Author

admin

Browsing

ผิวอักเสบ ทำยังไงดี ? เคล็ดลับการดูแลผิวและป้องกัน

ผิวอักเสบเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยและสร้างความรำคาญใจให้กับหลายคน ไม่ว่าจะเกิดจากการติดเชื้อ การแพ้สารเคมี หรือแม้กระทั่งสภาพอากาศและมลภาวะ การมีผิวอักเสบไม่เพียงแต่ทำให้ผิวดูไม่สวยงาม แต่ยังอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของเราอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับสาเหตุของ ผิวอักเสบ และประเภทต่างๆ ของผิวอักเสบ พร้อมทั้งเคล็ดลับการดูแลผิวที่อักเสบให้กลับมาสุขภาพดี และวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดผิวอักเสบขึ้นอีก มาค้นหาวิธีการดูแลผิวที่ถูกต้องและได้ผล เพื่อให้คุณมีผิวที่สุขภาพดีและสวยงามตลอดเวลา


สาเหตุของ ผิวอักเสบ เกิดจากอะไร ?

สาเหตุของ ผิวอักเสบ เกิดจากอะไร ?

ผิวอักเสบเป็นปัญหาผิวหนังที่สามารถพบได้บ่อยในทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ความไม่สบายจากการอักเสบของผิวหนังสามารถทำให้เรารู้สึกคัน บวมแดง และเกิดอาการระคายเคือง การเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดผิวอักเสบเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่าย โดยสาเหตุของผิวอักเสบส่วนใหญ่มีดังนี้

1. การติดเชื้อ

  • แบคทีเรีย: การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น การติดเชื้อ Staphylococcus aureus สามารถทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบและบวมแดง
  • ไวรัส: ไวรัสบางชนิด เช่น Herpes Simplex Virus (HSV) สามารถทำให้เกิดผื่นและตุ่มน้ำบนผิวหนัง โดยมีการติดเชื้อ HSV ประมาณ 67% ของประชากรโลก

2. การแพ้สารเคมีและผลิตภัณฑ์ต่างๆ

  • เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: สารเคมีในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและผิวอักเสบ
  • สารเคมีในสิ่งแวดล้อม: การสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ เช่น น้ำยาทำความสะอาด สารซักล้าง หรือสารเคมีในอากาศ ก็สามารถทำให้เกิดผิวอักเสบได้

3. สภาพอากาศและมลภาวะ

  • แสงแดด: การเผชิญกับแสงแดดโดยไม่มีการป้องกันสามารถทำให้ผิวไหม้และอักเสบ
  • มลภาวะในอากาศ: ฝุ่นละอองและสารมลพิษในอากาศสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง

4. ภาวะทางผิวหนัง

  • ผิวแห้ง: ผิวแห้งเกินไปสามารถทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย หรือปัญหาผิวคนอ้วนที่ทำให้ผิวมีปัญหามากกว่าปกติ
  • ภาวะทางพันธุกรรม: บางคนมีภาวะผิวหนังที่อ่อนไหวต่อการอักเสบเนื่องจากพันธุกรรม เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือโรคผื่นแพ้สัมผัส (Atopic Dermatitis)

5. ปัจจัยทางพฤติกรรมและวิถีชีวิต

  • การถูและเกา: การถูหรือเกาผิวหนังบ่อยๆ สามารถทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบ
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเองสามารถทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ เช่นครีมสำหรับคนอ้วนควรเน้นความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ซึ่งหาเลือกครีมที่ทำให้ผิวแห้งก็จะยิ่งทำให้ผิวมีปัญหาเป็นต้น โดยมีการรายงานว่าประมาณ 25% ของผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไม่เหมาะสมมักมีปัญหาผิวอักเสบ

ประเภทของผิวอักเสบ

ประเภทของผิวอักเสบ

ผิวอักเสบสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามสาเหตุที่ทำให้เกิด ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและอาการที่แตกต่างกันไป การรู้จักประเภทของผิวอักเสบจะช่วยให้เราสามารถดูแลผิวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ดังนี้

1. ผิวอักเสบจากการติดเชื้อ

  • สิว (Acne): เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและการอุดตันของต่อมไขมัน อาจมีลักษณะเป็นตุ่มแดง ตุ่มหนอง หรือสิวหัวดำ
  • โรซาเซีย (Rosacea): เป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่มักพบในบริเวณหน้า ลักษณะเด่นคือผิวหน้าจะแดง ตุ่มเล็กๆ และเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัว

2. ผิวอักเสบจากการแพ้

  • ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis): เกิดจากการสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ เช่น สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือเครื่องสำอาง ลักษณะผื่นจะแดง คัน และอาจมีตุ่มน้ำ
  • ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema): เป็นภาวะที่เกิดจากการแพ้และมีการอักเสบของผิวหนัง ลักษณะผื่นจะคัน แดง แห้ง และอาจมีรอยแตก

3. ผิวอักเสบจากภาวะทางผิวหนัง

  • โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis): เป็นภาวะที่ผิวหนังมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่เร็วเกินไป ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหนังหนา เป็นสะเก็ด และมีอาการคัน
  • โรคผื่นผิวหนังเซ็บบอเรอิก (Seborrheic Dermatitis): เป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า และหน้าอก ลักษณะผื่นจะมีสีแดง คัน และมีสะเก็ดสีเหลืองหรือขาว

การดูแลผิวอักเสบ

การดูแลผิวอักเสบ

1. การทำความสะอาดผิว

  • การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสูตรอ่อนโยน ไม่มีสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติหรือมี pH สมดุลจะเหมาะสำหรับผิวที่อักเสบ
  • วิธีการทำความสะอาดผิวอย่างถูกต้อง: ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเบาๆ หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าขนหนูถูแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง ควรใช้มือถูเบาๆ และทำความสะอาดในลักษณะเป็นวงกลม นอกจากนี้ ควรล้างหน้าให้สะอาดทั้งเช้าและเย็นเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่สะสม

2. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

  • ครีมบำรุงและมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสม: เลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูงและปราศจากสารก่อภูมิแพ้ เพราะช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้นและเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดรอยแตกลายได้ด้วย สารอาหารผิวที่ควรมองหา เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ ไฮยาลูรอนิก แอซิด หรืออโลเวรา
  • สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยลดการอักเสบ: สารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ เช่น สารสกัดจากชาเขียว ว่านหางจระเข้ คาโมไมล์ และน้ำมันทีทรี สามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบและทำให้ผิวรู้สึกสบายขึ้น

3. การรักษาทางการแพทย์

  • การใช้ยาทาภายนอก: ในบางกรณี การใช้ยาทาภายนอกที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือยาปฏิชีวนะอาจจำเป็นในการรักษาผิวอักเสบ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันผลข้างเคียง
  • การรับคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนัง: หากอาการผิวอักเสบไม่ดีขึ้นหรือมีความรุนแรง ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำปรึกษาและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาเพิ่มเติม เช่น การใช้ยารับประทานหรือการทำทรีทเมนต์เฉพาะทาง

การป้องกันผิวอักเสบ

การป้องกันผิวอักเสบ

1. การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้

  • การตรวจสอบและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อภูมิแพ้: ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนการใช้งานเพื่อดูส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ เช่น สารเคมีที่มีส่วนผสมของน้ำหอม พาราเบน หรือซัลเฟต หากพบว่าผลิตภัณฑ์มีสารเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง
  • การเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ: ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติมักมีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิว เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรืออโลเวรา ซึ่งสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดผิวอักเสบ

2. การรักษาความสะอาดของผิว

  • การล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอน: ควรล้างหน้าให้สะอาดทุกคืนเพื่อขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และเครื่องสำอางที่สะสมตลอดทั้งวัน การใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนจะช่วยรักษาความสะอาดของผิวและลดการอักเสบ
  • การเปลี่ยนผ้าขนหนูและปลอกหมอนบ่อยๆ: ผ้าขนหนูและปลอกหมอนสามารถสะสมเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกได้ การเปลี่ยนผ้าขนหนูและปลอกหมอนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้และป้องกันการอักเสบของผิว

3. การป้องกันจากแสงแดด

  • การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง: แสงแดดสามารถทำลายผิวและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน แม้ในวันที่ไม่มีแดดก็ตาม
  • การสวมใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด: การใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวและมีค่า UPF (Ultraviolet Protection Factor) จะช่วยป้องกันการกระทบของแสงแดดบนผิวโดยตรง นอกจากนี้การสวมหมวกและแว่นตากันแดดก็เป็นการป้องกันเพิ่มเติม

4. การรักษาสุขภาพทั่วไป

  • การดื่มน้ำเพียงพอ: น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นและลดการอักเสบ
  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล: การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักผลไม้ ปลา และธัญพืช จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดการอักเสบ
  • การนอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายและผิวได้พักผ่อน ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนเพื่อให้ผิวมีเวลาในการฟื้นฟูและซ่อมแซม

การดูแล ผิวอักเสบ ต้องอาศัยมีความรู้และปฏิบัติตามเคล็ดลับที่ถูกต้อง ผิวของเราก็สามารถกลับมาสุขภาพดีได้อีกครั้ง การทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม และการรักษาความสะอาด ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก อย่าลืมว่า การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ รักษาความสะอาดของผิว ป้องกันจากแสงแดด และรักษาสุขภาพทั่วไป เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันผิวอักเสบ นอกจากนี้ หากคุณมีปัญหาผิวที่รุนแรงหรือไม่หายขาด ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม


คำถามที่พบบ่อย

1. ผิวอักเสบเกิดจากอะไรได้บ้าง?

ผิวอักเสบสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส การแพ้สารเคมีหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิด การเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรงหรือมลภาวะ นอกจากนี้ ปัจจัยทางพันธุกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันก็สามารถมีส่วนทำให้เกิดผิวอักเสบได้เช่นกัน

2. ฉันควรใช้ผลิตภัณฑ์อะไรในการดูแลผิวอักเสบ?

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่มีสารก่อภูมิแพ้เป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มี pH สมดุลและครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ นอกจากนี้ การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น ว่านหางจระเข้หรือชาเขียว ก็เป็นทางเลือกที่ดี

3. มีวิธีป้องกันไม่ให้ผิวอักเสบกลับมาอีกหรือไม่?

การป้องกันผิวอักเสบสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของผิว หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง ป้องกันผิวจากแสงแดดด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง และรักษาสุขภาพทั่วไปให้ดี เช่น การดื่มน้ำเพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการนอนหลับให้เพียงพอ

4. ควรปรึกษาแพทย์เมื่อใดถ้าผิวอักเสบไม่ดีขึ้น?

หากผิวอักเสบของคุณไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตามที่แนะนำ หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น การบวมแดง คัน หรือมีตุ่มหนอง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม อาจจะต้องใช้ยาทาภายนอกหรือยารับประทานเพื่อช่วยลดการอักเสบ


อ้างอิง

วิธีลดรอยแตกลาย พร้อมเทคนิคกระชับผิวสวย

รอยแตกลายเป็นปัญหาผิวที่หลายคนพบเจอ โดยเฉพาะผู้ที่ผ่านการตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือการเจริญเติบโตในวัยรุ่น รอยแตกลายอาจทำให้เราขาดความมั่นใจในการเปิดเผยผิวหนังส่วนต่างๆ อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและการดูแลผิวอย่างเหมาะสม นอกจากการลดรอยแตกลายแล้ว การกระชับผิวให้สวยและเรียบเนียนก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับสาเหตุของรอยแตกลาย วิธีลดรอยแตกลาย รวมถึงเทคนิคในการกระชับผิวให้สวยและสุขภาพดี หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะดูแลผิวพรรณของคุณให้กลับมาสวยงามและเรียบเนียนอีกครั้ง บทความนี้คือคำตอบที่คุณต้องการ


สาเหตุของรอยแตกลาย

สาเหตุของรอยแตกลาย

1. การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

เมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เป็นปัญหาผิวคนอ้วนที่พบบบ่อย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหรือลดน้ำหนัก ผิวหนังจะต้องขยายหรือหดตัวตามการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งสามารถทำให้เกิดรอยแตกลายได้ เนื่องจากผิวหนังไม่สามารถยืดหยุ่นได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้น จากการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวเดิมภายในระยะเวลา 3-6 เดือน จะมีโอกาสเกิดรอยแตกลายสูงขึ้นถึง 50%

2. การตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายมีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง สะโพก และเต้านม ทำให้ผิวหนังต้องยืดขยายเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ จึงเกิดรอยแตกลายขึ้นได้บ่อยในช่วงนี้ จากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์ประมาณ 90% จะมีรอยแตกลายในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์

3. การเจริญเติบโตในวัยรุ่น

ในช่วงวัยรุ่น ร่างกายจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการขยายตัวของกล้ามเนื้อและการเพิ่มน้ำหนักตัว ทำให้ผิวหนังต้องยืดออกเพื่อรองรับการเจริญเติบโตนี้ จึงทำให้เกิดรอยแตกลายได้

4. การใช้ยาหรือฮอร์โมนบางชนิด

การใช้ยาหรือฮอร์โมนบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ สามารถส่งผลให้ผิวหนังบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดรอยแตกลายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยาที่มีผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ยาคุมกำเนิด ก็สามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยแตกลายได้


วิธีลดรอยแตกลาย

วิธีลดรอยแตกลาย

1. การใช้ครีมและโลชั่นที่มีส่วนผสมของวิตามิน A, E, และ C

  • วิตามิน A: ช่วยในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ลดรอยแตกลายและรอยเหี่ยวย่น ผลิตภัณฑ์ที่นิยมได้แก่ เรตินอลครีม
  • วิตามิน E: มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เป็นครีมสำหรับคนอ้วนและผิวที่มีปัญหาแห้ง เพราะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดรอยแดงและรอยแตกลาย ผลิตภัณฑ์ที่นิยมได้แก่ โลชั่นที่มีวิตามิน E สูง
  • วิตามิน C: ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดรอยหมองคล้ำและเพิ่มความกระจ่างใสของผิว ผลิตภัณฑ์ที่นิยมได้แก่ เซรั่มวิตามิน C

2. การทำทรีตเมนต์เลเซอร์

  • ขั้นตอนและประสิทธิภาพของการรักษา: ทรีตเมนต์เลเซอร์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้รอยแตกลายลดเลือนและผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  • การดูแลหลังการทำเลเซอร์: หลีกเลี่ยงการโดนแดด ใช้ครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดที่มี SPF สูง และงดการใช้น้ำร้อนหรือสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง

3. การใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์

  • ประโยชน์และวิธีการใช้: น้ำมันธรรมชาติเหล่านี้ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง ลดผิวอักเสบ เพียงแค่นวดน้ำมันลงบนผิวบริเวณที่มีรอยแตกลายเป็นประจำทุกวัน

4. การใช้น้ำมันหอมระเหยที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

  • ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยบางชนิด: น้ำมันหอมระเหย เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันโรสฮิป มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดรอยแตกลาย เพียงแค่ผสมน้ำมันหอมระเหยกับน้ำมันพืชพื้นฐานแล้วนวดลงบนผิว

5. การใช้กรดไกลโคลิกหรือกรดผลไม้ (AHA)

  • วิธีการใช้และผลลัพธ์ที่คาดหวัง: กรดไกลโคลิกช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและรอยแตกลายลดเลือน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นเหมาะสมและไม่ระคายเคืองผิว

6. การนวดผิวเพื่อลดรอยแตกลาย

  • เทคนิคการนวดและอุปกรณ์ที่ช่วยในการนวด: การนวดผิวช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สามารถใช้อุปกรณ์นวดหรือใช้มือในการนวดเบา ๆ บนผิวบริเวณที่มีรอยแตกลาย ควรทำเป็นประจำทุกวันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

เทคนิคกระชับผิวสวย

เทคนิคกระชับผิวสวย

1. การออกกำลังกายที่เน้นการกระชับผิว: การยกน้ำหนักช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและทำให้ผิวหนังดูกระชับขึ้น ในขณะที่การทำโยคะช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและผิวหนัง รวมถึงช่วยลดความเครียดที่อาจส่งผลให้ผิวดูเหนื่อยล้า การออกกำลังกายประเภทนี้ควรทำเป็นประจำอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

2. การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน: น้ำเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันจะช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายและเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้ดี ควรพกขวดน้ำติดตัวตลอดเวลาและดื่มน้ำเป็นประจำทุกๆ 1-2 ชั่วโมง

3. การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ: สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ ผลไม้เบอร์รี่ ชาเขียว ผักใบเขียวเข้ม ถั่ว และธัญพืช การรับประทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและกระจ่างใส

4. การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ: การนอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิว การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถทำให้ผิวดูหมองคล้ำและเกิดรอยเหี่ยวย่นได้ ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ เทคนิคการนอนหลับให้ดีขึ้นรวมถึงการสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน และรักษาตารางการนอนหลับให้เป็นประจำ


วิธีลดรอยแตกลาย และการกระชับผิวสวยไม่ใช่เรื่องยาก หากเราใส่ใจและดูแลผิวพรรณอย่างต่อเนื่อง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนอย่างเพียงพอล้วนเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผิวของเรากลับมาสวยงามและเรียบเนียนได้อีกครั้ง อย่าลืมว่าการดูแลผิวพรรณต้องใช้เวลาและความอดทน ผลลัพธ์อาจไม่เกิดขึ้นทันที แต่หากเรายังคงดูแลและปฏิบัติตามเทคนิคที่แนะนำอย่างสม่ำเสมอ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในไม่ช้า


คำถามที่พบบ่อย

1. รอยแตกลายสามารถหายขาดได้หรือไม่?

รอยแตกลายไม่สามารถหายขาดได้ทั้งหมด แต่สามารถลดเลือนลงได้อย่างมากด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของวิตามิน A, E, และ C รวมถึงการทำทรีตเมนต์เลเซอร์และการนวดผิวอย่างสม่ำเสมอ

2. วิธีการออกกำลังกายแบบไหนที่ช่วยกระชับผิวได้ดีที่สุด?

การออกกำลังกายที่ช่วยกระชับผิวได้ดีที่สุดคือการยกน้ำหนักและการทำโยคะ เนื่องจากช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับมากขึ้น

3. การใช้น้ำมันธรรมชาติเพื่อลดรอยแตกลายมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่?

น้ำมันธรรมชาติเช่น น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันอัลมอนด์มีประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้นและช่วยลดเลือนรอยแตกลายได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และควรใช้ควบคู่กับการดูแลผิวอื่น ๆ

4. ผลิตภัณฑ์ประเภทไหนที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อมีรอยแตกลาย?

ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรง เช่น สารฟอกขาวและสารสเตียรอยด์ เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคืองและทำให้รอยแตกลายแย่ลง แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและวิตามินเพื่อการบำรุงผิวที่ปลอดภัย


อ้างอิง

ครีมสำหรับคนอ้วน เคล็ดลับการเลือกครีมบำรุงอย่างไรให้ตอบโจทย์

สำหรับคนอ้วนมักประสบปัญหาผิวที่แตกต่างจากคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งแตกง่าย รอยดำจากการเสียดสี สิวอุดตัน หรือผิวมันและรูขุมขนกว้าง การเลือกครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีและตอบโจทย์ปัญหาผิวที่เกิดขึ้น บทความนี้จะนำเสนอเคล็ดลับการเลือก ครีมสำหรับคนอ้วน พร้อมทั้งแนะนำสารสำคัญที่ควรมีในครีม และวิธีการใช้ครีมบำรุงผิวให้ได้ผล เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการดูแลผิวของตนเองได้อย่างเต็มที่


การดูแลผิวในคนอ้วนถึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

การดูแลผิวในคนอ้วนถึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

การดูแลผิวในคนอ้วนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากคนอ้วนมักประสบกับปัญหาผิวที่แตกต่างจากคนทั่วไป หากไม่ใส่ใจในการดูแลผิวอาจทำให้ปัญหาผิวลุกลามและเกิดผลกระทบต่อสุขภาพและความมั่นใจในตนเอง การเลือกครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมและการดูแลผิวอย่างถูกวิธีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนอ้วน

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนอ้วนมีหลายประเภท ซึ่งบางครั้งอาจเกิดจากการที่ผิวหนังต้องรับน้ำหนักมากขึ้นหรือการที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหาร การดูแลสุขภาพ และลักษณะการใช้ชีวิตทั่วไป มาดูกันว่ามีปัญหาผิวคนอ้วนประเภทใดบ้างที่พบบ่อย

  1. ผื่นผิวหนัง (Intertrigo) ผื่นผิวหนังเป็นอาการที่เกิดขึ้นในบริเวณที่ผิวหนังสัมผัสและเสียดสีกัน เช่น ใต้ราวนม รักแร้ ขาหนีบ หรือบริเวณข้อพับต่างๆ อาการนี้มักเกิดจากความชื้นและเหงื่อที่สะสม ทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บ แสบ หรือคัน
  2. เซลลูไลท์ (Cellulite) เซลลูไลท์คือการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีลักษณะขรุขระเหมือนผิวส้ม พบได้บ่อยในบริเวณต้นขา สะโพก และก้น ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกิน
  3. รอยแตกลาย (Striae) รอยแตกลายเป็นรอยย่นหรือรอยแยกที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ในกรณีที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รอยแตกลายอาจมีสีแดงหรือม่วงในช่วงแรก และเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 50-90% ของคนอ้วนจะพบรอยแตกลายในบางบริเวณของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณท้อง แขน และต้นขา
  4. การติดเชื้อราที่ผิวหนัง (Fungal Infections) คนอ้วนมีโอกาสที่จะติดเชื้อราที่ผิวหนังได้มากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากความชื้นและเหงื่อที่สะสมในบริเวณที่มีการเสียดสีของผิวหนัง เช่น ที่รักแร้ ขาหนีบ หรือใต้ราวนม ทำให้เชื้อราเติบโตได้ง่ายส่งผลให้ผิวอักเสบ
  5. ความผิดปกติของฮอร์โมน (Hormonal Imbalances) ความอ้วนสามารถส่งผลให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนอินซูลินหรือฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวหรือผิวมันได้

การดูแลผิวสำหรับคนอ้วนนั้น ควรให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาด ลดความชื้นในบริเวณที่มีการเสียดสี ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว และหมั่นตรวจสอบสภาพผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาผิวที่อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจและส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว


การเลือก ครีมสำหรับคนอ้วน

การเลือก ครีมสำหรับคนอ้วน

เลือกครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ

การเลือกครีมบำรุงที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนอ้วน เนื่องจากผิวของคนอ้วนมักมีความไวต่อสารเคมีต่าง ๆ ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Vera), สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) หรือสารสกัดจากพืชต่าง ๆ มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ ช่วยปรับสภาพผิวให้สม่ำเสมอและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ สารสกัดจากธรรมชาติมักมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดและมลภาวะ

เลือกครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นสูง

ผิวแห้งและแตกง่ายเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนอ้วน วิธีลดรอยแตกลายและแห้งคือการเลือกครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็น สารให้ความชุ่มชื้นที่ควรมองหาในครีมบำรุงผิว ได้แก่ ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการดึงน้ำเข้าผิวและช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนาน นอกจากนี้ กลีเซอรีน (Glycerin) และเชียบัตเตอร์ (Shea Butter) ก็เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีเช่นกัน ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและลดปัญหาผิวแห้งแตก

เลือกครีมที่มีส่วนผสมลดการอักเสบ

การอักเสบและรอยดำเป็นปัญหาที่คนอ้วนมักเผชิญ การเลือกครีมที่มีส่วนผสมลดการอักเสบ เช่น ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ที่ช่วยลดการอักเสบและปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ นอกจากนี้ สารสกัดจากชะเอม (Licorice Extract) ก็เป็นส่วนผสมที่ดีในการลดรอยดำและช่วยให้ผิวดูสดใสยิ่งขึ้น

เลือกครีมที่เหมาะกับสภาพผิวเฉพาะ

นอกจากการเลือกครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและให้ความชุ่มชื้นสูงแล้ว ควรเลือกครีมที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ครีมที่เหมาะสมจะช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับสภาพผิว


สารสำคัญที่ควรมองหาในครีมบำรุงผิว

สารสำคัญที่ควรมองหาในครีมบำรุงผิว

ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid)

ไฮยาลูรอนิคแอซิดเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการดึงน้ำเข้าผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม มีความสามารถในการกักเก็บน้ำถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง ซึ่งช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนาน ลดการเกิดริ้วรอยและรอยแตกที่มักพบในคนอ้วน การเลือกครีมที่มีไฮยาลูรอนิคแอซิดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผิวแห้งและผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง

ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide)

ไนอะซินาไมด์เป็นวิตามินบี3 ที่มีประโยชน์หลากหลายสำหรับผิว โดยเฉพาะการลดการอักเสบและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ไนอะซินาไมด์ยังช่วยลดการผลิตน้ำมันผิว ทำให้ผิวมันน้อยลงและลดปัญหาการเกิดสิว การเลือกครีมที่มีไนอะซินาไมด์เป็นส่วนผสมจึงช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ลดการระคายเคือง และกระชับรูขุมขน

สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Extract)

สารสกัดจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการสมานแผลและลดการระคายเคือง ทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย การเลือกครีมที่มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ลดการอักเสบและรอยแดงที่เกิดจากการเสียดสีของผิวหนัง

สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract)

สารสกัดจากชาเขียวเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดและมลภาวะ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและการระคายเคืองของผิว การเลือกครีมที่มีสารสกัดจากชาเขียวจะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ลดรอยแดงและรอยดำจากสิว และทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น


เคล็ดลับการใช้ครีมบำรุงผิวให้ได้ผล

เคล็ดลับการใช้ครีมบำรุงผิวให้ได้ผล

การทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี

การทำความสะอาดผิวเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการดูแลผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า ทำให้ครีมบำรุงสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ควรล้างหน้าเบา ๆ ด้วยน้ำอุ่น และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง หลังจากนั้นให้ซับหน้าเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง

การทาครีมในเวลาที่เหมาะสม

การทาครีมบำรุงผิวในเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้ครีมทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทาครีมคือหลังอาบน้ำหรือหลังล้างหน้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผิวสะอาดและรูขุมขนเปิด ทำให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ควรทาครีมในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป และทาในลักษณะการนวดเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้ครีมซึมลึกลงไปในชั้นผิว

การใช้ครีมร่วมกับการดูแลสุขภาพอื่น ๆ

การใช้ครีมบำรุงผิวควรทำควบคู่กับการดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักและผลไม้ที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและส่งเสริมสุขภาพผิว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากสามารถทำลายสุขภาพผิวและทำให้ผิวดูแก่เร็วขึ้น


การเลือก ครีมสำหรับคนอ้วน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่หากเราเข้าใจปัญหาผิวที่เผชิญและรู้จักวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การดูแลผิวก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือการมองหาสารสำคัญที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการอักเสบ การดูแลผิวด้วยความใส่ใจและการใช้ครีมที่ถูกต้องจะช่วยให้ผิวของเรามีสุขภาพดีขึ้น ทั้งนี้ การทาครีมควรทำร่วมกับการดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การดื่มน้ำเพียงพอและการออกกำลังกาย เพื่อให้ผิวของเรามีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก การมีผิวที่ดีไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป หากเราใส่ใจและดูแลอย่างเหมาะสม


คำถามที่พบบ่อย

1. คนอ้วนควรเลือกครีมบำรุงผิวประเภทใด?

คนอ้วนควรเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ มีสารให้ความชุ่มชื้นสูง และมีส่วนผสมลดการอักเสบ เช่น ไฮยาลูรอนิคแอซิด ไนอะซินาไมด์ และสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ซึ่งจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และลดปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำหนักตัวที่มากขึ้น

2. มีเคล็ดลับการใช้ครีมบำรุงผิวอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?

ควรทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธีก่อนทาครีม และทาครีมในเวลาที่เหมาะสม เช่น หลังอาบน้ำหรือก่อนนอน เพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดีที่สุด การใช้ครีมร่วมกับการดูแลสุขภาพอื่น ๆ เช่น ดื่มน้ำเพียงพอ และการออกกำลังกาย จะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย

3. คนอ้วนสามารถใช้ครีมบำรุงผิวที่ใช้กันทั่วไปได้หรือไม่?

คนอ้วนสามารถใช้ครีมบำรุงผิวที่ใช้กันทั่วไปได้ แต่ควรเลือกครีมที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับปัญหาผิวที่พบ เช่น ครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นสูง และมีส่วนผสมลดการอักเสบ เพื่อช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แตกง่าย และการอักเสบที่เกิดจากการเสียดสี

4. สารสำคัญในครีมบำรุงผิวที่ควรมองหาคืออะไร?

สารสำคัญที่ควรมองหาในครีมบำรุงผิวสำหรับคนอ้วน ได้แก่ ไฮยาลูรอนิคแอซิด ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไนอะซินาไมด์ ที่ช่วยลดการอักเสบ และสารสกัดจากว่านหางจระเข้และชาเขียว ที่ช่วยลดการระคายเคืองและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว


อ้างอิง

ปัญหาผิวคนอ้วน แนะนำวิธีป้องกันและแก้ไข

การดูแลผิวพรรณเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักเกินหรือคนอ้วนที่มักประสบปัญหาผิวหนังต่าง ๆ มากกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติ ปัญหาผิวเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเอง แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตอีกด้วย โดยหลาย ๆ คนพยายามหาวิธอิธีที่ได้ผลไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการกินอาหาร การเลือกทานอาหารเสริมลดหนักจากแบรนด์ดังเช่นในบทความ https://yamyam.in.th/ยาลดน้ำหนักตัวไหนดี/ หรือการออกกำลังกาย แต่นอกจากการดูแลสุขภาพกายแล้ว สุขภาพผิวก็มีความสำคัญไปแพ้กัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนอ้วน สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และวิธีป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพผิวของตนเองได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ


ทำไมคนอ้วนมักมีโอกาสเกิดปัญหาผิวได้มากกว่า

ทำไมคนอ้วนมักมีโอกาสเกิดปัญหาผิวได้มากกว่า

1. การเสียดสีของผิวหนัง

การเสียดสีระหว่างผิวหนังในบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น ใต้ราวนม รักแร้ ระหว่างขา หรือบริเวณท้อง สามารถทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองและผื่นผิวหนัง (Intertrigo) ได้ง่าย ซึ่งส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราและแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น

2. การสะสมของความชื้น

คนอ้วนมักมีเหงื่อออกมากกว่าเนื่องจากมีพื้นที่ผิวหนังที่ใหญ่ขึ้น การสะสมของเหงื่อและความชื้นในบริเวณที่มีผิวหนังพับหรือเสียดสีกัน ทำให้เกิดการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดผื่นผิวหนังและการติดเชื้อ มีการรายงานว่ากว่า 60% ของผู้ที่มีน้ำหนักเกินประสบปัญหานี้

3. การเกิดผิวแตกลาย

การขยายตัวของผิวหนังเนื่องจากน้ำหนักเกินทำให้ผิวหนังต้องยืดออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดรอยแตกลาย (Stretch Marks) โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการสะสมของไขมันมาก เช่น หน้าท้อง สะโพก และต้นขา

4. ปัญหาผิวแห้งและคัน

การขยายตัวของผิวหนังทำให้โครงสร้างของผิวหนังถูกยืดและบางลง ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นและกลายเป็นผิวแห้งและคันได้ นอกจากนี้ การดูแลผิวไม่ถูกวิธีก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งและคันในคนอ้วน

5. ปัญหาผิวหนังจากการสะสมของสารเคมี

การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเคมีที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองและปัญหาผิวอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะในคนอ้วนที่มีผิวหนังบอบบางและเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้


ปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนอ้วน

ปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนอ้วน

2.1 ผื่นผิวหนัง (Intertrigo)

ผื่นผิวหนัง (Intertrigo) เป็นปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนอ้วน โดยเกิดจากการเสียดสีระหว่างผิวหนังในบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น ใต้ราวนม รักแร้ ระหว่างขา และบริเวณท้อง การเสียดสีนี้ทำให้เกิดความร้อนและความชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดผิวอักเสบและผื่นคันบนผิวหนัง นอกจากนี้ คนอ้วนที่มีผิวหนังพับกันมาก ๆ ยังเสี่ยงต่อการเกิดผื่นผิวหนังมากขึ้น

2.2 ผิวแห้งและคัน (Dry and Itchy Skin)

ผิวแห้งและคันเกิดการขยายตัวของผิวหนังทำให้โครงสร้างของผิวถูกยืดและบางลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและกลายเป็นผิวแห้ง นอกจากนี้ การดูแลผิวไม่ถูกวิธีก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งและคันได้ ปัญหาผิวแห้งและคันนี้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกไม่สบายและไม่มั่นใจในตัวเอง

2.3 ปัญหาผิวแตกลาย (Stretch Marks)

ผิวแตกลาย (Stretch Marks) เกิดจากการขยายตัวของผิวหนังอย่างรวดเร็ว เช่น ในกรณีของการเพิ่มน้ำหนักหรือตั้งครรภ์ เมื่อผิวหนังยืดออกอย่างรวดเร็ว โครงสร้างของผิวหนังจะถูกทำลาย ทำให้เกิดรอยแตกลายที่มีสีแดงหรือม่วงในช่วงแรก ๆ และจะค่อย ๆ จางลงเป็นสีขาวหรือเงินเมื่อเวลาผ่านไป วิธีลดรอยแตกลายคือการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง และการใช้ครีมหรือออยล์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอีหรือเรตินอยด์ เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และปรับสีผิวให้เรียบเนียนขึ้น

2.4 การเกิดเชื้อราและแบคทีเรียบนผิว (Fungal and Bacterial Infections)

การติดเชื้อราและแบคทีเรียบนผิวหนังเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนอ้วน เนื่องจากการสะสมของความชื้นและเหงื่อในบริเวณที่มีผิวหนังพับกัน เช่น ใต้ราวนม รักแร้ และระหว่างขา ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย สาเหตุของการติดเชื้อเหล่านี้มักเกิดจากการดูแลผิวไม่ถูกวิธี การรักษาความสะอาดและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น แป้งฝุ่นหรือครีมที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา สามารถช่วยป้องกันและรักษาการติดเชื้อได้


วิธีป้องกันปัญหาผิวในคนอ้วน

วิธีป้องกันปัญหาผิวในคนอ้วน

3.1 การรักษาความสะอาดของผิวหนัง

ขั้นตอนการดูแลผิวให้สะอาด

  1. อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดเหงื่อและสิ่งสกปรกที่สะสมบนผิวหนัง
  2. ใช้สบู่หรือเจลอาบน้ำที่มีสารทำความสะอาดอ่อนโยนและปราศจากสารเคมีที่ทำให้ผิวระคายเคือง
  3. หลังอาบน้ำควรเช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีผิวหนังพับหรือเสียดสีกัน เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย

ผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้

  1. สบู่หรือเจลอาบน้ำที่มีสารทำความสะอาดอ่อนโยน
  2. แป้งฝุ่นหรือผงซับเหงื่อที่ช่วยรักษาความแห้งและลดความชื้นในบริเวณที่มีการเสียดสี
  3. ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น ครีมหรือแป้งที่มีส่วนผสมของ Clotrimazole หรือ Miconazole

3.2 การดูแลผิวให้ชุ่มชื้น

แนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม

  1. โลชั่นหรือครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นหรือครีมสำหรับคนอ้วน เช่น เชียบัตเตอร์ หรืออโลเวร่า
  2. ออยล์บำรุงผิวที่มีวิตามินอีหรืออาร์แกนออยล์

วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างถูกต้อง

  1. ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำ ขณะที่ผิวยังชื้นอยู่ เพื่อช่วยล็อคความชุ่มชื้นในผิว
  2. ทาครีมหรือออยล์ในปริมาณที่พอเหมาะ และนวดเบา ๆ จนผลิตภัณฑ์ซึมซาบเข้าสู่ผิว
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผิวแห้ง

3.3 การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย

อาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว

  1. รับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อผิว เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสังกะสี
  2. เพิ่มปริมาณการบริโภคผักและผลไม้สด เพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิว
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพผิวที่ดี

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ
  2. การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และขับเหงื่อ ซึ่งช่วยให้ผิวดูสดใสและสุขภาพดี
  3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในสภาพอากาศร้อนจัด เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้นจากผิว

3.4 การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด

ความสำคัญของการป้องกันแสงแดด

  1. แสงแดดมีรังสี UV ที่สามารถทำลายเซลล์ผิว ทำให้เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย
  2. การป้องกันแสงแดดช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง

ผลิตภัณฑ์กันแดดที่เหมาะสมกับคนอ้วน

  1. ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB
  2. เลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่อุดตันรูขุมขน
  3. ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดด และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง

วิธีการแก้ไขปัญหาผิวในคนอ้วน

วิธีการแก้ไขปัญหาผิวในคนอ้วน

4.1 การรักษาผื่นผิวหนัง

วิธีการรักษาผื่นผิวหนังที่ได้ผล

  1. รักษาความสะอาดและความแห้งของบริเวณที่เกิดผื่น
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น สบู่ที่มีสารเคมีรุนแรง
  3. ใช้ผ้าซับเหงื่อหรือแป้งฝุ่นเพื่อช่วยลดความชื้นและการเสียดสีในบริเวณที่เกิดผื่น

ผลิตภัณฑ์และยาที่ควรใช้

  1. ครีมที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น Clotrimazole หรือ Miconazole
  2. ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ในกรณีที่ผื่นมีการอักเสบและคันมาก
  3. ยาปฏิชีวนะในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย (ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์)

4.2 การบำรุงผิวแห้งและคัน

การใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะสม

  1. ใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น เช่น เชียบัตเตอร์ หรืออโลเวร่า
  2. ทาครีมหรือโลชั่นหลังอาบน้ำทันทีขณะที่ผิวยังชื้น เพื่อช่วยล็อคความชุ่มชื้นในผิว

วิธีการใช้สมุนไพรและวิธีธรรมชาติในการบำรุงผิว

  1. ใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันอาร์แกนในการนวดผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  2. ใช้เจลอโลเวร่าที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวและลดการระคายเคือง
  3. อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นที่ผสมด้วยข้าวโอ๊ตเพื่อช่วยลดอาการคันและบำรุงผิว

4.3 การรักษาผิวแตกลาย

วิธีการรักษาผิวแตกลายที่มีประสิทธิภาพ

  1. นวดผิวด้วยออยล์ที่มีวิตามินอี หรือครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  2. ใช้เลเซอร์หรือการทำทรีทเมนต์ในคลินิกความงามเพื่อช่วยลดรอยแตกลาย

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยแตกลาย

  1. ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอีหรือคอลลาเจน
  2. ออยล์บำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้กับผิว

4.4 การรักษาการติดเชื้อบนผิวหนัง

ยาและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาการติดเชื้อ

  1. ยาปฏิชีวนะสำหรับการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Amoxicillin หรือ Clindamycin (ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์)
  2. ยาต้านเชื้อราสำหรับการติดเชื้อรา เช่น Fluconazole หรือ Terbinafine
  3. ครีมหรือยาทาที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อราและแบคทีเรีย

การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  1. รักษาความสะอาดของผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง
  3. ใช้ผ้าซับเหงื่อหรือแป้งฝุ่นเพื่อรักษาความแห้งของบริเวณที่มีการเสียดสีและพับกัน
  4. สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีและไม่คับเกินไป

การดูแลสุขภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักเกินหรือคนอ้วนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวหนังต่าง ๆ มากกว่าคนทั่วไป การรู้จักและเข้าใจปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนอ้วนจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาความสะอาดของผิวหนัง การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้ผิวของเรามีสุขภาพดีและแข็งแรงขึ้น


คำถามที่พบบ่อย

1. ทำไมคนอ้วนถึงมีปัญหาผิวมากกว่าคนทั่วไป?

คนอ้วนมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาผิวมากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากการสะสมของไขมันส่วนเกินที่ทำให้ผิวหนังต้องรับน้ำหนักและการเสียดสีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การสะสมของความชื้นและเหงื่อในบริเวณที่มีผิวหนังพับหรือเสียดสีกัน เช่น ใต้ราวนม รักแร้ และระหว่างขา ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผื่นผิวหนังและการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

2. มีวิธีป้องกันผื่นผิวหนังในคนอ้วนได้อย่างไรบ้าง?

การป้องกันผื่นผิวหนังในคนอ้วนสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของผิวหนังในบริเวณที่มีการเสียดสีหรือพับกันให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ ใช้แป้งฝุ่นหรือผ้าซับเหงื่อในบริเวณดังกล่าว และสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง และหากมีอาการผื่นควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

3. วิธีการบำรุงผิวแห้งและคันในคนอ้วนมีอะไรบ้าง?

การบำรุงผิวแห้งและคันในคนอ้วนสามารถทำได้โดยการใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น เช่น เชียบัตเตอร์ หรืออโลเวร่า หลังอาบน้ำควรทาครีมบำรุงผิวทันทีขณะที่ผิวยังชื้นอยู่ เพื่อรักษาความชุ่มชื้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนเกินไปและใช้สบู่ที่มีสารทำความสะอาดที่ไม่รุนแรงต่อผิว

4. สามารถลดรอยแตกลายที่เกิดจากน้ำหนักเกินได้อย่างไร?

การลดรอยแตกลายสามารถทำได้โดยการใช้ครีมหรือออยล์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอีหรือเรตินอยด์ ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และปรับสีผิวให้เรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ การรักษาความชุ่มชื้นของผิวด้วยการทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำ และการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดรอยแตกลายได้


อ้างอิง

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็ง 7 ข้อดี ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็ง 7 ข้อดี ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็ง 7 ข้อดี ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง อากาศมันร้อนจะนั่งจะนอนก็ไม่สบายตัว และที่สำคัญอากาศแบบนี้เป็นผลร้ายผิวหน้าอย่างมาก ผิวองเราสามารถเสื่อมสภาพได้เร็ว

เพราะฉะนั้นวิธีที่ง่าย และประหยัดงบมากที่สุดในการซ่อมผิวเสียจากความร้อน คือการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็งประคบ คุณรู้หรือไม่ว่ามันมีข้อดีมาก ทำง่ายๆ ใครก็ทำได้ และมีผลลัพธ์น่าพอใจอย่างมาก — ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

ข้อดีเด่น ของการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็งประคบ

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

1.ลดอาการอักเสบ

เมื่อผิวของเราเกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเกิดจาแสงแดด มลภาวะ หรือมือที่อยู่ไม่นิ่งชอบ แกะ เกา จนทำให้เกิดการอักเสบของสิว หรือผิวหน้า เราสามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ง่ายๆ นั่นคือล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือการใช้น้ำแข็งประคบ เพราะจะช่วยให้ลดอาการบวม อีกทั้งอาการอักเสบ และระคายเคือง ก็จะเบาลงอย่างรวดเร็ว

การล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

2.เลือดไหลเวียนดี

รู้หรือไม่ว่าการล้างกน้าด้วยน้ำอุ่นบ่อย เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวผด เพราะว่าความร้อนจะไปกระตุ้มต่อมไขมันให้ขับน้ำมันออกมาเยอะกว่าปกติ เพราะฉะนั้นการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือการใช้น้ำแข็งประคบจะให้ผลที่ตรงกันข้าม

นอกจากจะช่วยลดอุณหภูมิของผิวหน้าเพื่อให้ขัยน้ำมันออกมาแล้ว ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น หรือถ้าจะให้ดีก็เอาอ่างสักใบใส่น้ำกับน้ำแข็งให้เต็ม แล้วเอาหน้าลงไปแช่ รับรองว่าชื่นใจแน่นอน เราจะเห็นว่าวิธีนี้ในหนังจะทำกันบ่อย ช่วยให้ผิวกระชับได้เร็วมาก เต่งตึง และสดใสตลอดวัน

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นลดสิว

3.ลดตาบวม

การใช้น้ำแข็งประคบหน้ามีข้อดีช่วยลดอาการปวดรอบดวงตา ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุเช่น นอนดึก ร้องไห้หนัก เป็นต้น เพียงแค่เอาน้ำแข็งมาลูบบริเวณรอบตาที่บวม 10 นาที จะเห็นผลอย่างชัดเจน ตาจะค่อยยุบลงไป

น้ำเย็นล้างหน้า

4.กระชับรูขุมขน

เชื่อหรือไม่ว่าการใช้น้ำแข็งสามารถกระรูขุมขนได้ เพียงแค่นำน้ำแข็งสักก้อนมาห่อด้วยกระดาษทิชชู่ แล้วนำมาคลึงหน้าเบาๆ เพียงเท่านี้ก็คืนความสดชื่นให้ใบหน้าได้สบายๆ นอกจากจะช่วยกระชับรูขุมขน ยังช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียน และสามารถลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามวัยได้อย่างลงตัว

ใช้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

5.ช่วยให้แต่งหน้าเนียนขึ้น

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าน้ำแข็งสามารถช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว เพราะฉะนั้นก่อนจะแต่งหน้าคุณสามารถเอาน้ำแข็งมาลูบหน้าก่อน แล้วเช็ดให้แห้ง จากนั้นค่อยแต่งหน้า เครื่องสำอางอยู่ทนนานมากขึ้น และยังช่วยให้การแต่งหน้าง่ายขึ้นอีกด้วย

สูตรล้างหน้าน้ำเย็น

6.ผสมสูตรลับกับแตงกวา

เพียงแค่ใช้ของบ้านๆ อย่าง น้ำแตงกวา น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว ผสมกันให้เข้าที่จากนั้นนำไปหยดลงบนพิมพ์น้ำแข็ง นำไปแช่จนกลายเป็นน้ำแข็ง ทีนี้คุณก็จะมีน้ำแข็งสูตรพิเศษกว่าใคร ที่นำมาถูวนๆ รอยใบหน้าเพื่อช่วยให้เนียนใสในราคาประหยัด แต่คุณภาพคับจอ

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นลดหน้าไหม้

7.บรรเทาผิวไหม้แดด

อีกหนึ่งวิธีการเสกน้ำแข็งสูตรพิเศษ ที่เอาไว้ช่วยให้ใบหน้าเรียบเนียนใส วิธีเดียวกันกับข้างบนนั่นแหละ แค่เอาเจลว่านหางจระเข้มาผสมน้ำสักหน่อย แล้วนำไปแช่ให้กลายเป็นน้ำแข็ง

จากนั้นก็นำมาถูๆ ได้ตามต้องการ เพราะสรรพคุณของว่านหางจระเข้ช่วยเรื่องผิวหน้าไหม้แดดได้เป็นอย่างดี และยังถนอมผิวได้ครอบจักนวาล

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. https://women.kapook.com/view144957.html

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ สิวหายจริงไหม ไขข้อข้องใจ

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ สิวหายจริงไหม ไขข้อข้องใจ

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ สิวหายจริงไหม ไขข้อข้องใจ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันเนื่องจากมีหลายคนถามกันเข้ามาเยอะมาก เพราะว่าเห็นเพื่อนสาวหลายคนที่นิยมใช้น้ำเกลือล้างหน้า เพราะเชื่อว่าสามารถรักษาสิวได้ แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร รักษาสิวได้จริงไหม ในนี้มีคำตอบ

อย่างแรกให้มาดูที่น้ำเกลือกันนะ เพราะว่าน้ำเกลือที่เรากำลังจะพูดถึงงไม่ใช่น้ำเกลือทั่วไปที่เรารู้จัก แต่คือน้ำเกลือ นอร์มอล ซาลิน โซลูชั่น หรือที่เรียกกันว่า ไอโซโทนิค โซเดียมคลอไรด์ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว มีความเข้มข้น 0.9% คือมีเกลือเพียง 0.9 % เท่านั้น — ล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ

ล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ

น้ำเกลือ นอร์มอล ซาลิน โซลูชั่น ทำอะไรได้ ?

อย่างที่หลายคนรู้น้ำเกลือประเภทนี้นิยมใช้ล้างแผล หรือเอาไว้ล้าง คอนแทคเลนส์ เพราะว่าบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรคต่างๆ และมีความหนาแน่นใกล้เคียงกับของเหลวที่อยู่ในร่างกายของเรา จึงไม่เกิดการต่อต้าน ด้วยความสะอาดกว่าน้ำทั่วไป เราสามารถนำมาล้างหน้าได้ และแน่นอนว่าจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งสิ้น

น้ำเกลือล้างหน้า

แล้วมันใช้รักษาสิวได้จริงหรือ?

น้ำเกลือ นอร์มอล ซาลิน โซลูชั่น ที่เห็นสาวๆ นิยมใช้กันนั้น มันสามารถช่วยลดอาการติดเชื้อได้ แต่ก็ไม่มีสามารถฆ่าเชื้อต่างๆ ได้ อย่างที่เรารู้สึกตอนที่ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ เราจะไม่แสบ เพราะฉะนั้นแล้วแน่นอนว่ามันไม่สามารถรักษาสิวได้ในทางตรง

แต่ว่าในทางอ้อมนั้นสามารถนำมาทำความสะอาดใบหน้าได้ดี โดยเฉพาะคนที่แพ้น้ำประปา ทำให้ผิวหน้าลดการระคายเคือง สะอาด ลดการติดเชื้อ และสมานแผลได้เร็วกว่าปกติ ก็ถือว่ามีข้อดีสำหรับคนที่เป็นสิวถึงจะไม่ใช่ทางตรงก็เถอะ

การล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ

ข้อแนะนำ การใช้นำเกลือน้ำเกลือล้างหน้านั้นสามารถทำเองได้ แต่ว่าเมื่อเปิดใช้งานแล้ว ควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน ถ้าเกิน 1 เดือนไปแล้วให้ทิ้งได้เลย เพราะว่าในน้ำเกลือนั้นอาจมีเชื้อโรคเข้าไปอยู่

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. https://www.sanook.com/health/2299/

วิธีลดเหนียงใต้คาง 10 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว

วิธีลดเหนียงใต้คาง 10 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว

วิธีลดเหนียงใต้คาง 10 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว เราไม่ได้อ้วนเลยนะ แต่ทำไม่เราต้องมีเหนียงใต้คางด้วย T-T ถ่ายรูปทีไรอยากจะร้องไห้ มันกลมไปทั้งหน้าเลย ทำยังไงดี Help me pleasa !!!
เหนียงใต้คาง สาเหตุการเกิดจาก…

ไขมันตัวร้ายที่เริ่มสะสมกันมากขึ้นเมื่อเราอายุได้ 30 มันจะอยู่ที่บริเวณใต้คางทำให้เราคางของเรา คล้ายคางหมู ยิ่งเราปล่อยตัวเรื่องการกิน แลไม่ออกกำลังมากเท่าไหร่คางหมูจะยิ่งได้ใจ สะสมไขมันจนทำให้กลายเป็นเหนียง 3 ชั้น เราเลยต้องเรียนรู้วิธีแก้ไข — วิธีลดเหนียงใต้คาง

วิธีลดเหนียงใต้คาง 25 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว

ออกกำลังกายลดเหนียง

1.ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายได้ผลดีกับร่างกายทุกสัดส่วน สลายไขมันส่วนเกิน ลดเหนียงได้คางอย่างได้ผลแบบธรรมชาติ เพิ่มความกระชับเต่งตึง ลดน้ำหนักตัว แต่ว่าใครที่ออกกำลังกายแล้วเหนียงใต้คางไม่หาย

ขอแนะนำให้ออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่นอยากได้ต้นขาก็ไปวิ่ง อยากได้กล้ามท้องก็ซิทอัพ และใครอยากลดเหนียงใต้คางก็ บริหารบริเวณคอ เช่น เคี้ยวหมากฝรั่ง แต่หลายคนไม่ค่อยชอบทำเพราะว่าเสียบุคลิก และทำมากกรามจะใหญ่ 555

ไข่ขาวลดเหนียง

2.ไข่ขาวช่วยได้

ไข่ขาวช่วยได้ ใช้เฉพาะไข่ขาวอย่างเดียว นำมาทาบริเวณใต้คาง นวดๆ วนไปถึงกกหู แล้วดันคางค้างไว้ประมาณ 15 นาที อาจจะเมื่อยสักหน่อย จากนั้นล้างออก ให้ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

โบทอกซ์ลดเหนียง

3.โบทอกซ์

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความนิยมของการลดเหนียงใต้คาง เพราะว่าได้ผลเร็วมาก โดยใช้วิธีเดียวกันกับฉีดโบทอกซ์ลิฟต์หน้า แต่เฉพาะสำหรับคนที่มีเหนียงไม่มากนัก การฉีดโบทอกซ์สลายไขมันใต้คาง คือการลดเซลลูไลต์ส่วนเกินเฉพาะที่ ตัวยาจะเข้าไปสลายไขมัน ต้องทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำ 2-3 ถึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน

ร้อยไหมลดเหนียง

4.ร้อยไหมลดเหนียง

อีกวิธีหนึ่งของการศัลยกรรมที่ได้ผลไว เห็นผลชัดเจน นั่นคือการ ร้อยไหมลดเหนียงใต้คางโดยการใช้เข็มที่มีเส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง เก็บคาง กระชับร่องแก้ม ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมาก ไม่มีผลข้างเคียง ไหมจะละลายไปเอง ช่วยดึงผิวขึ้นตามแนว

ดูดไขมันใต้คาง

5.ดูดไขมันใต้คาง

การดูดสลายไขมัน เพื่อให้ไขมันเกิดการแตกตัวจึงสามารถดูดออกมาได้โดยง่าย ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อ เห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัดเจน อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงสักหน่อย ประมาณ 3 หมื่นบาท ต่อครั้ง

เทอร์มาจลดเหนียง

6.เทอร์มาจ

เทอร์มาจ คือหลักการสลายไขมันใต้คางโดยใช้ คลื่นวิทยุ (RF) เพื่อให้ผิวหนังหดตัว กระชับ โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดให้ตกยางออก ไม่มีแผลเป็น และที่สำคัญทำครั้งเดียวเห็นผลได้เลย เลยเป็นที่นิยมอย่างมาก

แต่เมื่อเป็นวิธีที่ดีงามขนาดนี้ ราคามันก็เลยสูงตาม เพราะว่าค่าใช้จ่ายต่อ 1 ครั้งสูงถึง 5 หมื่นบาท เป็นอย่างน้อย อยากดูดีก็ต้องลงทุนกันหน่อย

ท่าบริหารลดเหนียง

7.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 1

ตั้งศีรษะให้ตรง จากนั้นเงยหน้าจนสุด จะรู้สึกว่าบริเวณลำคอจะมีความตรง แล้วนับ 1 – 5 แล้วก็ก้มลงให้ต่ำสุด เกร็งคอไว้แล้วนับ 1 – 15 ทำแบบนี้ทุกวัน 15 – 20 รอบ จะช่วยลดไขมันใต้คางได้ดี

8.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 2

ก้มจนคางชิดลำคอเกร็งไว้ แล้วหันเอาคางไปชิดทางขวา เกร็งไว้ จากนั้นก็เอาคางไปชิดด้านซ้ายเกร็งไว้ ทำแบบนี้เรียกว่า 1 รอบ ทำอย่างน้อย 20 รอบ วันละ 3 ครั้ง

9.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 3

หมุนคอช้า เริ่มจากตั้งหน้าตรง หันขวาช้าๆ กลับมาหน้าตรงแล้วหันซ้ายช้าๆแล้วกลับมาหน้าตรง จากนั้นหมุนคอช้าๆ หมุนวนไปมา ทั้งจากทางซ้าย และขวา ทำแบบนี้วันละ 15 รอบ

10.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 4

ยืนในท่าที่สบายที่สุด เงยหน้าขึ้นจนรู้สึกตึงที่คอ จากนั้นยกริมฝีผากล่างมางับที่ริมฝีปากบน เกร็งค้างไว้ 10 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้นอีกครั้ง ทำแบบนี้วันละ 10-30 ครั้ง แบ่งเป็นเซ็ต เซ็ตละ 3 รอบต่อวัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. https://medthai.com/วิธีลดเหนียงใต้คาง/

โรงงานผลิตเครื่องสำอาง 9 แห่ง สร้างแบรนด์ของตัวเองในราคาประหยัด

โรงงานผลิตเครื่องสำอาง 9 แห่ง สร้างแบรนด์ของตัวเองในราคาประหยัด

โรงงานผลิตเครื่องสำอาง 9 แห่ง สร้างแบรนด์ของตัวเองในราคาประหยัด ธุรกิจการขายสินค้าเครื่องสำอาง และสุขภาพ กลายเป็นสิ่งที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะการขายผ่านทางโซเชียลมีเดีย

วันนี้หลายคนหันมาจับเป็นอาชีพหลัก และหลายคนกำลังมองหาช่องทาง เพื่อจะสร้างสินค้าของตัวเอง วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ 9 โรงงานรับจ้างผลิตเครื่องสำอาง ใครที่อยากมีสินค้าเป็นแบรนด์ของตัวเอง อย่าพลาด !!!

โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง

1 . โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง Cuzzutic Co.,Ltd.

Cuzzutic โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานนัก แต่ว่ามีคนให้ความสนใจเยอะมาก เนื่องจากราคาต้นทุนที่ต่ำ เราสามารถสร้างสินค้าของตัวเองได้ในราคาเบาๆ Cuzzutic รับผลิตเครื่องสำอาง และสิค้าความงามทุกประเภท ด้วยการดีไซน์ที่โดดเด่น เจาะกลุ่มตลาดเป้าหมายได้อย่างตรงจุด สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่

www.cuzzutic.com
โทร 061-636-5479
Line @cuzzutic

ผลิตเครื่องสำอาง เกาหลี

2 . ผลิตเครื่องสำอาง Revomed Co.,Ltd.

Revomed โรงงานรับผลิตเครื่องสำอางอีกนึ่งโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่คุณไม่ต้องทุนมากนัก ผลิตได้ทุกเกรดทั้งเกรดพรีเมี่ยม และระดับที่ต่ำลงไปไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ลิปสติก แป้งพัฟ โฟมล้างหน้า ฯลฯ และเป็นอีกหนึ่งโรงงานที่มีคอนเนคชั่นที่ดีกับโรงงานที่เกาหลี ให้ทำแนะนำทุกอย่างที่เกี่ยวกับสร้างแบรนด์ของตัวเอง

www.revomed.co.th
Line : @revomed
โทร 061-662-4242, 02-101-2790

โรงงานเครื่องสำอาง

3 . โรงงานเครื่องสำอาง Bioticon Co.,Ltd.

โรงงานเครื่องสำอาง Bioticon ไม่ได้เพียงแค่เป็นผู้ให้บริการผลิตเครื่องสำอางเท่านั้น แต่ว่ารับผลิตสินค้าสุขภาพ และความงามทุกประเภท ตั้งแต่ขนาดเล็ด ไปจนถึงขนาดใหญ่ และมั่นใจได้ว่าวัตถุของคุณจะมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม เนื่องจากมีคอนเนคชั่นกับโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่เกาหลี พร้อมดูแลหลังการขาย ในเรื่องของช่องทางการตลาด และการประชาสัมพันธ์

http://bioticon.com
Line : @bioticon
โทร 064-951-5629 , 091-745-9021

ผลิตเครื่องสำอาง

4 .โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Shalom Cosmetica (Thailand) Co.,Ltd.

Shalom Cosmetica มีทีมนักวิทยาศาสตร์ และนักเคมีที่เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เป็นพิเศษ ได้รับมาตรฐาน GMP , FDA, และ HALAL รับผลิตทั้ง ครีม โลชั่น ทั้งผิวหน้า คิดค้นและพัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นลิปสติก แป้งพัฟ อายไลเนอร์คุณภาพดี ทางบริษัทก็พร้อมพัฒนาเพื่อให้สินค้าของคุณแตกต่าง และสรรหาแต่วัตถุดิบชั้นเลิศ พร้อมจัดหาสถานที่ประชาสัมพัธ์ ออกบูท หรือรันคิวการจัดให้อย่างครบครัน

www.shalom-cosmetica.com
Line : @shalomcosmetica
โทร 090-9939011 , 02-525-9838

ผลิตเครื่องสำอางราคาถูก

5 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Herbal Majestic Co.,Ltd.

Herbal Majestic ปลอดภัย ไว้วางใจได้ 100 % ด้วยมาตรฐานระดับสากล คุณสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าของตัวเองได้ในราคาต่ำ มีโปรโมชั่นผ่อน 0%ดูแลแบบครบวงจร ด้วยผู้เชี่ยวชาญทั้งจากนักเคมี นักเวชสำอาง และทีมงานการตลาดที่คัดมาพิเศษ

www.herbalmajestic.com
โทร 099-232-4295 , 02-047-9265
Line : @herbalmajestic

โรงงานผลิตเครื่องสำอางไทย

6 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Kovic Kate International Thailand

Kovic เด่นเป็นพิเศษในเรื่องการผลิตเครื่องสำอางที่เกี่ยวกับการดูแลผิว และใบหน้า รับผลิตอาหาร คอลลาเจน พร้อมการประชาสัมพันธ์ได้ที่จะช่วยให้คุณเปิดได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังให้บริการจัดทำ อย. ดีไซน์กล่อง ออกบูธอีเว้นท์ การตลาดออนไลน์ ทำให้คุณสามารถกระจายสินค้า และติดตลาดได้อย่างรวดเร็ว

www.kovic.co.th
Line : @kovic
โทร 02 521-7888-9

ทัวร์โรงงานเกาหลี

7 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Pathawin

Pathawin โดเดน่นในเรื่องการผลิตเครื่องสำอางประเภทครีม Facial Care , Body Care ได้การรับรองจากมาตรฐานสากล ISO 9001 : 2008 ASEAN GMP และ ปลอดภัย มีคุณภาพสูง คัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ทั้งหมดนี้คุณจะได้รับในราคาที่ประหยัดมาก

www.pathawin.com
โทร 02 – 593 – 1637

รับผลิตเครื่องสำอางที่ดีที่สุด

8 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Skin Innovations Co.,Ltd.

Skin Innovations Co.,Ltd. รับผลิตเครื่องสำอางตั้งแต่ เท้า จรดปลายเส้นผม ครบทุกประเภท ผิวแขน ผิวขา ผิวกาย เครื่องสำอางกันน้ำ มีมาตรฐานรองรับทั้ง Good Manufacturing Practice และHalal พร้อมช่วยพัฒนาสูตรต่างๆ ของคุณอย่างมืออาชีพ ด้วยราคาต่ำ ออกแบบบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยม เว็บไซต์ การประชาสัมพันธ์ครบทุกช่องทาง

www.skin-innovations.co.th
โทร 094-558-9559
Line : @skininnovations

บริษัทผลิตเครื่องสำอาง

9 . บริษัทผลิตเครื่องสำอาง COSMAPROF

บริษัทผลิตเครื่องสำอาง COSMAPROF อีกหนึ่งโรงงานผิตเครื่องสำอางที่โดดเด่นในเรื่องการผลิตครีมโดยเฉพาะ แต่ว่ายังรับผลิตอาหารเสริม และสินค้าสุขภาพ ความงามในหมวดอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าคุณต้องการสินค้าแบบไหน อยากได้แบรนด์ที่มีลักษณะอย่างไร COSMAPROF สามารถจัดทำให้คุณได้ตามต้องการ รวดเร็ว และมีราคาประหยัดมาก

www.cosmaprof.co.th
โทร 02 – 735 – 3311


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. โรงงานผลิตครีม แนะนำ 10 โรงงานที่ดีที่สุด พร้อมสร้างแบรนด์ครีมให้ปัง. https://brannova.com/โรงงานผลิตครีม/

7 แบรนด์ แปรงแต่งหน้า ยอดนิยม แปรงแต่งหน้าถูกและดี

แบรนด์ แปรงแต่งหน้า ยอดนิยม ถูกและดีมีอยู่จริง!

แปรงแต่งหน้า 7 แบรนด์ ยอดนิยม ถูกและดี มีอยู่จริง! แปรงแต่งหน้าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ใบหน้าของเราดูสวยงามยิ่งขึ้น แต่ใครที่กำลังใช้แปรงเก่าๆ ขนแข็งๆ อยู่ละก็ให้รีบเปลี่ยนซะโดยเร็ว เพราะนอกจากจะข่วนหน้าแล้วยังทำให้แปรงไม่เรียบเนียนอีกด้วย วันนี้จึงมี 7 แบรนด์แปรงแต่งหน้ายอดนิยม มาให้ทุกคนได้เลือกใช้กัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูเลย

อัพเดท 7 ยี่ห้อ แปรงแต่งหน้า ถูกและดี ราคาไม่แพง

  1. แปรงแต่งหน้า MAC

แปรงแต่งหน้า MAC

MAC นี่คือหนึ่งในสุดยอดแบรนด์ที่โดดเด่น ในเรื่องของแปรงแต่งหน้า ที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนาอยากได้มาครอบครองสุด ๆ เพราะแปรงของ MAC เต็มไปด้วยคุณภาพ แถมยังมีหัวแปรงให้เลือกหลากหลายขนาด แถมขนแปรงก็นุ่มนวล ไม่บาดหน้า ใช้คู่กับเครื่องสำอางแบรนด์ไทยคุณภาพดีได้สบาย แต่ก็ต้องทำใจเรื่องราคานิดนึง เพราะราคาสูงมาก แต่ถ้าทุนถึงละก็ ถือว่าสอยได้สบายๆ เลย

  1. Zoeva

มากับแบรนด์ที่เป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลายๆ คนแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่ทำแปรงออกมาได้ดี และมีราคาที่ไม่แพงมากอีกด้วย โดยแปรงแต่งหน้าของแบรนด์นี้ มีความโดดเด่นตรงที่ สร้างดีไซน์ได้เรียบหรู ดูแพงมาก ขนแปรงมีความนุ่มละมุน และยังมีให้เลือกซื้อเลือกใช้กันหลากหลายแบบ ใครเงินถึง จะจัดทั้งเซ็ทเลย ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ

  1. Sigma

แปรงแต่งหน้าถูกและดี

ว่ากันว่าแปรงแบรนด์นี้ เป็นฝาแฝดเดียวกันกับแปรง MAC เพราะมีหลายๆ ตัวที่ทำออกมาคล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเหมือนไปซะทุกอย่าง ซึ่งแบรนด์นี้มีขนแปรงที่นุ่มนิ่ม ไม่บาดหน้า สามารถจิกสีเครื่องสำอางออกมาได้ดี และเมื่อใช้กับใบหน้าแล้ว จะทำให้สีใบหน้าดูนวลเนียนใช้ทาคู่กับรองพื้นปกปิดดีเยี่ยม ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแบรนด์นี้ก็มีราคาที่ไม่ทำร้ายเงินในกระเป๋าอีกด้วย มีคนเคยพูดขำๆ ว่า ถ้าซื้อตัวนี้ครบเซ็ต ก็ซื้อของ MAC ได้แค่ 2 -3 ตัวแค่นั้น

  1. Real Technique

นี่คือแปรงแต่งหน้า ที่เป็นที่ฮอตฮิตมากแบรนด์หนึ่งของวงการเลยก็ว่าได้ เพราะมีราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าเงินมากๆ แต่ก็ยังคงคุณภาพ ที่สามารถไปเทียบชั้นกับแปรงราคาแพงๆ ได้สบายเลย คือมีขนแปรงนุ่ม ไม่บาดหน้า แตะเครื่องสำอางแล้วสีติดมาที่แปรงดีมาก แถมยังมีให้เลือกซื้อมากมาย หลากหลายรูปแบบ

  1. Ecotools

ใครเป็นชาวอนุรักษ์บ้าง บอกเลยว่าเหมาะกับแปรงตัวนี้มาก เพราะเป็นแปรงแต่งหน้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสุดๆ และที่สามารถครองใจสาวๆ ได้ ก็เพราะยังเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าสตางค์อีกด้วย โดยแปรงแบรนด์นี้มีคุณภาพขนแปรงที่ดี ขนนุ่มนิ่ม ปาดผิวได้เรียบเนียนมาก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือด้ามจะเป็นไม้สีอ่อน ทำให้ดูสะอาดตาและน่าใช้มาก

  1. l.f.

แปรงแต่งหน้า 2017

อย่างที่รู้กันว่า e.l.f. เป็นแบรนด์เครื่องสำอางทั่วไป แต่วันนี้จะมาเจาะที่แปรงของแบรนด์นี้ ซึ่งบอกได้เลยว่ามีคุณภาพแปรงที่ดีงามมาก ถึงกับต้องบอกต่อแน่นอน และที่สำคัญคือมีราคาที่ไม่แพง และถ้าซื้อครบเซ็ทก็จะให้ขนแปรงที่คุณภาพมาให้เลย ใครที่ชื่นชอบแปรงคุณภาพดี ราคาประหยัดละก็แบรนด์นี้ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับอุปกรณ์เครื่องสำอางที่ควรมีที่ดีงามมากเลยทีเดียว

  1. Mei Linda

มากับแปรงแบรนด์ไทยที่ใครๆ ก็ชอบ เพราะว่าให้ความสมูทที่ผิวหน้าได้ดี และที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ มีราคาที่ไม่แพง ทำให้สาวไทยจับต้องได้มากขึ้น และนี่ก็เป็นส่วนทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนแบรนด์คนไทยให้ก้าวไกลไปถึงต่างแดน


ในโลกที่เต็มไปด้วยแบรนด์แปรงแต่งหน้ามากมาย การเลือกซื้อแปรงที่เหมาะสมสำหรับคุณอาจจะเป็นภารกิจที่ยากลำบาก เนื่องจากต้องคำนึงถึงคุณภาพ ราคา และความเหมาะสมกับความต้องการของคุณเอง ในบทความนี้เแอดมินก็ได้รวบรวม 7 แบรนด์แปรงแต่งหน้ายอดนิยมที่ให้คุณภาพที่ดีและมีราคาที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้คุณทำการเลือกซื้ออย่างมั่นใจและพบกับผลลัพธ์ที่น่าพอใจกับการแต่งหน้าของคุณมาแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยช์อย่างยิ่งสำหรับสาวๆ หลายๆ คน


อ้างอิง:

7 แบรนด์แปรงแต่งหน้าใช้ดี ช่วยเนรมิตเมกอัพสวย ขนนุ่มละเอียดไม่บาดผิวหน้า. https://www.vogue.co.th/beauty/make-up-brush

5 วิธีลดเลือน ขาหนีบดำ จบปัญหานี้ด้วย ครีมลบขาหนีบดำ ยี่ห้อใช้ดี ได้ผลจริง

5 วิธีลดเลือน ขาหนีบดำ จบปัญหานี้ด้วย ครีมลบขาหนีบดำ ยี่ห้อใช้ดี ได้ผลจริง

ขาหนีบดำ 5 วิธีลดเลือน จบปัญหานี้ด้วย ครีมลบขาหนีบดำ ยี่ห้อใช้ดี ได้ผลจริง ขาหนีบสีคล้ำเป็นความกังวลและไม่มั่นใจที่สาว ๆ จำนวนมากต้องพบเจอ ทำให้หมดความมั่นใจได้ สาว ๆ หลาย ๆ

คนจึงพยายามเสาะหาผลิตภัณฑ์สำหรับแก้ไขความคล้ำบริเวณขาหนีบหรือใช้ครีมบำรุงผิว บางแบรนด์ก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้างมากน้อยต่างกัน เรามี 5 ผลิตภัณฑ์ครีมทาขาหนีบ ขาวขั้นเทพที่ทาแล้วได้ผลแน่นอนมาฝากกัน

วิธีลดเลือนขาหนีบดำ

1. วีวี่ สกิน รีแพร์ ครีม ลด ขาหนีบดำ

ดีงามมาก ๆ สำหรับครีมของแบรนด์ วีวี่ชิ้นนี้ เพราะช่วยลดสีคล้ำดำของขาหนีบได้อย่างกระจ่างขาวใสและคืนผิวเนียนให้กับสาว ๆ นอกจากนั้นยังแถมคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยแตกลายงาที่เกิดขึ้นกับช่วงต้นขาและโคนขาหนีบได้อีกด้วย

2. เฟมินิส ไวท์ ครีม

การทำงานของครีมตัวนี้จะเน้นการผลัดเซลล์ผิวบริเวณขาหนีบ ให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกเผยผิวที่เนียนใสใหม่ขึ้นมา ทำให้ขาหนีบเปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงและเนียนสวย เป็นการปรับและฟื้นฟูผิวบริเวณขาหนีบอย่างถาวรและอ่อนโยน

3. เคลียร์ ดาร์ค ดรีม  สกิน

เป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นมาให้ครีมซึมซาบสู่ผิวได้รวดเร็วและลึกละเอียด ด้วยสูตรนาโน นอกจากใช้ทาเพื่อปรับผิวคล้ำบริเวณขาหนีบแล้วยังใช้ทาที่ก้นได้ สำหรับสาว ๆ ที่มีบั้นท้ายเป็นริ้วรอยด่างคล้ำก็จะยิ้มได้กับสีผิวบั้นท้ายที่ขาวกระจ่างและมีความเนียนสม่ำเสมอกัน

4. กวนอิม ครีมไข่มุก

เชื่อไหมว่าครีมคลาสสิคของไทยแบบกวนอิมที่มีราคาเพียงตลับละต้นหลักสิบเท่านั้นคือเคล็ดลับที่ช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณขาหนีบที่คล้ำดำได้อย่างดี ครีมตัวนี้เป็นครีมที่ผลิตมาเพื่อใช้ทาหน้ารักษาฝ้ากระ แต่เมื่อสาว ๆ หลาย ๆ คนได้ดัดแปลงมาใช้ทาขาหนีบกลับทำให้ขาหนีบขาวสวย จนต้องบอกต่อ กลายเป็นครีมแบรนด์ไทยสำหรับเรือนร่างที่สาว ๆ พลาดไม่ได้ไปแล้ว

5. เมลาเดิร์ม

ครีมตัวนี้คงต้องบอกว่าค่อนข้างมีราคาที่สูง แต่ว่าหนึ่งกล่องสามารถใช้ได้นานมาก เพราะบรรจุในปริมาณมากคุ้มราคาเรียกได้ว่าซื้อครั้งเดียวใช้จนลืมได้เลย ครีมทีประสิทธิภาพสูงและสารที่ประกอบอยู่สกัดจากธรรมชาติล้วน ๆ  เนื้อครีมจะเข้าไปทำการปรับสภาพของสีผิวทำให้มีสีที่อ่อนลงอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อใช้เป็นประจำยังทำให้ผิวในบริเวณขาหนีบอ่อนนุ่มลงสำหรับใครที่มีผิวแห้งกระด้างครีมตัวนี้มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มชุ่มชื่นอีกด้วย

ขาหนีบแม้จะเป็นจุดที่ปกปิดในร่มผ้าเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นหนึ่งในวิธีทำให้ผิวขาวได้ด้วยการดูแลทาครีมอย่างสม่ำเสมอ เพราะไม่แน่ว่าในแฟชั่นกางเกงสั้นหรือชุดว่ายน่ำเซ็กซ่ที่สาว ๆ อาจต้องการใส่ในหลาย ๆ โอกาส สาว ๆ ก็จะมั่นใจในผิวที่สวยขาวไม่มีส่วนคล้ำของขาหนีบให้ต้องกังวลใจอีกต่อไป ใครที่มีปัญหาผิวคล้ำขาหนีบลองซื้อหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาใช้เพื่อผิวที่สวยของคุณ

อ้างอิง:

ปัญหารอยดำ (ตามซอก) ที่ไม่อยากบอกใคร. https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ขาหนีบดำ-รอยดำ