Tag

วิธีรักษาสิว

Browsing

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน

10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งของสาวๆ ก็คือ การที่โบ๊ะหน้าโชว์ชาวบ้านแบบสวยมาก แต่พอกลับมาบ้าน กลับล้างหน้าไม่เกลี้ยง นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน และมีปัญหาทางผิวหน้าตามมาได้ 

ทำให้วันนี้เรามี 10 เจลล้างหน้าลดสิว มาฝากกัน ที่อ่อนโยนและจะมาช่วยให้การล้างหน้าของเราสะอาดขึ้น เกลี้ยงเกลา และยังช่วยบำรุงความขาวกระจ่างใสในแต่ละวันได้อีกด้วย ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 

1. VICHY NORMADERM PURIFYING CLEANSING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับใครที่มีผิวที่บอบบาง แพ้ผิวง่ายแล้วละก็บอกเลยว่าเจลตัวนี้เหมาะกับคุณแน่นอน เพราะนี่คือเวชสำอางที่สะอาด มีความอ่อนโยน และยังไม่มีแอลกอฮอล์ผสมอีกด้วย จึงทำให้สาวๆ ที่มีผิวบางชื่นชอบตัวนี้มากๆ ราคาอยู่ที่ 700 บาทเท่านั้น

2. CLINIQUE LIQUID FACIAL SOAP MILD

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับตัวนี้ คือเจลล้างหน้าที่ขายดีมากๆ จากแบรนด์นี้ เพราะเจลตัวนี้สามารถชำระล้างความสกปรกออกจากผิวไปได้หมดจด จึงช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน น่าสัมผัส และยังมีหลากหลายสูตรให้เลือกอีกด้วย และยังสามารถเลือกใช้ตามสภาพผิวได้อีกด้วย คุ้มสุดๆ กับราคา 1,000 บาท แพงแต่คุ้มมากๆ

3. LA ROCHE POSAY EFFACLAR PURIFYING FOAMING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

นี่เป็นเจลล้างหน้าที่เหมาะสำหรับคนที่เกลียดเอฟเฟกต์หลังจากการล้างหน้า คือเจลบางตัวเมื่อล้างหน้าเสร็จใบหน้าจะตึงๆ แปลกๆ ซึ่งตัวนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีค่าความเป็นกรดแค่ 5.5 และยังไม่มีแอกอฮอล์ผสมอีกด้วย ดังนั้นเจลตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ราคาอยู่ที่ 700 บาทเท่านั้น

4. SMOOTH E BABYFACE GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

มากับเจลล้างหน้าตัวนี้ที่ให้ความอ่อนนุ่ม อ่อนโยนแบบสุดๆ ซึ่งก็เหมาะกับความที่ผิวบาง ผิวแพ้ง่าย หรือคนที่เป็นสิวเยอะๆ ก็ใช้ได้เช่นกัน โดยเจลตัวนี้เป็นเจลที่ไม่มีฟอง ทำให้ใบหน้าเมื่อแห้งแล้วไม่ตึง ทั้งยังทำให้ใบหน้าสะอาด รักษาสิวได้ด้วย ราคาอยู่ที่ 350 บาท

5. NEUTROGENA DEEP CLEAN HYDRATING BAMBOO GEL CLEANSER

เจลล้างหน้าลดสิว

ใครที่ผิวแห้งยกมือ! บอกเลยว่าเจลตัวนี้เหมาะมากๆ กับสาวๆ ที่มีผิวแห้งมากๆ โดยเจลตัวนี้จะมีสารสกัดที่ใช้ความชุ่มชื้นได้ดี และเนื้อเจลยังไม่เกิดอาการระคายเคืองให้กับผิวได้แน่นอน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเจลที่ล้างแล้ว ผิวหน้าลื่น เหมือนล้างไม่สะอาด จัดตัวนี้รับรองไม่ผิวหวัง โดยราคาอยู่ที่ 180 บาท

6. GARNIER PURE ACTIVE FRUIT ENERGY GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

สำหรับใครที่ชอบผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้น ดูมีมิติขึ้น เจลล้างหน้าตัวนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว และนอกจากนี้ยังสามารถรักษาสิวเสี้ยนได้อีกด้วย โดยส่วนผสมของครีมตัวนี้จะมีวิตามินซี ที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี และสารสกัดจากผลไม้ต่างๆ ที่ล้างแล้ว ช่วยให้ใบหน้าดูขาวกระจ่างใส แน่นอน ราคาเพียง 140 บาท

7. CUTE PRESS MANUKA HONEY CLEANSING GEL

เจลล้างหน้าลดสิว

นี่เป็นนวัตกรรมการนำน้ำผึ้งมาบำรุงผิวหน้า ซึ่งก็สามารถล้างความสกปรกที่ใบหน้าได้ดีทีเดียว ดีกว่าน้ำผึ้งธรรมดาซะอีก เพราะมีสารสกัดจากน้ำผึ้งธรรมชาติ และผลมะนาว ซึ่งก็มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว และยังสามารถสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ด้วย ราคาแค่ 100 บาทเท่านั้น

8. Oxe Cure Facial Liquid Cleanser

เจลล้างหน้าลดสิว

เจลล้างหน้าสูตรน้ำ สูตรอ่อนโยน ฟองน้อยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ลดสิวและลดการอุดตันของรูขุมขน พร้อมช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า มีสารสกัดจากโพรโพลิสเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย และมีปัญหาสิว ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ น้ำมัน และพาราเบน มั่นใจได้ว่าผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ราคา 200 บาท

9. Bioderma Sensibio Gel Moussant

เจลล้างหน้าลดสิว

แบรนด์นี้นอกจากเด่นเรื่องคลีนซิ่งแล้ว เจลล้างหน้าก็ทำออกมาดีไม่แพ้กัน โดยตัวนี้จะช่วยทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ไม่มีสารกันเสีย แอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน ทำให้ไม่อุดตันรูขุมขน โดยมีค่า pH balance ที่ไม่ทำให้หน้าเสียสมดุล พร้อมล็อกความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวหน้าไม่แห้งตึงหลังล้างหน้า ราคา 700 บาท

10. Eucerin Pro Acne Solution Cleansing Gel

เจลล้างหน้าลดสิว

เจลล้างหน้าที่ช่วยปัญหาสิว ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนต่อผิว ช่วยขจัดคราบสกปรก คราบเครื่องสำอาง สลายความมันอุดตันอย่างล้ำลึกถึงต้นตอสิว และช่วยลดความมันส่วนเกิน พร้อมปรับสมดุลผิวให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง และช่วยลดโอกาสการเกิดสิว รอยสิว ให้เผยผิวเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ ราคาประมาณ 700 บาทเท่านั้น

นี่ก็เป็น 10 เจลล้างหน้าลดสิว ที่นำมาแนะนำกันและรับประกันว่าใช้ดีจริง! ใครที่มีปัญหาสิวหรือหาเจลล้างหน้าที่ช่วยทำความสะอาดผิวอยู่ก็ไปลองเลือกใช้กันดูได้ แต่อย่าลืมเลือกให้ตรงกับสภาพผิวและปัญหาผิวของตัวเองด้วยนะ ที่สำคัญอย่าลืมล้างและทำความสะอาดผิวหน้าผิวกายทุกวัน จะได้ไม่เสี่ยงในการทำให้เกิดการอุดตันสิว และปัญหาผิวอื่นๆ ที่อาจจะตามได้


วิธีรักษาสิวอักเสบ ด้วยสมุนไพรแบบง่ายๆ แต่เป๊ะเวอร์!

เจลล้างหน้าลดสิว

วิธีรักษาสิวอักเสบ ด้วยสมุนไพรแบบง่ายๆ แต่เป๊ะเวอร์! เรื่องสิวเป็นเรื่องปวดหัวของทุกคน ใครอยากสวย หน้าใส ก็ต้องหาวิธีหยุดสิวเอาไว้ไม่ให้เกิดขึ้นมาใหม่ วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีรักษาสิวและจุดด่างดํากำจัดลึกถึงปัญหาต่างๆ อย่างตรงจุด ทั้งสาเหตุ วิธีแก้ไข และหนทางป้องกัน ด้วยการใช้สมุนไพรแบบง่ายๆ กัน

การเกิดสิวอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ

การเกิดของสิวอักเสบนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นมาได้เลย มันต้องเกิดมาจากสิวธรรมดาทั่วไปที่เกิดการติดเชื้อมันจึงกลายเป็นสิวอักเสบ จากนั้นจะเริ่มบวม แดง และมีหนอง โดยส่วนใหญ่มักมาจาก 2 สาเหตุ ได้แก่

1. เกิดจากการแกะ เกา

ของมือเรานี่แหละตัวดีที่สุด เวลามีสิว ไม่ว่าจะสิวอะไรก็ตามเราจะชอบไปแกะเกาเสมอ จนทำให้อักเสบ และติดเชื้อแบคทีเรีย Staphylococci

2. เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

มีเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Propionibacterium acnes มันจะกินไขมันบนหน้าเราเป็นอาหาร และตรงไหนที่มีการอุดตันของไขมัน มันจะยิ่งเจริญเติบโตได้ดีมาก ทำให้สิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ และระคายเคือง


รู้หรือไม่? สิวอักเสบมีด้วยกัน 5 ประเภท

เจลล้างหน้าลดสิว

1. สิวเสี้ยน (TRICHOSTASIS SPINULOSA)

ในรูขุมขนของเรา บริเวณใบหน้า หลัง หรือจมูกจะมีขนอ่อนที่เกิดขึ้นแล้วเข้าไปอุดตันได้ เพียงแค่เส้นเดียวก็สามารถทำให้เกิดสิวอักเสบได้แล้ว หากคุณมีสิวเสี้ยนเยอะ คุณอาจสนใจบทความนี้ การกำจัดสิวเสี้ยนให้ได้ผล

2. สิวชนิดตุ่มนูนแดง (PAPULE)

การอักเสบชนิดนี้จะเป็นเพียงแค่ส่วนบนของผิวหนัง ทำให้มีรอยนูนแดง

3. สิวชนิดหัวหนอง (PUSTULE)

จะอยู่ในชั้นผิวหนังทั้งชั้นตื้นและชั้นลึก ระยะเวลาในการรักษาอยู่ที่ความลึกของสิวหนอง

4. สิวอักเสบและเป็นก้อนลึก (NODULE)

ถือว่าเป็นสิวอักเสบที่มีอาการหนักพอสมควร เพราะว่าสามารถรักษาให้หายได้ช้ากว่าปกติ และจะท้องรอยแผลเป็นไว้อีกด้วย มีลักษณะเป็นก้อน บวม

5. สิวชนิดเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (CYST)

หรืออีกชื่อที่เราเรียกกันว่า “สิวหัวช้าง” มีลักษณะใหญ่ บวม แดง และปวด


การรักษาสิวอักเสบ 3 ระยะ

เจลล้างหน้าลดสิว

1. สิวเป็นไต

ลักษณะของสิวไต คือ เป็นตุ่มแดง และแข็ง เมื่อสัมผัส หรือกด จะรู้สึกเจ็บ แต่ว่าไม่มีหัวหนอง ถือว่าน่ารำคาญมาก เพราะว่าเวลาเผลอเอามือไปโดนจะเจ็บทุกที และก็หายช้าด้วย แถมยังเป็นรอยนูนแดงๆ ควรใช้พวกยาทาแก้อาการอักเสบ สิวจะค่อยๆ ยุบไปเอง อาจจะช้าหน่อย แต่ถ้ารักษาได้ถูกวิธีจะไม่มีหัวหนอง และไม่เป็นแผลเป็น

2. มีหัวหนอง และหัวสิวยังไม่สุก

สิวประเภทนี้จะมันน่าแกะจริงๆ ทางที่ดีเราควรกระตุ้นให้สิวมันสุกไวๆ เพราะจะได้รีบเอาหนองออกมาให้หมด แล้วจะได้รักษาได้เร็วทำให้โอกาสที่จะเกิดแผลเป็นน้อยลง เวลาสิวสุกเราไม่จำเป็นต้องแกะ แต่ว่าเราสามารถออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายขับความร้อนได้

แล้วสิวจะหลุดออกมาเอง จากนั้นใช้ครีมแต้มสิว พอเริ่มตกสะเก็ดก็ตามด้วยยาที่ใช้รักษารอยแผลเป็น แต่หากว่าออยากจะกดสิวออกเอง เพราะไม่อยากไปออกกำลังกายให้มันยุ่งยาก ต้องกดตอนที่สิวสุกเต็มที่เท่านั้น ไม่งั้นมันเกิดสิวหัวหนองอีกครั้งตรงที่เดิม

3 สิวสุก

สิวระยะสุดท้าย เราจะต้องเอาหัวหนองออกมาให้หมด จากนั้นก็ทายาป้องกันการติดเชื้อ และการเกิดรอยแผลเป็น


วิธีป้องกันสิวอักเสบ

1. เลิกสัมผัสใบหน้าด้วยมือ

มือของเรานั้นสกปรกมาก เพราะว่าในแต่ละวันเราต้องจับอะไรต่ออะไรไปมากมาย เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสใบหน้า หยุดการแกะ เกา เพราะว่าเชื้อแบคทีเรียจะเข้าไปสู่ผิว และทำให้เกิดจนกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด

2. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่แพ้หรือมีน้ำมัน

อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Olive oil และ Lanolin หรือน้ำมัน เพราะสารเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน โดยเฉพาะคนที่ผิวหน้าผิวหน้ามัน สิ่งเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด

3. ล้างหน้าให้สะอาด

ความสะอาดคือหัวใจหลักของการป้องกันสิวที่ดีที่สุด ล้างหน้าทำความสะอาดสิ่งที่อุดตันในรูขุมขนหรือขจัดสิ่งสกปรก การล้างหน้าจะช่วยขับของเสียและน้ำมัน ไม่ให้อุดตันจนกลายเป็นสิว แต่การเลือกแบรนด์คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอางควรใช้ตามสภาพผิวของตัวเองอย่างเหมาะสม และที่แนะนำเบื้องต้นคือการไม่ใช้สบู่ทั่วไปล้างหน้า เพราะว่าสบู่มีฤทธิ์เป็นด่าง

4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด สำหรับทุกผิวหน้าคือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Water – based หรือ Oil – free เป็นหลัก เพราะไม่เกิดอาการแพ้ ให้ความชุ่มชื้น สร้างความยืดหยุ่น และไม่ทำให้เกิดสิว

5. การมาส์กหน้าด้วยสมุนไพร

จริงๆ แล้วสมุนไพรไทยช่วยรักษาสิว และดูแลผิวหน้าได้เยอะมาก เราแทบจะไม่จำเป็นต้องหาผลิตภัณฑ์จากต่างประเภท หรือหาผลิตภัณฑ์ราคาแพงจากที่อื่นเลย เราสามารถนำสูตรการดูแลผิวด้วยสมุนไพรที่มีมากมายมาใช้ในการมาส์กได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่เป็นสูตรรักษาสิว 8 ตัวเด็ด ที่อยากแนะนำ

1. เปลือกมังคุด

เจลล้างหน้าลดสิว

เราจะใช้น้ำที่คั้นจากเปลือกมังคุด หรือว่าจะนำเปลือกมังคุดมาบดแล้วใส่น้ำอุ่นลงไปก็ได้ นำมาผสมกับดินสอพองให้มีความหนืดนิดๆ จากนั้นทาหน้าให้ทั่ว หรือทาเฉพาะบริเวณสิวอักเสบ หรือจะเอาน้ำสดๆ ทาเลยก็ได้เช่นกัน สามารถทำได้ทุกวัน รับรองเห็นผลไว้ เพราะว่าในเปลือกมังคุดจะมีสาร GM – 1 ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และสาร Xanthone ช่วยลดการอักเสบ และ Tannin ช่วยสมานแผล

2. มะนาวและมะเขือเทศ

เจลล้างหน้าลดสิว

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา + เนื้อมะเขือเทศสับ หรือปั่นละเอียด 1 ลูก ลูกขนาดกลางๆ ผสมกันแล้วทาหน้าทิ้งไว้ 10 – 15 นาที จากนั้นก็ล้างออก หรือว่าจะใช้มะเขือเทศอย่างเดียวหั่นแล้วเอามามาส์กหน้าก็ได้เช่นกัน คุณประโยชน์ในมะเขือเทศมีสาร Licopersioin ที่ช่วยจัดการเชื้อแบคทีเรีย และมีกรดอ่อนๆ และน้ำมะนาวที่มี Alpha Hydroxy Acids ช่วยลดการอักเสบ และทำให้หัวหนองเปิด สิวอักเสบหลุดออกมาได้ง่าย ช่วยสมานแผลได้เร็วขึ้นด้วย

3. ว่านหางจระเข้

เจลล้างหน้าลดสิว

สมุนไพรไทยที่ใช้ง่ายจนต้องบอกต่อ ใช้ว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป แช่น้ำทิ้งไว้ 10 – 15 นาที เพื่อเอายางออก จากนั้นก็ปอกเปลือกเพราะว่าเราจะใช้แค่วุ้นใสๆ แล้วนำมาล้างน้ำอีกรอบ นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วทาบนใบหน้า หรือเฉพาะตรงจุดที่สิวอักเสบได้ ในว่านหางจระเข้มีสาร Carboxypeptidase ช่วยลดอาการอักเสบ และ Aloctin A ที่ช่วยสร้างเซลล์ใหม่

4. มะละกอ

เจลล้างหน้าลดสิว

มะละกอสุกนอกจากจะทานได้และดีต่อร่างกาย ดีต่อผิวแล้ว ยังสามารถนำมาบดผสมกับข้าวโอ๊ตหรือน้ำผึ้งก็ได้เช่นกัน ทาทิ้งเอาไว้บนใบหน้า 10–15 นาที แล้วล้างออก ทำได้สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง จะดีต่อผิวมาก เพราะในมะละกอสุกจะมีสาร ชื่อ Papain และ Chymopapain ช่วยลดอาการอักเสบ และทำให้สิวยุบเร็ว

5. กระเทียม

เจลล้างหน้าลดสิว

ใช้กระเทียมกลีบใหญ่ 2–3 กลีบ บด หรือคั้นเอาแต่น้ำ ใช้น้ำกระเทียมมาทาบริเวณเฉพาะจุดเท่านั้น อย่าทาทั่วใบหน้า น้ำกระเทียมจะช่วยลดอาการอักเสบได้เร็ว แต่ว่าทาทิ้งไว้แค่ 10–15 นาทีพอจากนั้นล้างออกให้สะอาด หากทิ้งไว้นานาเกิดอาจทำให้ผิวไหม้ได้

หรือเราจะนำน้ำกระเทียมผสมกับน้ำสายชู ในสัดส่วนที่เท่ากันแล้วทาบริเวณสิวอักเสบทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกก็ได้เช่นกัน ในกระเทียมจะมีสาร Alliin ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดอาการอักเสบ 

6. ขมิ้นชัน + ปูนแดง

เจลล้างหน้าลดสิว

ใช้ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา + ปูนแดงปริมาณ 1/2 ช้อนชา + น้ำมะนาว 1 ช้อน ผสมให้เข้ากันทาบริเวณสิวอักเสบ ทุกเช้า – เย็น ทำได้สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ในขมิ้นจะมีสาร Curcuminoids ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ปูนแดงช่วยการสมานแผล และมะนาวสรรพคุณเยอะมาก ทั้งช่วยลอกเซลล์ผิวและลดอาการอักเสบ

7. หอมแดง

เจลล้างหน้าลดสิว

หอมแดง 1 ผล สับละเอียดคั้นเอาแค่น้ำของมัน ทาบริเวณสิวอักเสบทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำได้ทุกวัน แต่บางคนอาจจะไม่ชอบวิธีนี้ เพราะว่าหอมแดงจะมีกลิ่นฉุน เราสามารถลดกลิ่นได้โดยการเอาไปแช่ตู้เย็น ในหอมแดงจะมีสาร Allicin และ Diallyl disulfide ยับยั้งแบคทีเรียได้อยู่หมัด

8. ตำลึง

เจลล้างหน้าลดสิว

นอกจากเอาไปทำอาหารแล้ง ตำลึงยังสามารถทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีก โดยใช้ต้นตำลึง 1 กำมือ ตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ชุบสำลีแล้วแปะเอาไว้บนสิวอักเสบประมาณ 15 – 20 นาที จากนั้นล้างออก สามารถทำได้ทุกวัน เพราะว่าตำลึงมีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบได้ดีมาก

นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนร่างกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็เป็นวิธีลดสิวแบบทางอ้อมที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้ผิวชุ่มชื้น สุขภาพดีจากภายใน และไม่ผลิตความมันส่วนเกินออกมา ปัญหาสิวก็จะลดลงตามไปด้วย


อ้างอิง

https://skinx.app/content/acne/comedones-acne

https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/1321183

10 ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ตัวช่วยกำจัดสิวบนใบหน้าที่คนเป็นสิวต้องอ่าน

10 ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ตัวช่วยกำจัดสิวบนใบหน้าที่คนเป็นสิวต้องอ่าน

10 ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ตัวช่วยกำจัดสิวบนใบหน้าที่คนเป็นสิวต้องอ่าน ปัญหาใหญ่ของคนเราก็คือสิว ซึ่งใครที่เป็นคนที่เกลียดกลัวสิวอยู่เป็นทุนเดิมแล้วละก็ อาจจะคิดว่าสิวเป็นปัญหาระดับมวลมนุษย์ชาติเลยก็ว่าได้

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ทำให้หลายบริษัทได้สร้างผลิตภัณฑ์ออกมาตอบสนองความต้องการของทุกคนกันอย่างล้นหลาม จนบางทีก็มีเยอะจนเลือกไม่ถูก และวันนี้เราก็จะมาแนะนำ 10 แบรนด์ของ ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ที่ว่ากันว่าใช้แล้วดีและเหมาะกับคนเป็นสิวที่สุด ไปดูกันได้เลย!

1. LA ROCHE-POSAY EFFACLAR DUO PLUS

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

เป็นครีมบำรุงผิวหน้าที่เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ เพราะได้มีหลายคนที่ใช้แล้วออกมารับรองและการันตีเลยว่าผิวหน้าดีขึ้น สิวลดน้อยลง แถมยังช่วยลดรอยที่เกิดจากสิวได้อีกด้วย ซึ่งถ้าทาทิ้งไว้ตอนกลางคืน ตื่นขึ้นมาจะพบได้เลยว่าสิวมันยุบไปเยอะ แต่ในส่วนของราคาก็แพงตามประสิทธิภาพการใช้การ ราคาสูงหน่อยหลักพันต้นๆ แต่ก็ไม่น่าเสียดายเพราะใช้ดีจริงๆ

2. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี SMOOTH E CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ครีมบำรุงผิวหน้าสมูทอีครีม ถือเป็นของประจำตัวติดกระเป๋าคนเป็นสิวแน่นอน เพราะว่าการใช้งานมันดีจริงๆ ซึ่งแค่ตัวเดียวก็สามารถจัดการทั้งเรื่องสิวเสี้ยนและรอยดำรอยแดงจากสิวได้อีกด้วย และคนที่เป็นสิวเมื่อได้ใช้แล้วก็ต้องใช้ต่อไปทิ้งไม่ลงทีเดียว เพราะใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวจะค่อยๆ หายไปจนไม่มีเลย และที่สำคัญราคาก็ยังไม่แพงมากสามารถจับต้องได้ ราคาอยู่ที่ 100-500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณ

3. PHYSIOGEL CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

สำหรับคนที่มีปัญหาทั้งเรื่องสิวและเรื่องหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยง่าย บอกเลยว่าต้องบำรุงด้วยครีมตัวนี้ เพราะครีมตัวนี้มีความสามารถในการที่ทำให้หน้านุ่มและชุ่มชื่นขึ้น แถมยังช่วยลดปัญหาการอักเสบของสิว และช่วยลดรอยดำจากสิวได้ด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกตัวที่คนเป็นสิวไม่ควรพลาดเลย และราคาก็อยู่ที่ประมาณ 500 บาท ก็เป็นราคาที่ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป จับต้องได้

4. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี DR.SOMCHAI ACNE REPAIR CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ครีมลดสิวแบรนด์ไทยที่ช่วยการลดสิวเสี้ยนได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครที่กำลังตามหาครีมบำรุงผิวที่จะช่วยลดรอยสิวไปในตัว และครีมที่ช่วยบำรุงรักษาผิวให้ขาวเนียนและชุ่มชื่นขึ้นไปในตัว ห้ามมองข้ามตัวนี้ไป เพราะถึงแม้จะหลอดเล็กแต่ประสิทธิภาพการทำงานเรียกว่าทำได้ดีมากๆ เพราะสามารถรักษารอยสิวได้เร็ว ใช้แล้วรับรองว่าชอบแน่ๆ ส่วนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 100-200 แพงไปหน่อยเพราะหลอดเล็ก แต่รับรองว่าปังแน่นอน

5. YVES ROCHER PURE SYSTEM STOP ACNE LOTION

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

สำหรับครีมทาผิวตัวนี้ ถือเป็นครีมบำรุงผิวที่มีการทำงานได้ดีมากๆตัวหนึ่ง ซึ่งเหมาะมากๆสำหรับคนเป็นสิว เพราะเมื่อใช้แล้วใบหน้าที่มันจะค่อยๆ มันน้อยลง เนื่องจากครีมตัวนี้สามารถควบคุมความมันบนใบหน้าได้นาน และที่สำคัญเนื้อครีมตัวนี้จะอยู่ในรูปของเนื้อเจล ทำให้เวลาทาแล้วไม่หนัก ไม่เหนียว และไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน แถมยังช่วยในการลดการเกิดสิวใหม่ได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในครีมสำหรับผู้มีผิวมันที่ตอบโจทย์มากๆ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 400 บาท

6. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี PAPULEX OIL-FREE CREAM

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

อยากจะบอกว่าครีมบำรุงผิวหน้าตัวนี้เป็นสูตรที่ไม่มีน้ำมันและน้ำหอมปนอยู่เลย เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญหาหน้ามันง่ายและปัญหาสิวเสี้ยน รวมไปถึงปัญหาผิวแพ้ง่าย ถ้าใช้ตัวนี้จะถือว่าดีมาก เพราะสิวเสี้ยนที่เป็นอยู่จะค่อยหายไป และยังช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่อีกด้วย แถมครีมตัวนี้ยังสามารถช่วยความมันของหน้าได้อีกด้วย ราคาครีมตัวนี้อยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท ซึ่งก็ถือว่าราสูงอยู่เหมือนกัน แต่ก็เป็นครีมที่ดีมากๆ อันหนึ่งเลยล่ะ

7. EUCERIN DERMO PURIFYER HYDRATING CARE

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ใครที่มีผิวแพ้ง่าย แพ้อะไรนิดหน่อยก็เป็นสิวแล้ว ถ้าหากได้ลองครีมบำรุงผิวตัวนี้แล้วจะต้องติดใจและถูกใจอย่างแน่นอน เพราะเป็นครีมทาผิวที่เป็นไม่มีน้ำมันและไม่มีน้ำหอม ทำให้เวลาใช้แล้วคนผิวบางจึงไม่รู้สึกคันหรือระคายเคืองอะไร แถมยังสามารถจัดการในส่วนของเรื่องปัญหาหน้ามันและปัญหาสิวได้แบบอยู่หมัด ทั้งยังช่วยให้เวลาแต่งหน้า สามารถอยู่ทนได้อีกด้วย ราคาอยู่ที่ประมาณ 900 บาท แพงไปนิด แต่ก็ผลลัพธ์เกินคาด

8. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี Puricas Anti Acne Gel

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ตัวนี้เด็ดมาก เพราะช่วยดูแลปัญหาสิวและการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ช่วยรักษาสิวที่ต้นเหตุ โดยลดการหลั่งน้ำมันใต้ชั้นผิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน สามารถตอบโจทย์และดูแลปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเจลแต้มสิวมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ ดูดหัวสิว ทำให้หัวสิวแห้งและสะกิดออกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังมีความอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย เพราะปราศจากน้ำหอม พาราเบน และสารสเตียรอยด์อีกด้วย

9. Lion Pair Acne Cream W

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ครีมแต้มสิวตัวฮิตจากญี่ปุ่น ช่วยขจัดสารพิษจากผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการคัน สิว ผดผื่น และอาการอักเสบบวมแดงของผิว คืนความชุ่มชื่นสู่ผิว ครีมแต้มสิวช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบสิวอุดตัน ทำหน้าที่สลายเชื้อโรคและฆ่าเชื้อสิวบนใบหน้าให้หมดไปด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ ทำให้สิวยุบเร็วขึ้นและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังสิวหาย ทั้งยังลดอัตราการเกิดสิวอย่างได้ผล เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อผู้มีปัญหาสิวอย่างแท้จริง

10. ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี Benzac AC

ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี

ใครที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวหัวแดง หรือสิวอักเสบบ่อยๆ ต้องรู้จัก Benzac เพราะช่วยในเรื่องลดการอักเสบของสิว และยังช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิวหน้าได้อีกด้วย โดยใช้แต้มหัวสิวทิ้งไว้ก่อนล้างหน้าสัก 15-20 นาที สามารถใช้ควบคู่กับเจลล้างหน้าลดสิวได้ แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มใช้แนะนำให้ใช้ 2.5% หรือ 5% ก่อน แต่ตัวนี้อาจจะไม่เหมาะกับคนผิวแห้ง ที่สำคัญใช้แล้วอย่าลืมทาบำรุงหน้าด้วยเพื่อป้องกันหน้าลอกและการระคายเคือง

นี่ก็เป็น 10 แบรนด์ของ ครีมรักษาสิวยี่ห้อไหนดี ที่นำมาฝากกัน เพราะถ้าพูดถึงเรื่องสิว เชื่อว่าหลายคนคงไม่ชอบ และคงไม่อยากให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของตัวเองกันหรอก ซึ่งสิวนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ และเมื่อเป็นสิวแล้วจึงพยายามหาวิธีทำให้สิวหายเร็วที่สุด ดังนั้น ตัวช่วยยอดฮิตอย่าง ครีมรักษาสิว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดสิวให้หายไป


หน้าเป็นสิวใช้ครีมอะไรดี ถ้าเป็นสิว ควรใช้ครีมทาหน้าชนิดไหนดีที่สุด

หน้าเป็นสิวใช้ครีมอะไรดี ถ้าเป็นสิว ควรใช้ครีมทาหน้าชนิดไหนดีที่สุด

หน้าเป็นสิวใช้ครีมอะไรดี ถ้าเป็นสิวควรใช้ครีมทาหน้าชนิดไหนดีที่สุด ผลิตภัณฑ์ทาหน้าและครีมบำรุงผิวหรือครีมหน้าขาวในปัจจุบันมีวางขายให้เลือกกันเยอะจริงๆ เพราะมีมากมายหลากหลายยี่ห้อ แถมมีให้เลือกหลากหลายราคา

ที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ชวนทำให้ใครหลายคนสงสัยก็คือในส่วนของความแตกต่างของเนื้อครีม ที่เราเห็นหลักๆ ในท้องตลาดก็จะมีเนื้อผลิตภัณฑ์แบบครีม แบบโลชั่น แบบเจล แบบเซรั่ม และวันนี้เราจะไปดูกันว่าทั้งหมดนั้นมีหน้าที่อะไร และคนที่เป็นสิวควรใช้ครีมแบบไหน

1. ครีมทาผิวเนื้อครีม (CREAM)

ครีมทาผิวแบบเนื้อครีม เป็นครีมที่มีการผสมน้ำกับน้ำมันเข้าไว้ด้วยกัน โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำมันในปริมาณที่มากกว่า จึงทำให้เนื้อครีมค่อนข้างจะข้น หนืด แน่น และหนักกว่าเนื้อแบบอื่นๆ ซึ่งทำให้การทำงานในการซึมเข้าผิวจะช้ากว่าแบบตัวอื่น อาจจะพูดได้ว่าช้าที่สุดเลยก็ได้ ส่วนใหญ่เนื้อครีมนี้จะเคลือบติดอยู่บริเวณผิวหนังชั้นบนมากกว่า

ซึ่งเนื้อครีมเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวคนได้ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะการที่มันผสมน้ำมันเข้าไปเยอะนั่นแหละ แต่ก็ด้วยความที่มีน้ำมันนี่เองที่อาจทำให้ผิวหน้าเราเกิดความมัน และการอุดตันของน้ำมันได้ง่ายขึ้น และอาจเป็นที่มาของการเกิดสิวอุดตัน เนื้อครีมจึงเป็นสิ่งที่คนเป็นสิวควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด โดยเฉพาะคนที่มีผิวมันมากๆ

2. ครีมทาผิวเนื้อโลชั่น (LOTION)

ครีมทาผิวเนื้อโลชั่นเป็นครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกันเหมือนแบบเนื้อครีม แต่ส่วนผสมส่วนใหญ่จะมีปริมาณน้ำมากกว่า จุดเด่นของเนื้อโลชั่นคือ มีความสามารถที่ซึมเข้าผิวได้ดีกว่าแบบครีมมากๆ ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนแบบครีม 

ทำให้เหมาะกับคนที่มีผิวมัน โดยโลชั่นที่ใส่สารบำรุงผิวเยอะก็อยู่ในรูปของโลชั่นทาหน้า แต่ถ้าใส่สารบำรุงผิวน้อยก็จะอยู่ในรูปของโลชั่นทาผิวทั่วไป ซึ่งในท้องตลาดมีครีมทาผิวเนื้อโลชั่นวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เป็นโลชั่นด้วย นั่นแสดงว่าเนื้อโลชั่นเป็นเนื้อที่เหมาะกับคนเป็นสิวและหน้ามัน

3. ครีมทาผิวเนื้อเจล (GEL)

ครีมทาผิวเนื้อเจลเป็นครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันในปริมาณที่น้อยมากหรือไม่ก็ไม่มีเลย โดยกระบวนการผลิตเนื้อเจลจะใส่สารที่ทำให้เกิดเนื้อเจล จากนั้นก็ผสมรวมกับสารอื่นๆทุกอย่าง ข้อดีของครีมทาผิวแบบเนื้อเจล คือ สามารถซึมเข้าผิวได้เร็วมาก ไม่แสดงอาการอุดตัน และทาแล้วไม่ทำให้หน้ามันเลย

นั่นแสดงว่าครีมทาผิวแบบเนื้อเจล จัดว่าเป็นครีมทาผิวที่เหมาะกับคนเป็นสิวมากที่สุด ซึ่งเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลายตัวในท้องตลาดนิยมทำออกมาในรูปของเจล และแน่นอนครีมทาผิวแบบเนื้อเจลจะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งหรือผิวบาง เพราะครีมทาผิวแบบเนื้อเจลส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใส่สารที่มีความชุ่มชื้นหรือใส่พวกน้ำมันเข้าไปในผลิตภัณฑ์

4. ครีมทาผิวเนื้อเซรั่ม (SERUM)

ตามความเชื่อของสาวๆ หลายคน จะบอกว่าครีมทาผิวแบบเนื้อเซรั่มนั้นเป็นสุดยอดของครีมบำรุงผิว นิยมนำมาใช้เป็นรูปแบบไนท์ครีมที่ช่วยบำรุงผิวตอนกลางคืน ซึ่งได้ทาแล้วผิวหน้าจะเรียบเนียน เปล่งปลั่ง สวยกว่าครีมทาผิวทั่วไปแน่ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ความเป็นจริงแล้วครีมทาผิวเนื้อเซรั่มบางตัวนั้นไม่ได้มีกระบวนการผลิตที่แตกต่างจากครีมทั่วไปเลย เพียงแต่ครีมทาผิวแบบเนื้อเซรั่ม จะใส่สารบำรุงผิวเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าครีมแบบอื่น และเซรั่มก็เป็นครีมชนิดที่นิยมในการรักษาสิวมากชนิดหนึ่งเลย

ทีนี้คนเป็นสิวก็คงจะรู้แล้วว่า เราควรใช้ครีมเนื้อไหนดี โดยทั้งนี้ก็แนะนำว่าไปถามหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเลยก็ได้ เพราะผิวของคนไม่ได้มีแค่ ผิวบาง แห้ง หรือมันเพียงอย่างเดียว ยังอีกมีแบบผสมและอีกมากมายที่ครีมทาผิวอาจใช้แล้วไม่ตรงกับจุดประสงค์เลยก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณใช้ครีมทาผิวตรงกับที่บอกไป ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สิวหายและมีใบหน้าที่เรียบเนียนได้ไม่ยากแน่นอน


10 วิธีลดหลุมสิว เคล็ดลับ ลดรอยหลุมสิวดีๆ ที่ต้องบอกต่อ!

10 วิธีลดหลุมสิว เคล็ดลับ ลดรอยหลุมสิวดีๆ ที่ต้องบอกต่อ!

“หลุมสิว” แค่ได้ยินก็ขนลุกชูชันไปทั้งตัวแล้ว ก็ใครบ้างที่อยากจะมีร่องรอยหลุมบ่ออยู่บนใบหน้า แถมยังเป็นปัญหาผิวที่รักษาได้ยากเย็นเสียเต็มประดาอีกด้วย แทนที่จะมีผิวนวลผ่องดังแสงจันทร์ ก็กลับกลายเป็นว่ามีผิวขรุขระเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์นั่นเอง

เป็นฝ้า กระ หรือสิวอักเสบ มันก็ยังพอใช้เครื่องสำอางกลบเกลื่อนกันได้ แต่กรณีของหลุมสิวนั้นแทบจะไม่มีอะไรปกปิดเอาไว้ได้เลย ทางที่ดีจึงต้องรักษาให้หายหรือป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

ลดหลุมสิว สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก ให้นึกถึงผิวหน้าที่เป็นหลุมบ่อเล็กๆ กระจายเต็มพื้นที่ มักพบในบริเวณที่เกิดสิวได้บ่อย คือ บริเวณจมูกและแก้ม เกิดจากผลกระทบของสิวอักเสบที่ลุกลามจนกินพื้นที่เนื้อให้ลึกลงไป และหลายๆ ครั้งก็เกิดจากพฤติกรรมอันสุ่มเสี่ยงของตัวเราเอง เมื่อไรที่มีสิวขึ้นมาก็พยายามไปบีบมันออก ด้วยความคันมือหรือรำคาญใจก็ไม่อาจรู้ได้

แต่ที่แน่ๆ คือบีบอย่างผิดวิธี จากสิวธรรมดาก็กลายเป็นสิวอักเสบ จากสิวอักเสบก็กลายเป็นการทำลายชั้นผิว สุดท้ายก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้เต็มไปหมดดังนั้นนอกเหนือไปจากสิ่งอื่นใด จงจำไว้ว่าอย่าบีบสิวจนติดเป็นนิสัยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวเล็ก สิวหัวใหญ่ หรือแม้แต่สิวเสี้ยนก็ตามที แต่หากว่าหลุมสิวมันเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป ค่อยๆ รักษาตามระดับความรุนแรงที่อาจแบ่งได้ 3 ระดับดังนี้

ICE PICK SCAR – ลดหลุมสิวแบบนี้มีลักษณะลึก ปากหลุมแคบ อาจถูกทำลายไปจนถึงชั้นหนังแท้ เป็นรูปแบบที่รักษาได้ยากที่สุด

BOX SCAR – หลุมมีลักษณะคล้ายบ่อ มีขอบที่กว้างและค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ตื้นกว่าแบบแรกพอสมควร

ROLLING SCAR – กลุ่มนี้ยังไม่เห็นว่าเป็นหลุมเท่าไร เป็นเพียงแอ่งเว้าลงไป แต่ก็ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนแบบที่สังเกตเห็นได้

การรักษามีทั้งแบบการใช้ยาและการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ ลองมาดูแนวทางในการลดรอยหลุมสิวที่ได้รับความนิยมกันบ้างดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ใช้ผลิตภัณฑ์ลบรอยแผลเป็น

1. ใช้ผลิตภัณฑ์ลบรอยแผลเป็น

วิธีนี้ใช้ได้กับกรณีของ ROLLING SCAR เท่านั้น โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี AHA และ BHA เป็นหลัก เพราะองค์ประกอบสำคัญเหล่านี้มีหน้าที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง จึงสามารถเติมเต็มส่วนที่ถูกทำลายไปได้ แต่แน่นอนว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการลดหลุมสิว หลุมสิวจะค่อยๆ ตื้นขึ้นทีละน้อย

จะเร็วหรือช้ามากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองในส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน งดอาหารที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบต่อการเสริมสร้างคอลลาเจนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้อาจใช้การสครับผิวหน้าอย่างอ่อนโยนเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่งได้

2. แต้มกรด TCA (TRICHLOROACETIC ACID)

สารประเภทกรดชนิดนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในวงการความสวยความงาม เราอาจได้เห็นผ่านตากันมาบ้าง ว่าช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิว กระ ไฝ และรอยดำได้ด้วย กรด TCA มีคุณสมบัติในกัดกร่อน ลอกชั้นเซลล์ผิวหนังออก และเร่งผิวใหม่ให้เกิดการแบ่งตัวได้เร็วขึ้น ผิวจึงค่อยๆ เรียบเนียนขึ้นได้ แต่จะต้องศึกษาค่าความเข้มข้นที่เหมาะสมและวิธีการใช้อย่างถี่ถ้วน

เพราะถ้าผิดพลาดไปจะกลายเป็นทำร้ายผิวให้ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ผลข้างเคียงของการใช้กรด TCA ก็คืออาจเกิดรอยไหม้และสะเก็ดสีเข้มบนผิวได้ แล้วก็เป็นวิธีที่ไม่ควรทำบ่อยๆ หรือทำติดๆ กันทั่วใบหน้า เพราะอาจทำให้ผิวฟื้นตัวไม่ทัน

3. ลอกผิวด้วยกรดผลไม้

กรดผลไม้ที่เราคุ้นหูกันดีจะมีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน คือ AHA และ BHA ทั้งสองมีความเหมือนและความต่างกันเล็กน้อย โดยมีสรรพคุณโดดเด่นในการเร่งผลัดเซลล์ผิวเหมือนกัน ผิวชั้นนอกสุดจึงหลุดออกและเริ่มทำการซ่อมแซมใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความระคายเคืองในผิวบอบบาง หรือเกิดอาการผิวแห้งขาดน้ำได้ ส่วนที่ต่างก็คือ AHA เป็นกรดผลไม้ที่สกัดจากธรรมชาติ สามารถละลายได้ในน้ำ ผ่านเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังได้น้อย

ในขณะที่ BHA เป็นกรดที่สังเคราะห์ขึ้นมา ละลายได้ในไขมัน และผ่านเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังได้ลึกกว่า จะเลือกใช้ตัวไหนลดหลุมสิวก็ตามความสะดวก วิธีนี้จะค่อยๆ ทำให้หลุมสิวเติมเต็มขึ้นเรื่อยๆ

4. ทากรดวิตามินเอ (RETINOIC ACID)

นี่ก็เป็นอีกตัวที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสารสารพัดประโยชน์ต่อผิวหน้า รักษาได้หมดตั้งแต่ฝ้า กระ สิว รอยด่างดำ และแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน กรดวิตามินเอตัวนี้ไม่ใช่ตัวเดียวกันกับวิตามินเออย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นอนุพันธ์ที่ถูกสกัดมาจากวิตามินเออีกที เหมาะกับการรักษาที่ไม่ได้รีบร้อนมากนัก และไม่ต้องการให้เกิดสะเก็ดแผลที่ต้องมาดูแลเพิ่มเติมอีกในภายหลัง

กรดวิตามินเอสามารถใช้ได้บ่อยกว่ากรด TCA โดยปริมาณที่เหมาะสมอยู่ที่อาทิตย์ละ 2 ครั้ง

5. ทายาที่อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ

ยาลดหลุมสิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Retin A เพราะเป็นยาตัวแรกๆ ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับใช้ลดสิวอุดตัน ต่อมาก็แตกแขนงออกมาเป็นใช้ลดริ้วรอย ลดความมัน เป็นต้น Retin A จะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ริ้วรอยต่างๆ จึงตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งสำคัญคือไม่ควรใช้ยาตัวนี้ร่วมกับยารักษาสิวตัวอื่นๆ และควรทาแค่บางๆ เท่านั้น ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าทำให้หน้าเกิดความระคายเคืองได้

ทายาหลุมสิวที่อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ

6. ฉีดฟิลเลอร์

ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าหลุมสิวบางประเภทนั้นรักษาได้ยากมาก และไม่อาจแก้ปัญหาได้ด้วยการทายาเพียงอย่างเดียว ต้องพึ่งพานวัตกรรมทางการแพทย์ร่วมด้วยจึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ ใช้ได้กับระดับ BOX SCAR และ ROLLING SCAR ส่วนใหญ่จะใช้สารเติมเต็มเป็นไฮยาลูรอนิกเอซิด (Hyaluronic Acid) เนื่องจากระคายเคืองและเกิดอาการแพ้ได้น้อยการคอลลาเจนหลายเท่า

ข้อดีคือฉีดแล้วเห็นผลทันทีว่าหลุมเล็กใหญ่บนใบหน้านั้นหายไป อย่างไรก็ตามการฉีดแต่ละครั้งจะคงสภาพไว้ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีเท่านั้น เป็นการแก้ปัญหาแบบชั่วคราวไม่ใช่ถาวร หากชอบการรักษาแบบนี้ก็แค่กลับมาเติมเพิ่มอีกเมื่อครบกำหนด

7. กรอผิวด้วยอัญมณี

นี่คือการลดหลุมสิว ด้วยการกรอผิวหนังในส่วนของหนังกำพร้าออกไปบางส่วน ซึ่งมีความบางมาก ยังไม่ถึงชั้นผิวที่ทำให้เกิดรอยแผลได้ ไม่เหมือนกับการกรอผิวด้วยเลเซอร์ทั่วไปที่จะต้องดูแลรอยแผลอยู่ระยะหนึ่งหลังการทำ การรักษาด้วยวิธีนี้จึงไม่ยุ่งยากในเรื่องของการดูแล สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติในทันที

ข้อดีคือผิวดูเรียบเนียน หลุมต่างๆ ดูตื้นขึ้น แถมยังมีผลพลอยได้เป็นการช่วยลดรอยด่างดำต่างๆ ด้วย การกรอผิวด้วยอัญมณีนี้เหมาะกับหลุมสิวประเภท BOX SCAR และ ROLLING SCAR

8. การทำ SKIN NEEDING

วิธีนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก แต่เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาความไม่เรียบเนียนของใบหน้า และลดเลือนริ้วรอยต่างๆ โดยเฉพาะ ลักษณะของการทำ Skin Needing คือการใช้อุปกรณ์ที่เป็นเข็มขนาดเล็กมากและมีค่าความยาวที่เหมาะสม บรรจุตัวยาที่ทำหน้าที่กระตุ้นการฟื้นฟูชั้นผิว ฉีดเข้าไปตามจุดต่างๆ ทั่วใบหน้า แล้วลงเซรั่มวิตามินเป็นการปิดท้าย

ความพิเศษของการรักษาแบบนี้ก็คือเร่งให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว และไม่ทำให้ผิวชั้นนอกเกิดการลอกออก จึงไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เลย แต่ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบริเวณที่ทำการรักษาประมาณ 24 ชั่วโมง พร้อมหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงสัปดาห์แรกด้วย

9. ศัลยกรรมผ่าตัด

สำหรับหลุมสิวประเภท ICE PICK SCAR นั้น ลดหลุมสิวได้ยากมาก เกือบทั้งหมดเหมาะกับการรักษาด้วยการศัลยกรรม เพราะชั้นผิวถูกทำลายลึกมาก ต่อให้ใช้เลเซอร์หรือการกรอผิวก็ไม่ค่อยช่วยให้เห็นความแตกต่างมากเท่าไร จึงต้องจัดการด้วยวิธีนี้ และไม่ใช่แค่

ICE PICK SCAR เท่านั้น หากเป็นประเภทอื่นที่รักษามาทุกรูปแบบแล้วยังไม่หาย ก็ต้องมาจบที่การศัลยกรรมเช่นเดียวกัน โดยที่การศัลยกรรมลักษณะนี้ยังแบ่งออกได้อีก 4 วิธี ได้แก่

  • Punch excision เป็นการผ่าตัดเอาส่วนของรอยร่องหลุมออก ก่อนเย็บแผลให้ติดกัน
  • Punch elevation เป็นการผ่าตัดโดยตกเนื้อบริเวณก้นหลุม หรือบริเวณที่ต่ำกว่าให้ขึ้นมาสูงเทียบเท่ากับบริเวณใกล้เคียง
  • Punch grafting เป็นการนำเนื้อส่วนอื่นมาเติมเต็มหลุม แล้วเย็บปิดเพื่อให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตได้เต็มที่
  • Elliptical excision เป็นการกรีดร่องหลุมให้เป็นวงรี ก่อนเย็บปิดแผลให้แนบสนิท

ผลข้างเคียงเป็นเรื่องของรอยแผลเป็นขนาดเล็ก แต่ก็สามารถที่จะหายได้เองโดยไม่ต้องรักษาอะไรเพิ่มเติม

10. การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว

ปิดท้ายด้วยวิธีที่ได้รับความนิยมสูงมากที่สุด เนื่องด้วยไม่เจ็บตัวและหาสถานบริการที่เชี่ยวชาญทำได้ง่าย ส่วนผลลัพธ์นั้นก็ไม่เลวทีเดียว เลเซอร์ที่ใช้เพื่อรักษาหลุมสิวมีหลายประเภท เช่น เลเซอร์ Yag เลเซอร์ Fraxel เลเซอร์ Fractional CO2 เป็นต้น ในรายละเอียดแล้ว แต่ละตัวก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครชื่นชอบแบบไหน อย่างไรก็ตามแกนหลักของการรักษาด้วยเลเซอร์ก็คือการกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ของเดิมนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าการรักษา หรือการลดหลุมสิวนั้นยุ่งยากกว่าการป้องกันหลายเท่านัก และการป้องกันก็ไม่ได้ยากเกินไปด้วย ดังนั้นหากอยากมีใบหน้าเรียบเนียน ห่างไกลจากร่องริ้วรอยและหลุมบ่ออันขรุขระต่างๆ ก็ต้องใส่ใจดูแลผิวอย่างถูกต้องเหมาะสมอยู่เสมอ


อ้างอิง

Using Creams for Acne Treatment : https://www.verywellhealth.com/acne-creams-creams-for-acne-2633109

การรักษาหลุมสิว. https://www.mccormickhospital.com/web/articles/blogs/การรักษาหลุมสิว