพรางริ้วรอยจุดด่างดำต่างๆ และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยในการกันน้ำกันเหงื่อได้ดีมากๆ และแป้งเจ้านางตัวนี้ยังมีคุณสมบัติที่สามารถกันแดดได้ถึงมากถึง 20 เท่าอีกด้วย

2. ศรีจันทร์

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักแป้งฝุ่นที่เหมาะสำหรับสาวผิวหน้ามันอย่าง ศรีจันทร์ บ้าง ซึ่งในสมัยก่อนก็มีผงหอมศรีจันทร์ที่เป็นที่นิยมมากๆ ตั้งแต่สมัยคุณย่า และสำหรับแป้งฝุ่นของศรีจันทร์ตัวใหม่นี้ เป็นการคิดค้นและปรับปรุงพัฒนาสูตรขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะตอบโจทย์สาวไทยทั้งหลายที่มีปัญหา รวมถึงแบรนด์เครื่องสำอางในเครืออย่าง Sasi (ศศิ) ที่มีผลิตภัณฑ์แต่งหน้ามากมายให้เลือกด้วย

3. Cute Press เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เครื่องสำอางและสกินแคร์แบรนด์ไทย แต่คุณภาพเกินเบอร์ ด้วยประสบการณ์กว่า 37 ปี และเข้าใจความต้องการของผู้หญิงอย่างแท้จริง คิวท์เพรสจึงได้พัฒนาสินค้ามากกว่า 500 ชนิดให้มีคุณภาพ ซึ่งก็มีวางขายทั้ง กันแดด บรัชออน ลิปสติก น้ำหอม ครีมทาตัว รองพื้นใช้ดี ปกปิดได้ดีเยี่ยม และสารพัดไอเทมความงามที่สาวๆ ต้องมี แถมยังมีคอลเลกชั่นน่ารักกุ๊กกิ๊กใหม่ๆ ออกมาเอาใจวัยรุ่นเรื่อยๆ และถ้าพูดถึงเครื่องสำอางรุ่นดังของแบรนด์นี้ คงหนีไม่พ้นแป้งพัฟคุมมันที่ปกปิดดีเยี่ยมแบบเนียนกริบ แถมราคาสบายกระเป๋าด้วย

4. Mistine

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

จะขาดแบรนด์นี้ได้อย่างไร Mistine แบรนด์ความงามที่อยู่คู่กับสาวไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นคุณแม่ รวบรวมเครื่องสำอางทุกประเภทสินค้า และขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่มีอายไลเนอร์คุณภาพดีและติดทนนาน เนรมิตให้ผู้หญิงทุกคนสวยสมบูรณ์แบบด้วยคุณภาพสินค้ามาตรฐานสากล ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่พิสูจน์แล้วว่า มิสทินเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ แต่แบรนด์นี้ยังก้าวไกลสู่ตลาดต่างประเทศด้วย มีสินค้าหลากหลายนับพันรายการ ตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวด้วย

5. KMA Cosmetics

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

KMA แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำของไทย ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 20 ปี เครื่องสำอางที่จุดประกายความมั่นใจให้กับสาวๆ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาให้เหมาะกับสภาพสีผิวของสาวไทย มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานดีงามสุดๆ และยังขยายฐานลูกค้าเพิ่มไปสู่กลุ่มวัยรุ่น และสาววัยทำงาน เพิ่มพื้นที่การวางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้ง Cosmetics Shop และเคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หาซื้อได้ง่ายและสะดวกมากๆ

6. 4U2

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

4U2 แบรนด์สีสันที่สดใสและสไตล์ที่ดูทันสมัย เครื่องสำอางคุณภาพเยี่ยมในราคาที่ไม่แพง ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความงามที่คนไทยต้องการได้อย่างตรงจุด สวยได้ทุกวัยและทุกวัน และยังออกสินค้าใหม่มาให้สาวๆ ต้องเสียทรัพย์กันตลอด เป็นเครื่องสำอางแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ลิปสติกติดทนที่ครองใจสาวๆ ได้มากมายและยังมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย แถมคุณภาพดีอีกด้วย

7. NARIO LLARIAS

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

มากับแบรนด์น้องใหม่กันบ้าง Nario Llarias อ่านว่า นาริโอะ ลาเรียส ฟังชื่อแล้วอาจจะเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นหรือจากฝรั่งเศส แต่ไม่ใช่นี่คือสินค้าแบรนด์ไทยที่มีความหรูหราเป็นพิเศษ ต้องการให้ทุกคน “สวย” และ “มั่นใจ” ด้วยเครื่องสำอางที่ “ปลอดภัย” ในราคาที่เหมาะสม โดยแบรนด์นี้มีผลิตภัณฑ์เมคอัพมากมาย หลากหลายชนิดให้เลือก มีทั้งลิปสติก อายชาโดว์ พาเลทตา และอีกมากมาย จึงเรียกได้ว่าแบรนด์นี้ครอบคลุมโลกเมคอัพไปเลย ผลิตภัณฑ์ก็เป็นที่ได้รับความนิยมและผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้จริงทั้งในและต่างประเทศ

8. SUPERMOM

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

ใครที่เป็นสายเมคอัพ คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์นี้ เพราะเป็นแบรนด์ที่ดีงาม ทั้งเมคอัพ ทั้งลิปสติก ทั้งบลัชออน ทั้งพาเลทอายแชโดว์ และอีกมากมายเต็มไปหมด โดยแบรนด์นี้จะมีสัญลักษณ์เป็นอักษรที่เขียนว่า Supermom เป็นยี่ห้อประจำ โดยเครื่องสำอางที่เป็นที่โด่งดังของ Supermom เลยก็คือ Supermom Matte Liquid Lipstick  ซึ่งเป็นลิปสติกเนื้อแมตต์ แนวจิ้มจุ่ม มีเนื้อลิปที่ดี สีชัดติดทนนาน ราคาจับต้องได้ สบายกระเป๋า แถมยังสามารถเข้ากับผิวคนไทยได้อีกด้วย

9. TER

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอ่านว่า เฑอ แต่ตอนนี้รู้แล้วเพราะว่าแบรนด์นี้อยากอนุรักษ์ความเป็นไทยให้ได้มากที่สุด จึงนำตัวอักษรที่ไม่ค่อยได้ใช้มาใส่ในชื่อ โดยตัวบรรจุภัณฑ์มีสัญลักษณ์เป็นตัวอักษร ภาษาอังกฤษ แต่มีลวดลายไทย มีลายกนกประดับ โดยคอนเซปต์ของเฑอก็คือ  “ผู้หญิงทุกคนมีความสวยเปล่งประกายในสไตล์ของตัวเอง” และแน่นอนว่าแบรนด์นี้ได้ครองใจสาวไทยไปเต็มๆ

10. PASSION VILLE

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

นี่คงจะเป็นแบรนด์ที่ใครๆ ก็น่ารู้จักกันอยู่แล้ว โดยตอนแรกของแบรนด์นี้ได้ผลิตลิปสติกออกมาที่มีมากกว่า 30 สี มีทั้งสีที่สามารถใช้ทาได้ในชีวิตประจำวันจริง และรวมถึงสีแปลกๆ อีกด้วย ซึ่งเราก็สามารถทาไปงานปาร์ตี้ได้แน่นอน เพราะสามารถติดทนที่ผิวปากได้ดี เนื้อลิปสติกดีมาก ทาแล้วไม่ทำให้ปากแห้งเกินไป ตัวแพ็กเกจเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ราคาหลักร้อย สีสวย เนื้อดี คุณภาพเป็นเลิศ มั่นใจได้ทั้งในเรื่องคุณภาพ ราคาถูกแต่ให้ลุคสวยแพง เนื้อสีแน่น และติดทนทาน

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย บางแบรนด์ก็มีชื่อเสียงในตลาดต่างประเทศ แถมยังขึ้นชื่อในด้านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และมีชื่อเสียงในการผลิตเครื่องสำอางต่างๆ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ดี รวมทั้งเครื่องสำอางแบรนด์ไทยได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและดูแลผิวที่เหมาะสำหรับสาวไทยอีกด้วย ซึ่งก็มีหลากหลายแบรนด์และหลากหลายสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของสาวๆ ทุกคน

เครื่องสำอางแบรนด์ไทยนับได้ว่ามีประสิทธิภาพในการใช้และยังราคาไม่แพง เหมาะที่จะเป็นอีกทางเลือกสำหรับสาวๆ ทุกคนที่มองหาเครื่องสำอางราคาไม่แพง แต่คุณภาพดีอีกด้วย เรียกได้ว่าเครื่องสำอางแบรนด์ไทยเราเองก็ไม่แพ้แบรนด์ดังระดับโลกเลย


อ้างอิง:

ส่อง 5 เครื่องสำอางแบรนด์ไทยใช้ดีไม่แพ้แบรนด์นอก พร้อมไอเท็มออกใหม่ล่าสุดที่ไม่ควรพลาด!‘ https://vogue.co.th/beauty/make-up-brand-thai-cosmetics

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี ? 10 แบรนด์แนะนำสำหรับสาวสุดฮอต

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี ? 10 แบรนด์แนะนำสำหรับสาวสุดฮอต

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี ? 10 แบรนด์แนะนำสำหรับสาวสุดฮอต ด้วยอากาศเมืองไทยที่เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว ซึ่งเราก็ไม่สามารถเดาสภาพอากาศได้เลยว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และแน่นอนว่าเป็นปัญหาสำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบกรีดอายไลเนอร์ แต่ก็อยากได้แบบกันน้ำด้วย


10 แบรนด์แนะนำสำหรับสาวสุดฮอต รับรองเขียนสวยเป๊ะปัง

วันนี้เราจึงมี 10 แบรนด์อายไลเนอร์ที่ดีที่สุดมาแนะนำ เหมาะสำหรับให้สาวฮอตๆ ได้อ่านกัน จะมีอะไรบ้างไปดูเลย

1. ETUDE HOUSE OH M’ EYE LINER

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี ? นี่เป็นอายไลเนอร์กันน้ำที่ติดอยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน เพราะอายไลเนอร์กันน้ำแท่งนี้ สามารถติดทนได้นานมากๆ และยังกันน้ำได้ดี โดนฝนก็ไม่มีปัญหาคราบไหลลงมา และถึงแม้ตัวนี้จะเป็นอายไลเนอร์ที่กันน้ำได้ แต่ก็สามารถล้างออกได้ง่ายเช่นกัน

2. Browit EYE LINER By Nongchat

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

อายไลเนอร์กันน้ำยอดฮิตจากแบรนด์น้องฉัตร เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของประเทศไทย ไม่ได้มีดีแค่แป้งหรือดินสอเขียนคิ้ว แต่อายไลเนอร์ของแบรนด์นี้ก็ปังไม่แพ้กัน ไลเนอร์หัวปากกา หัวค่อนข้างใหญ่เล็กน้อย ส่วนอีกด้านจะเป็นอินไลเนอร์แบบหมุน มี 2 หัวในด้ามเดียว เขียนง่าย เนื้อนิ่ม แต่ยังกันเหงื่อ กันน้ำได้ทั้งวัน รับรองว่าเขียนแล้วเส้นคม ไม่หลุดไม่ลอก จัดว่าเป็นเครื่องสำอางที่ควรมีติดกระเป๋าอีกไอเท็มหนึ่งที่ทุกคนต้องปลื้มแน่นอน

3. LIFEFORD HI PRECISE EYE PEN

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

นี่เป็นอายไลเนอร์กันน้ำที่เป็นเนื้อชนิดฟิล์ม เป็นแบบหัวเมจิก โดยจะเหมาะสำหรับสาวๆ ที่เป็นมือใหม่เพิ่งหัดเขียน โดยตัวนี้จะให้เส้นที่คม แห้งได้เร็ว แถมยังสามารถติดทนนานได้ทั้งวัน โดนน้ำก็ไม่มีหลุดลอกออกมา แถมยังยังล้างง่ายอีกด้วย

4. COSLUXE WANDERLUST EYELINER

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

นี่เป็นอายไลเนอร์กันน้ำที่ช่างแต่งหน้าระดับเทพหลายคนนิยมใช้ เพราะนอกจากจะเขียนได้ง่ายแล้ว ยังมีเส้นที่คมสวย และสามารถกันน้ำได้ดีมากๆ อีกด้วย ท้าเลยว่าให้ฉีดน้ำหรือเหงื่อเต็มใบหน้าแค่ไหน ตัวนี้ก็เอาอยู่แน่นอน ไม่ต้องกลัวว่าตาจะเป็นแพนด้า

5. IN2IT WATERPROOF EYELINER PENS

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

อายไลเนอร์คุณภาพดี ที่คุ้มเกินราคา โดยตัวนี้เป็นอีกตัวที่เป็นที่นิยมใช้กันมาก เพราะมีราคาไม่สูงมากนัก และที่สำคัญคือกันน้ำได้ดีสุดๆ เวลาล้างหน้า ตัวอายไลเนอร์จะลอกออกเป็นแผ่น ทำให้มั่นใจเรื่องหยดเยิ้มได้เลยว่าไม่มีแน่นอน

6. MALISSA KISS SUPER BLACK ULTRA HD

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

มากับอายไลเนอร์กันน้ำตัวนี้ ที่มีหัวเขียนเล็กมาก โดยสามารถเขียนลายได้ง่าย มีสีดำคมเข้ม เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เป็นมือใหม่ และแน่นอนว่าตัวนี้ถึงแม้จะโดนน้ำนานสักแค่ไหน ก็ยังติดทนนานแน่นอน

7. MISTINE SO BLACK MATTE LIQUID EYELINER

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

นี่เป็นสุดยอดอายไลเนอร์ทนน้ำ โดยตัวนี้จะมาในรูปของของเหลวเนื้อแมตต์ ซึ่งไม่ว่าจะโดนฝน โดนน้ำกี่รอบก็เอาอยู่แน่นอน แถมยังมีที่ราคาไม่แพง และนี่ถือเป็นอีกตัวที่ควรมีติดบ้านในยามหน้าฝนไว้เลย แต่ด้วยความที่กันน้ำได้ดีก็จะไปทำให้ล้างออกยากนิดนึง

8. MAYBELLINE HYPER SHARP LINER

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

มากับอายไลเนอร์หัวพู่กัน ที่เป็นอายไลเนอร์กันน้ำที่เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ มากที่สุด เพราะมีหัวเขียนเล็กทำให้เขียนได้ง่าย เส้นดูคมสวย โดยตัวนี้จะเป็นอายไลเนอร์ชนิดฟิล์ม ทำให้กันน้ำได้ดี เป็นไอเท็มแนะนำเครื่องสำอางกันน้ำที่คู่ควรเป็นอย่างยิ่ง และล้างออกได้ง่ายด้วย

9. Kiss Me by Isehan Heroine Make Smooth Liquid Eyeliner

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

นี่เป็นอายไลเนอร์เจ้าหญิงในตำนาน ของดีสัญชาติญี่ปุ่น ถูกจัดอันดับเข้าสู่ อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี ? ทุกปีอย่างต่อเนื่อง หัวปากกาเส้นเล็กบางเพียง 0.1 mm. ทำให้เขียนง่ายและจับถนัดและยังมีจุดเด่นตรงที่ช่วยสร้างเส้นเรียวชัด แถมกันน้ำ กันเหงื่อตลอดวัน แม้จะราคาสูงไปหน่อยแต่ก็ใช้ดีมากๆ และยังล้างออกได้แบบสบายๆ

10. CUTE PRESS COLOR FANTASY DOLLY EYE LIQUID EYELINER MATTE

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

มากับอายไลเนอร์ชนิดน้ำที่เป็นแบบเนื้อแมตต์ ทำให้เขียนได้ง่าย แถมยังแห้งได้ง่าย มีสีที่ดำสนิท ซึ่งก็ทำให้ดวงตาดูสวยคม แม้จะโดนสักกี่น้ำก็ไม่หลุดลอกออกมาแน่นอน และยังไม่เลอะ ไม่เปื้อนขอบตา เหมาะกับหน้าฝนมากๆ

อายไลน์เนอร์เป็นหนึ่งในเครื่องสำอางแต่งหน้าที่สำคัญที่สุดที่ผู้หญิง เพราะสามารถช่วยสร้างความโดดเด่นอย่างมากในรูปลักษณ์โดยรวมของใบหน้าของเราได้ และเมื่อใช้อย่างถูกต้อง อายไลเนอร์จะทำให้ดวงตาของคุณดูโตขึ้นและตื่นตัวมากขึ้น ทำให้คุณดูมีความมั่นใจและมีพลังมากขึ้น


อายไลน์เนอร์แบบไหนดี อายไลน์เนอร์ 3 แบบที่สาวๆ ควรรู้

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

นอกจาก อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี สาวๆ ควรมาทำรู้จักกับอายไลน์เนอร์ 3 แบบ กันก่อนด้วย หลายคนที่อยากใช้อายไลน์เนอร์ เพราะอยากดูโฉบเฉี่ยวแบบคนอื่นบ้าง แต่ก็เลือกใช้ไม่เป็น ไม่รู้จะเลือกอะไรยังไง

วันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับอายไลน์เนอร์และดูวิธีเลือกใช้อายไลน์เนอร์ให้ถูกวิธี ซึ่งถ้าเราใช้อายไลน์เนอร์เป็นแล้วเนี่ย นั่นก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เรามีโอกาสแต่งหน้าให้สวยได้มากขึ้น จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

อายไลน์เนอร์คืออะไร

อายไลน์เนอร์ (Eyeliner) คือเครื่องสำอางที่ใช้เขียนบริเวณรอบดวงตา มีไว้เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับดวงตา ซึ่งอายไลน์เนอร์มีประวัติการใช้งานคู่กับผู้หญิงมาตั้งแต่อดีต และในปัจจุบัน อายไลน์เนอร์ก็ยังเป็นเครื่องสำอางที่ผู้หญิงไม่สามารถละทิ้งออกไปได้ แต่ก็มีหลายคนที่อยากจะทิ้ง เพราะเมื่อใช้อายไลน์เนอร์แล้ว กลับดูหนา ไม่สวย เส้นไม่เรียบ ซึ่งปัญหานั้นก็เป็นปัญหาที่มีมานานแล้วเช่นกัน ก่อนอื่นไปดูประเภทของอายไลน์เนอร์กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง


ประเภทของอายไลน์เนอร์

1. อายไลน์เนอร์ชนิดเจล

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

เป็นอายไลน์เนอร์ที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจล อ่อนนิ่ม สามารถใช้งานได้ง่าย โดยชนิดนี้เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถติดทนได้นานกว่าแบบอื่น และยังเขียนให้ลายหนาได้ในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการแต่งเสริมตาให้ดูคมเข้ม และตัวนี้ยังช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโต คมเข้มอีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียคือ ถ้าปล่อยให้เนื้อเจลแห้งไปแล้ว จะเกลี่ยได้ยากมาก

2. อายไลน์เนอร์ชนิดน้ำ

อายไลน์เนอร์ชนิดนี้ เรามักเจอที่อยู่ในขวดเล็กๆ ข้างจะมีลักษณะเป็นน้ำ และมีสีที่ทึบ โดยจะใช้ควบคู่กับพู่กันหรือแปรงเป็นส่วนมาก ตัวนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะให้สีที่ชัดมากกว่าแบบดินสอ

แต่ก็ควบคุมการเขียนได้ยากมากกว่าแบบดินสอ แน่นอนว่าตัวนี้ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ และไม่เหมาะกับการออกงานที่เป็นแนวสบายๆ เพราะจะให้สีที่เข้มมาก ซึ่งยังมีอายไลน์เนอร์กันน้ำที่โดดเด่น น่าใช้งานอีกด้วย

3. อายไลเนอร์ชนิดดินสอ

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

โดยส่วนมากที่เจอจะเป็นสีดำเข้มและสีดำด้าน โดยชนิดนี้จะเหมาะมากกับใครที่กำลังจะฝึกกรีดอายไลน์เนอร์เป็นครั้งแรก เนื่องจากตัวนี้สามารถควบคุมการวาดเส้นได้ง่ายมาก อีกทั้งยังสามารถตกแต่งรอบตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ จึงทำให้มือใหม่หลายคนนิยมประเภทนี้ แต่ข้อเสียคือสีที่ได้จะไม่เข้ม ดูไม่โฉบเฉี่ยว และต้องใช้เวลานานในการใช้งาน


ปัญหาโลกแตกที่มักพบเจอเมื่อใช้อายไลเนอร์

อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี

  1. การกรีดอายไลเนอร์สามารถทำให้ขอบตากลายเป็นหมีแพนด้าได้ง่ายสุดๆ ซึ่งนี่ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่สาวๆ ส่วนใหญ่พบเจอ เพราะเมื่อใช้แล้ว ขอบตาก็ดูดำมากจนเกินไป จนกระทั่งมีสภาพเดียวกันกับหมีแพนด้า วิธีแก้ไขคือ ให้ใช้คอตตอลบัตเช็ดส่วนที่เกินออกมาทิ้งแล้วเขียนใหม่ ถ้าไม่ถูกใจก็เขียนๆ ลบๆ ไปเรื่อยๆ
  2. อายไลเนอร์ประเภทดินสอนี้มักจะมีหัวเขียนที่แข็ง ซึ่งอาจจะไปทำให้ขอบตาถลอกออกมา หรือทำให้เกิดแผลในขณะที่ทำการกรีดได้ วิธีแก้ไขคือ ให้ใช้ไดร์เป่าผม เป่าลมร้อนๆ ใส่อายไลน์เนอร์ดินสอสักพักหนึ่งนั่นจะทำให้หัวของอายไลเนอร์ดินสอนิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ควรเป่านานจนเกินไป เพราะนั่นก็จะทำให้อายไลเนอร์ละลายจนหมดแท่งแน่นอน
  3. ปัญหาไส้ในของอายไลเนอร์แบบดินสอ โดยแบบดินสอมักจะหักด้านในซึ่งก็คล้ายกับดินสอธรรมดาที่หล่นแล้วไส้ในอาจจะหักได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ
  4. หัวอายไลเนอร์แบบดินสอ มักจะหลุดออกมาในขณะที่กำลังทำการเหลาดังนั้นเราจึงไม่ควรเหลาอายไลเนอร์แบบดินสอ โดยใช้กบเหลาดินสอธรรมดา เพราะนั่นจะไปทำให้หัวดินสอของอายไลเนอร์หักลงมาได้เราควรใช้กบเหลาที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการเหลาอายไลเนอร์แบบดินสออย่างเดียวจะดีกว่า
  5. อายไลเนอร์แบบครีม มักจะแข็งตัวได้ง่ายและยิ่งแข็งตัวได้ง่ายมาก ในเวลาที่เราลืมเปิดฝาทิ้งไว้ นั่นจะทำให้ครีมในประปุกแข็งขึ้น และแน่นอนว่าทำให้เกลี่ยได้ยากขึ้นไปอีก ดังนั้นในส่วนนี้เราควรระวังให้ดี

นี่ก็เป็นเพียง 10 อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี ที่นำมาฝากกัน เพราะเราเชื่อว่าสาวๆ ทุกคนก็อยากจะแต่งตา เขียนตา ให้ดูสวยและเด่นชัดกันมาก แต่ถ้าใครยังไม่เคยเขียนมาก่อนหรือเป็นมือใหม่เริ่มหัดเขียน แนะนำให้ซื้ออายไลเนอร์ขนาดทดลองมาลองหัดใช้ดูก่อน หรือลองเริ่มจากแบบดินสอที่เขียนบังคับได้ง่ายกว่า พอหัดเขียนจนชินมือแล้ว ค่อยไปลองแบบอื่นๆ ก็ได้ จะได้สวย เป๊ะ ที่สำคัญเมื่อทำความสะอาดก็อย่าลืมใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง เช็ดอายไลเนอร์ให้หมดด้วย เพื่อที่จะได้ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและลดการเกิดสิวด้วย


อ้างอิง

Types of eyeliner : https://www.purplle.com/magazine/article/different-types-of-eyeliner

รวม 7 เคล็ดลับ “กรีดอายไลเนอร์” สำหรับมือใหม่. https://www.bioderma.co.th/skin-articles/7-tricks-eyeliner.html