Tag

ผิวสวยไม่พัง

Browsing

เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย เลือกใช้แบบไหนให้ปลอดภัยกับผิว

ในโลกของความงาม การเลือก เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยปกป้องผิวจากอาการระคายเคืองหรือแพ้ที่อาจเกิดขึ้น ผิวแพ้ง่ายมักมีการตอบสนองไวต่อสารเคมีในผลิตภัณฑ์บางชนิด ซึ่งทำให้การเลือกและการใช้ผลิตภัณฑ์กลายเป็นความท้าทายสำหรับคนที่มีผิวประเภทนี้ บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับวิธีการเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมสำหรับผิวแพ้ง่าย รวมถึงเทคนิคในการอ่านฉลากส่วนผสม คำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และวิธีการทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อความมั่นใจ การดูแลที่ถูกต้องและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังจะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและปลอดภัยจากปัญหาผิวต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น


ทำความรู้จักกับ “ผิวแพ้ง่าย” คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร

ทำความรู้จักกับ ผิวแพ้ง่าย คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร

ในวงการความงาม การเข้าใจประเภทผิวของตัวเองเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก โดยเฉพาะผู้ที่มี “ผิวแพ้ง่าย” ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพราะสามารถเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ ผิวแพ้ง่ายเป็นสภาวะที่ผิวมีความบอบบาง ตอบสนองไวต่อสารต่างๆ และแสดงอาการได้หลากหลายรูปแบบ เรามาทำความรู้จักและเข้าใจผิวแพ้ง่ายให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

อาการของผิวแพ้ง่ายและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวอ่อนแอ

อาการของผิวแพ้ง่ายสามารถแสดงออกมาได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งแดง คัน ระคายเคือง หรือมีตุ่มผื่นขึ้นง่าย สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผิวอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการแพ้เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น:

  • มลภาวะและฝุ่นละออง: อนุภาคเล็กๆ ในอากาศสามารถซึมเข้าผิว ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
  • สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง: ส่วนผสมบางอย่าง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ในบางคน
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ: อากาศที่แห้งเกินไปหรือชื้นเกินไปสามารถทำให้ผิวไม่สมดุล ส่งผลให้ผิวเกิดการแพ้ได้ง่าย
  • ฮอร์โมนและความเครียด: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายรวมถึงความเครียด อาจทำให้ระบบป้องกันของผิวอ่อนแอและเสี่ยงต่อการแพ้ได้ง่ายขึ้น

การตอบสนองของผิวแพ้ง่ายต่อสารเคมีและเครื่องสำอางทั่วไป

เมื่อพูดถึงผิวแพ้ง่าย การใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะผิวประเภทนี้จะมีแนวโน้มตอบสนองต่อสารเคมีและส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ไวต่อการระคายเคือง เช่น:

  • น้ำหอม: สารเคมีในน้ำหอมมักเป็นสาเหตุอันดับแรกๆ ที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคือง
  • สารกันเสีย (พาราเบน): แม้จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ แต่ก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • แอลกอฮอล์: แม้จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมซาบเร็วขึ้น แต่แอลกอฮอล์จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดอาการระคายเคืองได้

วิธีการทดสอบเบื้องต้นว่าคุณมีผิวแพ้ง่ายหรือไม่

การทดสอบผิวแพ้ง่ายเบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เหมาะกับผิวและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้:

  1. ทดสอบที่บริเวณหลังใบหู: ทาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทดสอบบริเวณหลังใบหู ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่เกิดอาการคัน แดง หรือตุ่มผื่น แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นอาจปลอดภัยสำหรับคุณ
  2. ทดสอบที่ข้อมือ: ใช้ผลิตภัณฑ์บริเวณด้านในของข้อมือ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง และสังเกตว่าผิวมีอาการผิดปกติหรือไม่
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์ทีละน้อย: หากเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรเริ่มต้นใช้ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อดูว่าผิวจะตอบสนองอย่างไร หากไม่มีอาการผิดปกติจึงค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น

วิธีเลือก เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย

วิธีเลือก เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ เครื่องสำอางที่ใช้ควรอ่อนโยนและไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายอย่างละเอียดค่ะ

คำแนะนำในการอ่านฉลากส่วนผสม

การอ่านฉลากส่วนผสมเป็นขั้นตอนแรกที่ควรทำเมื่อเลือกซื้อเครื่องสำอาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผิวแพ้ง่าย ส่วนผสมบางชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมต่อไปนี้:

  • น้ำหอม (Fragrance/Perfume): น้ำหอมมักเป็นสาเหตุของการแพ้และระคายเคืองผิวในหลายๆ คน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมจะช่วยให้ผิวปลอดภัยมากขึ้น
  • พาราเบน (Paraben): พาราเบนเป็นสารกันเสียที่สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น Methylparaben, Propylparaben และ Butylparaben ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Paraben-Free” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
  • แอลกอฮอล์ (Alcohol): แอลกอฮอล์บางชนิด เช่น Ethyl Alcohol และ SD Alcohol อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Alcohol-Free” หรือที่ไม่มีแอลกอฮอล์รุนแรง

การหลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยให้ผิวแพ้ง่ายสามารถรักษาความสมดุลและลดโอกาสเกิดอาการระคายเคืองได้มากขึ้นค่ะ

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและไม่มีสารที่เป็นสาเหตุของการแพ้ ผลิตภัณฑ์ที่ ปราศจากน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการระคายเคืองและการแพ้ได้มาก เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น ผื่นแดง คัน หรือผิวแห้ง

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า “Fragrance-Free,” “Paraben-Free,” และ “Alcohol-Free” บนฉลากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และแนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Hypoallergenic” ซึ่งหมายความว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสก่อให้เกิดการแพ้น้อย และได้รับการออกแบบมาเพื่อผิวบอบบางโดยเฉพาะ

เน้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง (Dermatologist-Tested) จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะกับผิวแพ้ง่าย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบนี้จะได้รับการตรวจสอบว่าปลอดภัยและมีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังมักจะผ่านการควบคุมคุณภาพอย่างละเอียด ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ ได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ อย่างเช่น American Academy of Dermatology หรือ European Centre for Allergy Research Foundation (ECARF) ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกซื้อเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่าย

  • เลือกผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท: เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อาจเข้าสู่ผลิตภัณฑ์
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความชุ่มชื้น: ผิวแพ้ง่ายมักมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความชุ่มชื้นง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน
  • ทดลองผลิตภัณฑ์ก่อนใช้จริง: หากเป็นไปได้ ควรขอผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองมาใช้ก่อน โดยทดลองทาบนผิวเล็กๆ เช่น หลังใบหูหรือข้อมือ เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่

สกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายที่ต้องมีติดตัว

สกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายที่ต้องมีติดตัว

การดูแลผิวแพ้ง่ายต้องการความพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผิวประเภทนี้สามารถระคายเคืองได้ง่ายเมื่อเจอส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม เราจะมาแนะนำสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายที่ต้องมีติดตัว พร้อมคำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและดูสุขภาพดีค่ะ

คลีนเซอร์และเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน: การทำความสะอาดผิวอย่างเบามือ

คลีนเซอร์และเจลล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ง่ายควรเป็นสูตรที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน ซึ่งมักเป็นสาเหตุของอาการแพ้ ควรมองหาคลีนเซอร์ที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว (pH 5.5) เพื่อรักษาความสมดุลของผิว โดยเลือกใช้คลีนเซอร์แบบเจลหรือครีมเนื้อเบาที่ช่วยล้างความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกออกจากผิวได้โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

แนะนำ: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง กลีเซอรีน (Glycerin) และ อะโลเวร่า (Aloe Vera) ซึ่งช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคือง

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้น: เติมน้ำให้ผิวโดยไม่ก่อการแพ้

สำหรับผิวแพ้ง่าย การเติมความชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีควรช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว โดยไม่เพิ่มความมันหรือทำให้ผิวอุดตัน ควรเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา ไม่มีน้ำหอม และอุดมไปด้วยสารให้ความชุ่มชื้นที่อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย เช่น เซราไมด์ (Ceramide) ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว, ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่ช่วยกักเก็บน้ำ และ กลีเซอรีน (Glycerin) ที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น

แนะนำ: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ทำให้ผิวแห้ง ควรมองหาคำว่า “Fragrance-Free” หรือ “For Sensitive Skin” บนบรรจุภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย

บำรุงผิวขั้นพื้นฐาน: เติมความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ระคายเคือง

การบำรุงผิวขั้นพื้นฐานสำหรับผิวแพ้ง่ายควรเน้นที่การให้ความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ และ โปรวิตามิน บี5 (Pro-Vitamin B5) ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว

แนะนำให้ใช้เซรั่มหรืออิมัลชั่นที่มีเนื้อบางเบา เพื่อไม่ให้ผิวรู้สึกหนักหรือเหนียวเหนอะหนะ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA สูง เนื่องจากอาจทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดการระคายเคืองได้

วิธีเลือกกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย: เลือก SPF เท่าไรและเนื้อสัมผัสแบบไหนดีที่สุด

กันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผิวแพ้ง่ายเช่นกัน เพราะสามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่ทำให้ผิวบอบบางและเกิดการแพ้ได้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้กันแดดที่:

  • มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ PA+++ เพื่อการป้องกันที่เพียงพอต่อรังสี UVA และ UVB
  • เป็นกันแดดประเภท Physical Sunscreen (Mineral Sunscreen) ที่มีส่วนผสมหลักอย่าง ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และ ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ซึ่งอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายกว่ากันแดดประเภท Chemical
  • มีเนื้อสัมผัสบางเบา เช่น แบบเจลหรือโลชั่น ซึ่งไม่ทำให้ผิวอุดตันและให้ความรู้สึกสบายเมื่อใช้ในชีวิตประจำวัน

เทคนิคการใช้ เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย ให้ปลอดภัย

เทคนิคการใช้ เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย ให้ปลอดภัย

ผิวแพ้ง่ายต้องการการดูแลและเอาใจใส่เป็นพิเศษ การแต่งหน้าสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายจึงต้องมีเทคนิคและวิธีการที่ช่วยลดโอกาสการเกิดการระคายเคือง โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคการใช้เครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายเพื่อความปลอดภัย รวมถึงการทำความสะอาดและทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างละเอียดค่ะ

วิธีการลงเครื่องสำอางโดยไม่ให้ระคายเคืองผิว

การลงเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายควรเป็นขั้นตอนที่อ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวถูกกระทบมากเกินไป เนื่องจากการถูหรือการใช้แปรงที่แข็งอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย เทคนิคที่ช่วยลดการระคายเคืองมีดังนี้:

  1. ใช้ฟองน้ำหรือแปรงขนนุ่ม: เลือกใช้ฟองน้ำเนื้อแน่นและนุ่ม หรือแปรงที่มีขนละเอียด เพื่อไม่ให้ผิวถูกกระทบหรือเสียดสีมากเกินไป
  2. ไม่กดน้ำหนักมือแรง: เมื่อแต่งหน้า ควรลงน้ำหนักมือเบาๆ และทาเครื่องสำอางอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการกดหรือถูผิวมากเกินไป
  3. ใช้ Primer ที่ช่วยลดการเสียดสี: Primer จะช่วยให้เครื่องสำอางเกาะผิวดีขึ้นโดยไม่ต้องทาหลายชั้น ลดโอกาสการระคายเคือง และยังช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น

เคล็ดลับการทำความสะอาดผิวหน้าหลังแต่งหน้าให้สะอาดและอ่อนโยน

หลังการแต่งหน้า การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะคราบเครื่องสำอางอาจทำให้ผิวระคายเคืองหากสะสมอยู่นาน ควรใช้วิธีที่อ่อนโยนเพื่อไม่ให้ผิวแห้งหรือลอกตามนี้ค่ะ:

  1. เริ่มด้วย Cleansing Oil หรือ Cleansing Water ที่อ่อนโยน: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีรุนแรง วิธีนี้จะช่วยละลายคราบเครื่องสำอางออกอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. หลีกเลี่ยงการถูผิวแรง: ขณะทำความสะอาด ควรใช้สำลีที่นุ่มและเช็ดอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการถูผิวอย่างแรงเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
  3. ใช้ Cleanser ที่อ่อนโยนล้างซ้ำ: หลังจากใช้ Cleansing Oil หรือ Cleansing Water ควรล้างหน้าด้วย Cleanser ที่อ่อนโยนเพื่อให้ผิวสะอาดหมดจดโดยไม่ทำให้ผิวแห้ง

วิธีทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่กับผิวแพ้ง่ายให้ปลอดภัยก่อนใช้จริง

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์หรือทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควรทำการทดสอบก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองบนใบหน้า วิธีทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ปลอดภัยมีดังนี้:

  1. ทดสอบบริเวณหลังใบหู: ทาผลิตภัณฑ์เล็กน้อยที่หลังใบหูและปล่อยทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแดง คัน หรือแสบผิว แสดงว่าผลิตภัณฑ์อาจเหมาะกับคุณ
  2. ทดสอบที่ข้อมือด้านใน: ใช้ผลิตภัณฑ์บริเวณข้อมือด้านใน ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการผิดปกติ ก็สามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าปลอดภัยต่อผิว

ใช้ผลิตภัณฑ์ทีละเล็กน้อยก่อน: เมื่อตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่กับใบหน้า ควรเริ่มใช้ทีละน้อยในช่วงแรก และสังเกตผิวว่ามีอาการแพ้หรือระคายเคืองหรือไม่


สรุปแล้ว การดูแลผิวแพ้ง่ายด้วยความใส่ใจและเลือกใช้เครื่องสำอางอย่างเหมาะสมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องผิวจากอาการระคายเคืองและแพ้ ด้วยการอ่านฉลากอย่างละเอียด หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจเป็นอันตราย และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง คุณจะสามารถมั่นใจได้มากขึ้นในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ การดูแลผิวอย่างถูกต้องช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวแพ้ง่ายและทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการแต่งหน้าและการดูแลผิวได้อย่างไร้กังวล


คำถามที่พบบ่อย

1. ผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมอะไรบ้างในเครื่องสำอาง?

ผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ชนิดรุนแรง เพราะสารเหล่านี้สามารถทำให้ผิวแห้ง แดง หรือเกิดอาการคันได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Fragrance-Free,” “Paraben-Free,” และ “Alcohol-Free” เพื่อความปลอดภัยต่อผิว

2. มีวิธีทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างไรให้ปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย?

การทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนใช้จริงสามารถทำได้โดยการทาผลิตภัณฑ์เล็กน้อยบริเวณหลังใบหูหรือข้อมือด้านใน ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากไม่เกิดอาการคัน แดง หรือผื่นขึ้น แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นอาจปลอดภัยสำหรับผิว

3. ผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้กันแดดแบบไหน?

ผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้กันแดดประเภท Physical Sunscreen ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เนื่องจากมีความอ่อนโยนต่อผิว และควรเลือกค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อให้ป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายควรมีลักษณะอย่างไร?

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายควรเป็นเนื้อบางเบา ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ และมีสารให้ความชุ่มชื้นที่อ่อนโยน เช่น เซราไมด์ (Ceramide) และไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง

อ้างอิง:

สกินแคร์รูทีน 7 ขั้นตอนสกินแคร์ทาอย่างไรให้ผิวสวยใสแบบสาวเกาหลี 

สกินแคร์รูทีน 7 ขั้นตอนสกินแคร์ทาอย่างไรให้ผิวสวยใสแบบสาวเกาหลี 

สาว ๆ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมล่ะว่าทำไมผู้หญิงเกาหลีถึงได้มีผิวหน้าที่เนียนสวยแล้วก็กระจ่างใสกันได้ขนาดนั้น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญกันก็คือการลงสกินแคร์รูทีนนั่นเอง วันนี้แอดมินจึงจะมาเผยขั้นตอนการลง สกินแคร์รูทีน ที่ถูกต้องกัน เพราะการเรียงลำดับการทาที่ถูกนั่นจะช่วยให้สกินแคร์ซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้ดีและเห็นผลจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนการทานั้น เรามาทำความรู้จักสกินแคร์แต่ละประเภทกันก่อนดีกว่า


สกินแคร์ มีกี่ประเภท? แต่ละประเภทช่วยเรื่องอะไรบ้าง 

สกินแคร์รูทีน

สกินแคร์แต่ละประเภทนั้นมีหลายรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละประเภทก็ได้ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์ต่อการใช้งานตามปัญหาผิวและสภาพผิวที่แตกต่างกันของแต่ละคน มาดูกันว่าจะมีประเภทอะไรบ้าง


1.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า 

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหรือ คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางดีๆ จะมีลักษณะเป็นของเหลวและมาในรูปแบบ น้ำ เจล หรือ ออยล์ สามารถใช้โดยการนวดที่หน้าได้โดยตรงหรือจะหยดลงบนสำลีแล้วเช็ดบนผิวหน้าก็ได้ ผู้ที่แต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดต้องใช้คลีนซิ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันบนในหน้า


2.ผลิตภัณฑ์หน้าล้าง

สิ่งนี้จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าและช่วยขจัดคราบความมันบนใบหน้า รวมถึงสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในรูขุมขน ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบ โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า และสบู่ก้อน


3.โทนเนอร์

Toner เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้าที่ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดหมดจดยิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนใหญ่มักมาในเนื้อโลชั่นบาง ๆ และมักจะมีวิตามินช่วยบำรุงผิว

4.มอยส์เจอร์ไรเซอร์

ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีส่วนผสมของโลชั่นและครีม ผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวมันก็สามารถทาได้เพราะจะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ ทำให้ผิวไม่ขาดน้ำจึงสามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าได้

5.ครีม

สกินแคร์ประเภทนี้มีส่วนผสมของน้ำมันเยอะมากกว่าประเภทอื่น ๆ เนื้อจึงมีความเข้มข้นที่สุดและอาจทำให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ช้า แต่มันสามารถคงความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีที่สุดจึงเหมาะกับคนผิวแห้งมากที่สุด โดยคุณสามารถบำรุงด้วยไนท์ครีมในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันก็บำรุงด้วยครีมทั่วไปได้

6.โลชั่น

โลชั่นไม่ได้มีไว้สำหรับบำรุงผิวกายเท่านั้น เพราะผิวหน้าก็สามารถบำรุงด้วยได้ด้วยเช่นกัน โดยมันจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผิวธรรมดาและผิวผสม ซึ่งโลชั่นที่ทางฝั่งเอเชียนิยมใช้และไม่หนักหน้าจนเกินไปจะมาในรูปแบบที่เราเรียกกันว่า ‘น้ำตบ’ นั่นเอง

7.เอสเซนส์

อีกหนึ่งรูปแบบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าในขั้นตอนแรก ๆ ซึ่งเอสเซนส์จะมีลักษณะเป็นน้ำเหลว ๆ บางเบา จึงซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าสภาพผิวแบบไหนก็สามารถใช้ได้ โดยส่วนใหญ่มักจะมาในรูปแบบน้ำตบเช่นเดียวกัน

8.เซรั่ม 

ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จะมีความเข้มข้นว่าเอสเซนต์และมีส่วนผสมของน้ำมันค่อนข้างมาก จึงไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนผิวมันเท่าไหร่ แต่มันสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างล้ำลึก เช่น ลดรอยสิว ลดริ้วรอย และปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ

9.ผลิตภัณฑ์กันแดด 

ในตอนเช้าต้องทาผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV หากผู้ที่ไม่ได้ทากันแดดในตอนเช้านั้นอาจส่งผลให้รังสียูวีเข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ส่งผลให้ผิวเหี่ยวย่นและเกิดฝ้า กระ ตามมาได้ โดยผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จะมีทั้งในรูปแบบครีม เจล โลชั่น สเปรย์ และขี้ผึ้ง 


7 ลำดับการทา สกินแคร์รูทีน ที่ถูกต้อง

หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับสกินแคร์แต่ละประเภทกันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูกันว่าขั้นตอนการลงสกินแคร์รูทีนที่ถูกต้องนั้น ต้องเรียงลำดับการทาอย่างไรบ้าง


Step 1 : เช็ดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่ง

สกินแคร์รูทีน

หลังจากที่ผิวหน้าของเราเผชิญเครื่องสำอาง ฝุ่น และมลพิษต่าง ๆ มาทั้งวันแล้วควรเช็ดผิวหน้าให้สะอาดด้วยเมคอัพรีมูฟเวอร์ก่อน เพื่อให้ผิวหน้าสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขน 


Step 2 : ล้างหน้าให้สะอาด

สกินแคร์รูทีน

เมื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวหน้าไปแล้ว ต่อไปคือขั้นตอนการล้างหน้าเพื่อลดความมันบนใบหน้าและทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก


Step 3 : เช็ดด้วยโทนเนอร์

สกินแคร์รูทีน

การใช้โทนเนอร์จะช่วยขจัดคราบต่าง ๆ บนใบหน้าให้ผิวสะอาดมากยิ่งขึ้นทำให้ลดการอุดตันของสิ่งสกปรกและช่วยลดการเกิดสิวได้


Step 4 : ลงเอสเซนส์

สกินแคร์รูทีน

ต่อไปก็เริ่มบำรุงผิวหน้าโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหลวมากที่สุดก่อน นั้นก็คือการลงเอสเซนส์หรือน้ำตบเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผิวในการลงสกินแคร์ รูทีนขั้นต่อไป


Step 5 : ลงผลิตภัณฑ์รักษาสิว

สกินแคร์รูทีน

สำหรับผู้ที่เป็นผิว สามารถลงครีมรักษาสิวเฉพาะจุดได้ก่อนเลยและควรเลือกเป็นครีมชนิดที่ซึมเข้าผิวไว เพราะต้องรอให้เนื้อครีมซึมเข้าผิวจนแห้งสนิทก่อนจึงจะสามารถลงสกินแคร์ในขั้นต่อไปได้


Step 6 : ทาเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์

สกินแคร์รูทีน

สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวมันก็สามารถลงเซรั่มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ได้เช่นกันเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและไม่ขาดน้ำ ทำให้เป็นสกินแคร์วัย 30+ที่คนอายุเริ่มเข้าเลข 3 ต้องใช้ทุกคน


Step 7 : ทาครีมกันแดด

สกินแคร์รูทีน

ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นหนึ่งสเตปที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับในตอนเช้าไม่ว่าคุณจะออกจากบ้านหรือไม่ก็ตามควรทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ไม่ให้ทำลายผิวหน้า ผู้ที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดอาจจะเกิดฝ้าและกระบนใบหน้าได้ รวมถึงทำให้หน้าเหี่ยวย่นก่อนวัยอีกด้วย


ทั้งหมดนี้ก็คือลำดับในการทาสกินแคร์รูทีนอย่างถูกวิธีนั่นเอง หากคุณบำรุงตามขั้นตอนดังต่อไปนี้มันก็จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญสาว ๆ แต่ละคนก็อย่าลืมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองด้วยเพื่อให้สกินแคร์เหล่านั้นบำรุงได้อย่างตรงจุดมากที่สุด ผิวของเราจะได้เนียนใสปิ๊งเหมือนสาวเกาหลี


อ้างอิง:

https://www.lifestyleissue.com/beauty/skincare-types/ 

https://vogue.co.th/beauty/6-step-skin-care-for-oily-skin