Category

Cosmetic

Category

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี ติดทนนาน ? แนะนำ 10 แบรนด์ดังยอดนิยม

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี ติดทนนาน ? แนะนำ 10 แบรนด์ดังยอดนิยม

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี ติดทนนาน ? แนะนำ 10 แบรนด์ดังยอดนิยม ใช้ดี ลิปสติกที่ติดทนนาน สาวๆ หลายคนคงจะหาลิปสติกที่ติดทนนาน เพื่อที่จะทาแล้วสวยตลอดวัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อลิปสติกแบบไหนดี

ซึ่งวันนี้เราก็มี 10 แบรนด์ดังยอดนิยมที่ติดทนนาน มาให้เลือกกัน จะได้เป็นตัวเลือกช่วยให้สาวๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยให้สวยขึ้นได้ด้วย มาดูดันเลยดีกว่าว่ามีแบรนด์อะไรบ้าง 

1. 4U2 – EST.HARDER 2

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

ขอแนะนำรุ่น EST.HARDER 2 ลิควิดลิปแมตต์ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องติดทนนาน เนื้อแมตต์เบาทาแล้วสบายปากมาก โดดเด่นตรงที่สีชัด ติดทน กันน้ำ และไม่เลอะแมสก์ มีให้เลือกมากถึง 16 สี สายไหนก็ต้องโดนตก มีทั้งโทนนู้ด ชมพู ส้ม แดง น้ำตาล ครบทุกลุคในการแต่งหน้าเลยทีเดียว เม็ดสีแน่นมากกลบสีปากได้มิด ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ แถมยังเกลี่ยง่าย อีกทั้งยังมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงริมฝีปากไปในตัวอีกด้วย ที่สำคัญราคาแค่หลักร้อย

2. M.A.C – matte LIPSTICK

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

นี่คือแบรนด์ลิปสติกที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ลิปปังๆ ที่ทุกคนควรมีไว้ครอบครองสักแท่ง เพราะมีเนื้อลิปสติกให้เลือกอยู่มากมาย ยิ่งลิปแบบเนื้อแมตต์ละก็ยิ่งมีเยอะเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นที่นิยม แถมยังสีที่สดชัดเจน ไม่แห้งจนเกินไป​ และที่สำคัญคือลิปตัวนี้สามารถติดทนนานได้ตลอดวันอีกด้วย จัดว่าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมสูง ทาปากกี่ทีก็สวยทุกที ราคาอยู่ที่ประมาณ 800 บาท

3. NARS – MATTE LIP PENCIL

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

ลิปเครยอนเนื้อแมตต์เนียนนุ่ม เขียนง่าย เม็ดสีติดทนนานโดยไม่ทำให้ริมฝีปากลอกหรือเป็นคราบ พร้อมช่วยเติมเต็มร่องปากให้แลดูอวบอิ่มซึ่งก็มาในรูปแบบของดินสอเขียนปาก เป็นสินค้าที่เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบลิปสติกเนื้อด้าน ทาตัวนี้จะไม่ทำให้ปากแห้ง แถมยังมีส่วนผสมของสารบำรุงริมฝีปากและวิตามินอีที่ช่วยเพิ่มความเนียนนุ่มชุ่มชื้น และมีสีลิปที่จัดจ้านมาก ที่สำคัญยังมีเฉดสีให้สาวๆ ได้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะแบบหวาน เรียบร้อย หรือแบบมั่นใจ ราคาอยู่ที่ 1,000 บาท

4. Revlon – Colorburst Matt Balm

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

เติมความชุ่มชื่นและสีสวยเปล่งประกายให้ริมฝีปากดูสดใสด้วยลิปบาล์มเนื้อกึ่งแมตต์ที่มาในรูปแบบแท่งดินสอเขียนปาก  ซึ่งก็ไม่ต้องมาเหลาให้เสียเวลา เพราะมีเนื้อสีที่เยอะมาก โดยลิปตัวนี้มีสีที่สดใส ชัดเจน และไม่แห้งจนเกินไป เวลาทาจะรู้สึกเย็นที่ปากอีกด้วย ราคาอยู่ที่ 300 บาท

5. 3CE – Lip Tint

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

ลิปทินต์แบรนด์ดังจากเกาหลี ด้วยเนื้อแมตต์ที่ดูเรียบเนียนดุจกำมะหยี่ พิกเมนท์แน่น เม็ดสีแน่นคมชัด สีสวยสดใสสไตล์เกาหลี ทาแล้วสีแนบสนิทกับปากเป็นเนื้อเดียวกัน และให้สัมผัสที่ดูเรียบลื่นบางเบาเป็นธรรมชาติ แถมมีสีให้เลือกมากมายและน่าครอบครองเป็นเจ้าของมาก และเมื่อได้ลองใช้จริงหลายคนก็บอกว่าชื่นชอบมาก เพราะมีสีที่สด ชัดเจน สามารถเข้ากับผิวได้ดี เรียบเนียน และยังไม่ทำให้ปากแห้งอีกด้วย ราคาอยู่ที่ 700 บาท

6. MAYBELLINE – super stay matte ink

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

ลิปจิ้มจุ่มที่ติดทนนานถึง 16 ชม. ครอบคลุมทุกโทนสี สุดชิค ทาแล้วไม่ติดมาสก์ ไม่ตกร่อง ไม่ทรานสเฟอร์ สวยไม่ซีด ใครทาก็รอด แถมนี่ยังเป็นลิปสติกที่มีราคาไม่แพงและคุณภาพเนื้อที่ดี มีเฉดสีให้เลือกหลากหลายและทุกโทนสีก็มีแต่สีเด็ดๆ ทั้งนั้นเลย มีทั้งสีที่ทำมาเพื่อผิวของคนเอเชีย เอาใจสาวๆ โดยเฉพาะ เราสามารถใช้ได้ในประจำวันแน่นอน ที่สำคัญนอกจากจะติดทนได้นาน และยังไม่ทำให้ปากแห้งอีกด้วย ราคาสบายใจเพียงแท่งละ 249 บาทเท่านั้น

7. NYX – MATTE LIPSTICK

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

นี่เป็นอีกตัวที่เหมาะกับคนงบน้อย เพราะมีราคาอยู่แค่ 100-300 บาท แต่มีคุณภาพ ระดับสูงเลยทีเดียว เพราะมีสีที่สดใสชัดเจน และยังมีเฉดสีให้เลือกอีกมากมาย และตัวนี้ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ไม่ทำให้ปากแห้งจนเกินไป

8. Bobbi Brown – Luxe Matte Lip Color

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

ปากสวยดูโดดเด่น ด้วยลิปสติกจากแบรนด์ BOBBI BROWN ลิปสติกที่มอบทั้งเนื้อสัมผัสแบบแมตต์เต็มขั้น ไปพร้อมๆ กับความเบาสบายที่ริมฝีปาก สามารถเกลี่ยได้อย่างเรียบลื่นด้วยเม็ดสีที่อัดแน่นและติดทนนานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมง ด้วยเนื้อแว็กซ์คุณภาพเยี่ยมจึงเคลือบริมฝีปากได้อย่างบางเบา มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายเฉดสี ราคาประมาณ 1,500 บาท

9. ETUDE – Fixing Tint

ลิปสติกยี่ห้อไหนดีลิปทินท์ไม่เลอะติดแมสก์สัญชาติเกาหลี อีกแบรนด์ที่ขายดีโดยตัวนี้เป็นแบบลิปทินท์ที่ให้งานเนื้อแมตต์ โดยยังรักษาความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ซึ่งแค่ปาดทีเดียวแล้วทิ้งไว้สักครู่ก็แห้งไปกับปากได้เลย ลิปสติกรุ่นนี้มีหลายสีให้เลือก ทั้งยังช่วยบำรุงความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ริมฝีปากรู้สึกเจ็บหรือแห้งตึง พร้อมคุณสมบัติติดทนแน่น กันน้ำ และไม่ซึมเลอะแมสก์ ราคาอยู่ที่ 400-500 บาท

10. L’oreal – Rouge Signature

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

ลิปสติกตัวขายดี คุณภาพคับแน่น มีเฉดสีให้เลือกถึง 30 สี ตัวลิปสติกทาง่าย หัวแปรงมีปลายแหลมที่ช่วยให้ทาริมฝีปากได้ง่าย ลิปสติกเป็นเนื้อแมตต์ที่มีส่วนผสมของน้ำและน้ำมัน ด้วยเทคโนโลยีแผ่นฟิลม์บางสูตรเฉพาะที่ให้เนื้อสัมผัสบางเบา พร้อมมอบเม็ดสีสดชัดและพลังแมตต์แน่นได้ตลอดวัน เพื่อผลลัพธ์สีชัดเจน ติดทนนานตลอดวัน และเบาสบายบนริมฝีปาก ราคาแท่งละไม่ถึง 300 บาท

นี่ก็เป็นเพียง ลิปสติกยี่ห้อไหนดี 10 แบรนด์ดังยอดนิยมและติดทนนาน แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ลิปสติกแบรนด์ไหน ก็สามารถเลือกได้ตามที่ชอบกันได้เลย เพราะแบรนด์ต่างๆ ก็มีสีและประเภทของลิปให้เลือกมากมาย หรือหากคุณสนใจ เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ก็สามารถหาซื้อได้เพราะของไทยก็ดีไม่แพ้ใครเหมือนกัน ที่สำคัญหลังทาลิปสติกแล้วอย่าลืมทำความสะอาดให้หมดจด และบำรุงฝีปากร่วมด้วย จะได้ทาริมฝีปากสวยๆ ในทุกวัน


ลิปสติกประเภทต่างๆ เลือกลิปสติกแบบไหนดีที่สุด มาดูกันดีกว่า

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

แนะนำ ลิปสติกยี่ห้อไหนดี กันไปแล้ว ลองมาดู ลิปสติกประเภทต่างๆ เลือกลิปสติกแบบไหนดีที่สุดบ้างดีกว่า สาวๆ ที่รักสวยรักงาม คงจะซื้อลิปสติกกันประจำแน่ๆ ซึ่งในปัจจุบันก็มีวางขายอยู่เยอะมาก แต่ทีนี้จะเลือกให้เข้ากับความต้องการของเรายังไงดี วันนี้จึงมีบทความที่จะมาบอกประเภทของลิปสติกว่ามีอะไรบ้าง จะได้ช่วยให้สาวๆ ตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกใช้แบบไหนดี 

1. ลิปสติกเนื้อครีม

โดยลิปสติกประเภทนี้ จะมีลักษณะเป็นเนื้อครีมเนียนนุ่ม จะเต็มไปด้วยเม็ดสี เมื่อทาแล้วจะเห็นเป็นสีสันชัดเจน และยังไม่ทำให้ปากแห้ง สีชัดติดทนนานแน่นอน

เหมาะมากๆ สำหรับสาวๆ ที่มีริมฝีปากสวยอยู่แล้ว เพราะทาแล้วจะช่วยทำให้ปากดูอวบอิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่เหมาะกับสาวๆ ที่มีรูปปากหนา เพราะจะไปทำให้ปากดูใหญ่ขึ้น

2. ลิปสติกเนื้อแมตต์

ลิปสติกประเภทนี้ จะมีความเข้มข้นของเนื้อสีมากที่สุด ทำให้ได้สีที่เข้มที่สุด ตัวนี้เป็นลิปสติกเนื้อด้าน ที่ไม่มีความมันวาวเลย เมื่อทาแล้วจะแห้งไวและติดทนที่ปากได้นาน แต่เวลาทาก็อาจทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งสำหรับใครที่มีปัญหาปากแห้งทาอยู่แล้ว ตัวนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไร เพราะจะทำให้ลิปตกร่องและเกิดคราบ ดังนั้นเวลาลิปชนิดนี้ควรทาลิปบาล์มไปก่อน เพื่อสร้างความชุ่มชื้น 

3. ลิปสติกเนื้อเชียร์และเนื้อซาติน

ชนิดนี้มีลักษณะคล้ายๆ แบบเนื้อครีม แต่ก็จะมีเม็ดสีที่มีความบางเบากว่ามาก และจะไม่เกิดความมันวาวมากจนเกินไป ถ้ามองขณะที่อยู่ในแท่งอาจดูเข้ม

แต่เมื่อแล้วจะได้แบบที่มีสีอ่อนกว่า จึงเหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไม่ชอบทาลิปสติกสีจัดจ้าน และนั่นก็ทำให้ริมฝีปากดูเนียนสวย อย่างเป็นธรรมชาติได้ดี ทั้งนี้ก็สามารถทาทับได้หลายครั้งมาก โดยที่ไม่เป็นคราบเลย

4. ลิปเนื้อฟรอสตี้

นี่เป็นลิปสติกที่มีเนื้อสีที่เข้มข้น ให้ประกายสีมุก เพราะได้มีส่วนผสมของกลิตเตอร์ ดังนั้นเมื่อทาแล้วจะทำให้ริมฝีปากดูเปล่งปลั่งสดใส และยังทำให้ปากมีประกาย แต่ก็ยังไม่ทำให้ไม่มันวาวจนเกินไป ซึ่งก็เหมาะกับสาวๆ ที่มีริมฝีปากบางอยู่แล้ว นั่นก็จะทำให้ริมฝีปากดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

5. ลิปสติกเนื้อมันวาว/เนื้อชายน์

ลิปสติกเนื้อมันวาวเป็นลิปสติกที่มีส่วนผสมของกลิตเตอร์ปนอยู่นิดหน่อย ซึ่งก็จะให้ความมันวาวแบบกลอสซี่ ทำให้เมื่อทาแล้วริมฝีปากจะดูอวบอิ่ม เนียนสวย ดูเรียบเนียน และชุ่มชื้นขึ้นมาก แต่อาจไม่เหมาะทาไปข้างนอกเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยติดทน

6. ลิปสติกลิควิด

ลิควิดลิปสติก หรือ ลิปจิ้มจุ่ม ก็เป็นลิปสติกที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้ ซึ่งนี่ก็ลิปสติกที่มีลักษณะเป็นเนื้อที่เหลว มีเม็ดสีที่ชัดเจน เมื่อทาแล้วจะให้สีปากที่สวย เด้ง และยังติดทนนานได้ตลอดทั้งวัน โดยแบบนี้มีทั้งแบบที่เป็นเนื้อแวววาว และแบบเนื้อแมตต์

7. ลิปกลอส

ลิปกลอสเป็นลิปสติกชนิดเนื้อเหลว มีความโปร่งแสง โดยบางอันอาจมีประกายมุก เมื่อทาแล้วจะให้สีที่ใส มีความแวววาว ซึ่งก็จะทำให้ริมฝีปากมีความชุ่มฉ่ำ ดูอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถใช้ทาลงบนริมฝีปากได้แบบโดยตรง หรือจะนำไปทาทับลิปสติกสีอื่น เพื่อเพิ่มความแวววาวก็ได้เช่นกัน

8. ลิปทินต์

ทินต์เป็นลิปสติกชนิดเนื้อเหลวคล้ายลิปกลอส แต่ตัวนี้จะให้ความหนืดน้อยกว่า โดยจะใช้สำหรับช่วยการเพิ่มสีสัน ให้กับริมฝีปาก หลายคนจึงมักนิยม ทาบนริมฝีปากแค่บางๆ และใช้ลิปกลอสควบคู่ไปด้วย นั่นก็จะทำให้ริมฝีปากดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติแน่นอน

9. ลิปไลเนอร์

ลิปไลเนอร์ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า ดินสอเขียนขอบปาก โดยตัวนี้จะใช้สำหรับการเน้นขอบ และทำให้ปากเรียวขึ้น จึงมักจะใช้เป็นสีที่ใกล้เคียงกับสีลิปสติก โดยจะใช้วาดขอบนำไปก่อนจะลงลิปสติก ซึ่งก็จะช่วยให้ริมฝีปากสวย คมชัด เซ็กซี่มากขึ้น

10. ลิปบาล์มหรือลิปมัน

ลิปสติกประเภทนี้จะไม่มีสี หรือมีสีก็มีน้อย เพราะส่วนใหญ่จะใช้ในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวปากมากกว่า หรืออาจใช้ทานำไปก่อนแล้วค่อยลงลิปสติกสีที่ชอบลงไป เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวปากให้มากขึ้น 

รู้จักความแตกต่างของลิปสติกประเภทต่างๆ แล้ว ก็ไปเลือกซื้อลิปสติกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของเรากันได้แล้ว และก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสาวๆ ถึงไม่ได้มีลิปสติกเพียงแท่งเดียว เพราะนอกจากจะมีสีต่างกัน ยังมีให้เลือกอีกหลายประเภทด้วย


5 วิธีเลือกลิปสติก ให้เข้ากับปากและผิวของคุณเองมากที่สุด

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

นอกจาก ลิปสติกยี่ห้อไหนดี แล้ว เรายังมี 5 วิธีเลือกลิปสติก ให้เข้ากับปากและผิวของคุณเองมากที่สุดมาฝากกันด้วย เพราะการเลือกลิปสติกให้เข้ากับคุณก็ถือเป็นปัญหาหนึ่งของสาวๆ เลยว่าจะเลือกสีไหนดี แบบไหนดี แน่นอนว่าคนที่มีลิปในใจหรือที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้วก็คงไม่เป็นปัญหา

แต่คนที่ยังไม่รู้จะซื้อลิปสติกอะไรมาใช้ละก็ ก็คงจะงมกันไปพักนึงว่าจะซื้ออะไรดี และซื้อมาแล้วจะเหมาะกับเราไหม วันนี้จึงมี 5 วิธีเลือกลิปสติกให้เข้ากับตัวเองที่สุด มาช่วยให้สาวๆ ใช้ลิปสติกได้ดีขึ้นนั่นเอง

ลิปสติกยี่ห้อไหนดี

1. ให้เลือกสีลิปที่เราชอบ

แค่ทาลิปสติกเนื้อแมตต์ ให้เข้ากับรูปหน้าหรือเลือกสีที่ใครๆ ใช้ก็สวย แค่นั้นก็สามารถทำให้เราดูสวยขึ้นมาได้แล้ว  การเลือกลิปสติกที่ดีก็ทำให้เราไม่ต้องแต่งหน้าเลยก็ได้ ซึ่งก็มีสาวๆ หลายคนที่ไม่แต่งหน้าเลย เพียงแค่เลือกทาลิปสติกให้เข้ากับตัวเอง แค่นั้นก็ทำให้ดูสวย ดูแพงขึ้นมาได้ในทันที

2. เลือกสีแดงไปเลย

ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แค่ทาปากแดงแค่นั้นก็ทำให้ดูสวยโฉบเฉี่ยวไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่ว่าใครจะทาก็ตาม ยังไงลิปแดงก็ยังเป็นตัวแทนก็ความจัดจ้านมากที่สุด ไม่มีสีไหนที่จะมาเบียดบัลลังก์นี้ได้ ซึ่งสีแดงก็เป็นอีกสีที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป หาซื้อได้ง่ายมาก ง่ายกว่าสีอื่นหลายขุม และชนิดที่ราคาไม่แพงก็มีอยู่เยอะ และนี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการใช้ลิปสติก

3. สีชมพูอ่อนๆ เพิ่มความหวาน

การใช้ลิปสีชมพูอ่อนๆ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เราดูสวยได้ โดยที่แทบไม่ต้องแต่งหน้าเลยก็ได้ และสีนี้ก็จะให้ความแตกต่างไปจากสีแดงโดยสิ้นเชิง สีแดงจะเป็นสีที่ดูรุนแรง แต่สีชมพูอ่อนก็จะแสดงถึงความอ่อนโยน ความหวานให้เราได้มาก ถ้าใครเป็นสาวเปรี้ยวอยู่แล้วอยากเปลี่ยนเป็นสาวหวานละก็ ใช้สีชมพูอ่อนตัวเดียว อยู่หมัดแน่นอน

4. เลือกสีลิปสติกให้เข้ากับสีผิว

การเลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิวก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี เพราะนอกจากจะทำให้ดูมีสไตล์แล้ว ยังทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งใครที่ไม่รู้จะถ้าใช้แบบนี้แล้วจะเวิร์กหรือไม่ ให้ดูสาวไทยในปัจจุบันแล้วเราจะเข้าใจว่า การแต่งหน้าในปัจจุบันไม่ต้องใช้ลิปสติกสีชมพูเพียงเดียวแล้ว สีน้ำตาลก็เป็นอีกสีหนึ่งที่สามารถเพิ่มความแพงให้เราได้มากเลยทีเดียว

5. แต่งตามดาราไปเลย

ไม่ต้องคิดอะไรให้มันมากไป แต่งตามดาราไปเลย ใครจะว่ายังไงเราก็ไม่ต้องแคร์ เพราะคงไม่มีดาราคนไหนที่แต่งตัวเองให้ดูขี้เหร่แน่นอน ซึ่งการใช้ตามดาราก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลา และยังทำให้ดูสวยใสอีกด้วย สะดวกมากๆ

ลิปสติกเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้เพื่อเพิ่มรูปลักษณ์ของริมฝีปาก ทั้งมีหลายสีและหลายประเภท และสามารถทาลงบนริมฝีปากได้โดยใช้แปรงหรือนิ้วมือ เหตุผลที่สาวๆ เลือกใช้ลิปสติก นั่นก็เพราะบางคนชอบทาลิปสติกทำให้ริมฝีปากดูอิ่มเอิบและเซ็กซี่มากขึ้น บางคนใช้ลิปสติกเพื่อเพิ่มสีสันให้ริมฝีปาก ทำให้หน้าสดใสและทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นด้วย


อ้างอิง:

How to Apply Lipstick: 15 Tips and Tricks. https://www.byrdie.com/how-to-apply-lipstick-346598

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง ให้ห่างไกลสิวที่คุณควรรู้

การทำความสะอาดด้วย คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง เป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการดูแลผิวสุขภาพดี ช่วยขจัดน้ำมันบนพื้นผิวและเศษซากอื่นๆ ที่อาจสะสมเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบของผิวหนังและปัญหาผิวอื่นๆ คลีนเซอร์มีหลายประเภท แต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ซึ่งวันนี้จะมาแนะนำ คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง แบรนด์ดังที่ใช้แล้วห่างไกลสิวกันอย่างแน่นอน


คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง แบบไหนดีที่สุดและใช้แล้วห่างไกลสิว

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง ห่างไกลสิวที่คุณควรรู้ เพราะการล้างเครื่องสำอางออกก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การแต่งหน้า แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญในส่วนนี้สักเท่าไร เน้นไปที่การแต่งหน้ามากกว่า พอเกิดปัญหาผิวก็โทษตัวเครื่องสำอางว่าไม่ดี ทำให้เกิดการอุดตัน 

ซึ่งปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปถ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เจลล้างหน้าลดสิวหน้าใสหรือคลีนซิ่ง วันนี้แอดมินจึงนำคลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง สุดยอดตัวช่วยทำความสะอาดใบหน้าของแต่ละประเภทมาบอกกัน จะมีอะไรบ้าง ตามไปดูได้เลย

1. คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง CLEANSING OIL

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง เริ่มกันที่ประเภทคลีนซิ่งประเภทออยล์กันก่อนเลย ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเทรนด์การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มาแรงมากในขณะนี้ โดยเฉพาะกับสาวๆ ที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำ เพราะการใช้คลีนซิ่งออยล์ในการล้างหน้านั้น สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก และยังมีความอ่อนโยนต่อผิวหน้าแบบสุดๆ

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

และวันนี้ขอเสนอ POSITIF Phyto Crystal Purifying Cleansing Oil คลีนซิ่งออยล์จากแดนปลาดิบที่ใครๆ ก็แนะนำ เนื้อเป็นครีมที่มีคริสตัลใสๆ เป็นส่วนผสม และยังมีสารที่สกัดมาจากพืชธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นถึง 8 ชนิดอีกด้วย และยังมีตัวช่วยในการฟื้นฟูผิวที่แห้ง คล้ำเสีย ให้ดูผ่องใสอีกด้วย มี Avocado Oil ที่จะช่วยลบเลือนจุดด่างดำออกไปได้อย่างหมดจด

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

และ DHC Deep Cleansing Oil คลีนซิ่งออยล์ที่ได้รับความนิยมจากสาวๆ มาอย่างยาวนาน คลีนซิ่งออยล์ระดับตำนานอีกหนึ่งตัว ที่สามารถช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางบนผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล้างได้แม้จะเป็นเครื่องสำอางที่กันน้ำ อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนต่อผิวค่อนข้างสูงเนื่องจากปราศจากส่วนผสมของ Mineral Oil รวมถึงสารเคมีอันตรายอย่างแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน จึงมั่นใจได้เลยว่าจะช่วยทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกจริงๆ เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ไม่ควรพลาด


2. สุดยอดของ CLEANSING WATER

ต่อมาคือ คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง ชนิดน้ำ อย่างที่รู้กันว่า คลีนซิ่งวอเตอร์มีคุณสมบัติที่ช่วยที่ดึงดูดน้ำมัน และสิ่งสกปรกต่างๆ บนผิวหน้า แต่ยังคงความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่ เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวมัน ผิวบอบบางง่าย แพ้ง่าย มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย อุดตันง่าย

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

แน่นอนว่าตัวแรกจะเป็นแบรนด์ไหนไปไม่ได้นอกจาก Bioderma ซึ่งก็สามารถสร้างกระแสที่ไทยได้ ตั้งแต่ยังไม่วางขาย ซึ่งก็ทำให้สาวๆ ถึงกับต้องพรีออเดอร์กันมาก่อนเลย โดยแบรนด์นี้ได้ออกแบบคลีนซิ่งน้ำออกมา 2 สูตร คือ สูตรสีเขียวที่เหมาะสำหรับคนผิวมัน และอีกตัวที่สามารถครองใจสาวๆ ไปได้คือสูตรสีชมพูนั่นก็คือ Bioderma Sensibio H2O Make-up Removing Micelle Solution โดยตัวนี้จะเหมาะกับสาวที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย โดยจะมีลักษณะเป็นน้ำใสๆ คล้ายน้ำเปล่า ซึ่งก็เป็นเทคโนโลยีที่สามารถขจัดสิ่งสกปรกออกไปได้โดยที่ไม่ต้องล้างน้ำซ้ำ ดีงามและโด่งดังมากสำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้หมดเกลี้ยงจนสาวๆ ทำให้เป็นการรักษาสิวที่ผิวหน้า ที่สาวๆต้องทึ่ง ทำให้มีการบอกต่อแชร์และมีกระแสแรงในโลกโซเชียลอย่างมาก ใครที่เคยลองผลิตภัณฑ์อื่นแล้วยังไม่พอใจ อาจจะจบด้วยความดีงามคุ้มค่าด้วยประสิทธิภาพทำความสะอาดล้ำลึกของตัวนี้เลยก็ได้

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

อีกแบรนด์ คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง จากการ์นิเย่ Garnier Micellar Cleansing Water ตัวนี้มีไมเซล่าเทคโนโลยีทำหน้าที่เสมือนแม่เหล็ก ช่วยดูดเครื่องสำอางกันน้ำ สิ่งสกปรก และความมัน ออกจากผิวหน้าได้อย่างหมดจดเช่นกัน มาพร้อมเนื้อสัมผัสแบบน้ำอ่อนโยนไม่ระคายเคืองต่อดวงตาและปาก ปราศจากน้ำหอม เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมไปถึงผิวที่มีแนวโน้มแพ้ง่าย มีหลายสูตรเลือกให้เหมาะกับผิวได้เลย ที่สำคัญราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย


3. คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง สุดยอดของ CLEANSING WIPE

อีกรูปแบบหนึ่งของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางที่มาในรูปแบบแผ่นที่พกพาไปได้ทุกๆ ที่ สะดวกในการใช้งานไม่ว่าสาวๆ อยากจะทำความสะอาดใบหน้าระหว่างวัน หรือพกพาเวลาไปเที่ยวทริปต่างจังหวัดหรือที่ต่างๆ เป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยให้การทำความสะอาดผิวจากเครื่องสำอางง่ายขึ้นได้

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

ไม่ต้องเกริ่นอะไรให้ยาวเหยียดแล้ว สำหรับ Bifesta Cleansing Brightup Sheet แผ่นเช็ดเครื่องสำอาง และทำความสะอาดผิวตัวดังของ Bifesta อันนี้จะเป็นสูตรเพื่อผิวกระจ่างใส มีส่วนช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดผิว พร้อมขจัดเซลล์ผิวเก่า และสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด และยังเป็นแผ่นคอตตอนอ่อนนุ่ม ให้ความรู้สึกนุ่มนวลต่อผิว ให้ความรู้สึกสดชื่นสบายผิว ไม่เหนอะหนะผิว ทั้งยังอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิวขณะเช็ด ที่สำคัญคือเป็นสูตร Oil-free ไม่มีน้ำหอม และสี ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้แน่นอน

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

Purevivi Cleansing Sheet คลีนซิ่งไวป์ตัวดังอีกแบรนด์ แน่นอนว่านี่เป็นของถูกและเป็นของดี ที่ใครๆ ต่างก็การันตีเรื่องคุณภาพ ที่ทำความสะอาดดีงามต่อผิวหน้ามากๆ และยังมีราคาที่สบายกระเป๋าอีกด้วย สรรพคุณคือเต็มไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 12 ชนิด และยังผสมไปด้วยว่านหางจระเข้ ที่จะช่วยในการลดอาการอักเสบ และอาการระคายเคืองที่ผิว รวมทั้งยังมีไฮยารูรอนที่จะมาช่วยเพิ่มเติมความชุ่มชื่นให้ผิว ซึ่งก็ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น อิ่มน้ำได้ดีอีกด้วย


4. สุดยอดของ EYE & LIP REMOVER

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง สำหรับคนที่แต่งหน้า ทาปาก ถ้าล้างไม่ดีผิวปากก็พังได้ง่ายๆ เหมือนกัน ดังนั้นใครคนไหนที่ชอบแต่งตาชนิดแบบชุดใหญ่ และยังทาลิปสติกหนาเตอะ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ล้างเครื่องสำอางบริเวณตาและปากต่างหาก เพราะเป็นบริเวณที่ค่อนข้างบอบบาง และถ้าทำควรสะอาดไม่ดีก็จะทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

ซึ่งควรเลือกตัวนี้เลย MAYBELLINE EYE & LIP MAKEUP REMOVER มาในขวดสีขาวตัดฟ้าที่สาว ๆ รู้จักกันดี ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีมานานคู่กับแบรนด์ อยู่มายาวนานคงทนก็เพราะคุณสมบัติเด่น เหมาะที่จะใช้ล้างเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติกันน้ำ ออยส์จะช่วยขจัดเครื่องสำอางที่ล้างออกยากได้อย่างดี ทำให้ลดเลือนสิวได้ ทำให้สิวยุบเพราะผิวหน้าที่สะอาดปราศจากสิ่งสกปรกแม้ในรูขุมขนเล็กๆ

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

อีกแบรนด์ที่แนะนำ นั่นก็คือ L’Oreal Gentle Lip And Eye Remover นั่นเอง เพราะคลีนซิ่งตัวนี้มีความสามารถในการขำระล้างทำความสะอาดหิวตา และริมฝีปากได้เป็นอย่างดี สูตรอ่อนโยนเหมาะสำหรับแม้บริเวณรอบดวงตาที่ระคายเคืองง่าย


5. สุดยอดของ CLEANSING FOAM

ถึงแม้ว่าจะล้างเครื่องสำอางออกไปหมดแล้ว แต่หากลืมล้างหน้าอีกรอบละก็ยังไงก็เป็นสิวแน่นอน ซึ่งควรใช้คลีนซิ่งโฟมปิดท้ายเพื่อทำความสะอาดผิวหน้า

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

สำหรับตัวแรกที่แนะนำก็คือ Senka Perfect Whip Foam แบรนด์ดังจากญี่ปุ่น ที่เป็นเนื้อวิปโฟม ช่วยล้างหน้าได้สะอาดมากๆ ยังสามารถสร้างความฟินได้อีกด้วย มีเนื้อนุ่มฟองละมุนต่อผิวหน้า เพราะฟองวิบโฟมมีความนุ่มมาก และยังมีส่วนผสมที่ทำให้หน้าไม่แห้งตึงอีกด้วย รวมทั้งช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยล่ะ

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

อีกแบรนด์จากญี่ปุ่นเช่นกัน SHISEIDO Clarifying Cleansing Foam โฟมล้างหน้าทำความสะอาดสูตรพิเศษนี้ประกอบด้วย Micro White Powder และ White Clay ที่สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยโฟมที่นุ่มช่วยขจัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ มลพิษและสารออกซิไดซ์ที่เป็นสาเหตุแห่งริ้วรอยแห่งวัย ทำให้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

การทำความสะอาดของใบหน้าคือสุดยอดของการดูแลและเป็นกุญแจไขความงามที่ผู้หญิงทุกคนรู้กันดี นอกจากขั้นตอนในการล้างหน้ากันด้วยโฟมล้างหน้าแล้ว อีกผลิตภัณฑ์ที่ขาดเสียไม่ได้เลยก็คือ คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง นั่นเอง ตัวช่วยที่จะทำให้ใบหน้ามีผิวที่สะอาดล้ำลึก และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคลีนซิ่งที่เรานำมาแนะนำ ใครชอบแบรนด์ไหนก็ไปหาซื้อใช้กันได้


5 ขั้นตอนในการใช้ล้างหน้าที่ถูกต้อง

คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง

นอกจากการเลือกใช้ คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง แล้ว ผิวหน้าเป็นเรื่องที่ควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการแต่งหน้าไปจนถึงขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกต้อง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผิวหน้าของเราอาจจะพัง แพ้ง่าย เกิดสิวได้อย่างง่ายดาย วันนี้เราจะแนะนำ 5 ขั้นตอนในการใช้ล้างหน้าที่ถูกต้องฉบับง่ายๆ ให้ทุกคนรู้กัน ขั้นตอนก็มีดังนี้

  1.   เช็ดเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วย คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสําอาง
  2.   จากนั้นล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น อาจจะใช้โฟมล้างหน้าเพิ่มเพื่อล้างเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดบนใบหน้า
  3.   ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง เพื่อปิดรูขุมขนและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
  4.   เช็ดหน้าให้แห้ง
  5.   เมื่อแห้งแล้วให้บำรุงผิวหน้าตามลำดับสกินแคร์ของตัวเอง

การทำความสะอาดเครื่องสำอางนั้นสำคัญพอๆ กับการบำรุงผิวขั้นตอนอื่นๆ หากใครที่ไม่เคยใช้หรือไม่ค่อยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอาง ขอแนะนำให้รีบไปหาซื้อมาใช้กันเลย เพราะผิวหน้าที่สัมผัสกับเครื่องสำอางต้องการการทำความสะอาดที่ล้ำลึกยิ่งกว่า ฉะนั้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวให้มากที่สุด


อ้างอิง

The Importance of Cleansing : https://www.medifine.co.uk/the-importance-of-cleansing/

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็ง 7 ข้อดี ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็ง 7 ข้อดี ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็ง 7 ข้อดี ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง อากาศมันร้อนจะนั่งจะนอนก็ไม่สบายตัว และที่สำคัญอากาศแบบนี้เป็นผลร้ายผิวหน้าอย่างมาก ผิวองเราสามารถเสื่อมสภาพได้เร็ว

เพราะฉะนั้นวิธีที่ง่าย และประหยัดงบมากที่สุดในการซ่อมผิวเสียจากความร้อน คือการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็งประคบ คุณรู้หรือไม่ว่ามันมีข้อดีมาก ทำง่ายๆ ใครก็ทำได้ และมีผลลัพธ์น่าพอใจอย่างมาก — ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

ข้อดีเด่น ของการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และการใช้น้ำแข็งประคบ

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

1.ลดอาการอักเสบ

เมื่อผิวของเราเกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเกิดจาแสงแดด มลภาวะ หรือมือที่อยู่ไม่นิ่งชอบ แกะ เกา จนทำให้เกิดการอักเสบของสิว หรือผิวหน้า เราสามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ง่ายๆ นั่นคือล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือการใช้น้ำแข็งประคบ เพราะจะช่วยให้ลดอาการบวม อีกทั้งอาการอักเสบ และระคายเคือง ก็จะเบาลงอย่างรวดเร็ว

การล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

2.เลือดไหลเวียนดี

รู้หรือไม่ว่าการล้างกน้าด้วยน้ำอุ่นบ่อย เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวผด เพราะว่าความร้อนจะไปกระตุ้มต่อมไขมันให้ขับน้ำมันออกมาเยอะกว่าปกติ เพราะฉะนั้นการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือการใช้น้ำแข็งประคบจะให้ผลที่ตรงกันข้าม

นอกจากจะช่วยลดอุณหภูมิของผิวหน้าเพื่อให้ขัยน้ำมันออกมาแล้ว ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น หรือถ้าจะให้ดีก็เอาอ่างสักใบใส่น้ำกับน้ำแข็งให้เต็ม แล้วเอาหน้าลงไปแช่ รับรองว่าชื่นใจแน่นอน เราจะเห็นว่าวิธีนี้ในหนังจะทำกันบ่อย ช่วยให้ผิวกระชับได้เร็วมาก เต่งตึง และสดใสตลอดวัน

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นลดสิว

3.ลดตาบวม

การใช้น้ำแข็งประคบหน้ามีข้อดีช่วยลดอาการปวดรอบดวงตา ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุเช่น นอนดึก ร้องไห้หนัก เป็นต้น เพียงแค่เอาน้ำแข็งมาลูบบริเวณรอบตาที่บวม 10 นาที จะเห็นผลอย่างชัดเจน ตาจะค่อยยุบลงไป

น้ำเย็นล้างหน้า

4.กระชับรูขุมขน

เชื่อหรือไม่ว่าการใช้น้ำแข็งสามารถกระรูขุมขนได้ เพียงแค่นำน้ำแข็งสักก้อนมาห่อด้วยกระดาษทิชชู่ แล้วนำมาคลึงหน้าเบาๆ เพียงเท่านี้ก็คืนความสดชื่นให้ใบหน้าได้สบายๆ นอกจากจะช่วยกระชับรูขุมขน ยังช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียน และสามารถลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามวัยได้อย่างลงตัว

ใช้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

5.ช่วยให้แต่งหน้าเนียนขึ้น

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าน้ำแข็งสามารถช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว เพราะฉะนั้นก่อนจะแต่งหน้าคุณสามารถเอาน้ำแข็งมาลูบหน้าก่อน แล้วเช็ดให้แห้ง จากนั้นค่อยแต่งหน้า เครื่องสำอางอยู่ทนนานมากขึ้น และยังช่วยให้การแต่งหน้าง่ายขึ้นอีกด้วย

สูตรล้างหน้าน้ำเย็น

6.ผสมสูตรลับกับแตงกวา

เพียงแค่ใช้ของบ้านๆ อย่าง น้ำแตงกวา น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว ผสมกันให้เข้าที่จากนั้นนำไปหยดลงบนพิมพ์น้ำแข็ง นำไปแช่จนกลายเป็นน้ำแข็ง ทีนี้คุณก็จะมีน้ำแข็งสูตรพิเศษกว่าใคร ที่นำมาถูวนๆ รอยใบหน้าเพื่อช่วยให้เนียนใสในราคาประหยัด แต่คุณภาพคับจอ

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นลดหน้าไหม้

7.บรรเทาผิวไหม้แดด

อีกหนึ่งวิธีการเสกน้ำแข็งสูตรพิเศษ ที่เอาไว้ช่วยให้ใบหน้าเรียบเนียนใส วิธีเดียวกันกับข้างบนนั่นแหละ แค่เอาเจลว่านหางจระเข้มาผสมน้ำสักหน่อย แล้วนำไปแช่ให้กลายเป็นน้ำแข็ง

จากนั้นก็นำมาถูๆ ได้ตามต้องการ เพราะสรรพคุณของว่านหางจระเข้ช่วยเรื่องผิวหน้าไหม้แดดได้เป็นอย่างดี และยังถนอมผิวได้ครอบจักนวาล

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. https://women.kapook.com/view144957.html

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ สิวหายจริงไหม ไขข้อข้องใจ

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ สิวหายจริงไหม ไขข้อข้องใจ

วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ สิวหายจริงไหม ไขข้อข้องใจ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันเนื่องจากมีหลายคนถามกันเข้ามาเยอะมาก เพราะว่าเห็นเพื่อนสาวหลายคนที่นิยมใช้น้ำเกลือล้างหน้า เพราะเชื่อว่าสามารถรักษาสิวได้ แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร รักษาสิวได้จริงไหม ในนี้มีคำตอบ

อย่างแรกให้มาดูที่น้ำเกลือกันนะ เพราะว่าน้ำเกลือที่เรากำลังจะพูดถึงงไม่ใช่น้ำเกลือทั่วไปที่เรารู้จัก แต่คือน้ำเกลือ นอร์มอล ซาลิน โซลูชั่น หรือที่เรียกกันว่า ไอโซโทนิค โซเดียมคลอไรด์ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว มีความเข้มข้น 0.9% คือมีเกลือเพียง 0.9 % เท่านั้น — ล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ

ล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ

น้ำเกลือ นอร์มอล ซาลิน โซลูชั่น ทำอะไรได้ ?

อย่างที่หลายคนรู้น้ำเกลือประเภทนี้นิยมใช้ล้างแผล หรือเอาไว้ล้าง คอนแทคเลนส์ เพราะว่าบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรคต่างๆ และมีความหนาแน่นใกล้เคียงกับของเหลวที่อยู่ในร่างกายของเรา จึงไม่เกิดการต่อต้าน ด้วยความสะอาดกว่าน้ำทั่วไป เราสามารถนำมาล้างหน้าได้ และแน่นอนว่าจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งสิ้น

น้ำเกลือล้างหน้า

แล้วมันใช้รักษาสิวได้จริงหรือ?

น้ำเกลือ นอร์มอล ซาลิน โซลูชั่น ที่เห็นสาวๆ นิยมใช้กันนั้น มันสามารถช่วยลดอาการติดเชื้อได้ แต่ก็ไม่มีสามารถฆ่าเชื้อต่างๆ ได้ อย่างที่เรารู้สึกตอนที่ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ เราจะไม่แสบ เพราะฉะนั้นแล้วแน่นอนว่ามันไม่สามารถรักษาสิวได้ในทางตรง

แต่ว่าในทางอ้อมนั้นสามารถนำมาทำความสะอาดใบหน้าได้ดี โดยเฉพาะคนที่แพ้น้ำประปา ทำให้ผิวหน้าลดการระคายเคือง สะอาด ลดการติดเชื้อ และสมานแผลได้เร็วกว่าปกติ ก็ถือว่ามีข้อดีสำหรับคนที่เป็นสิวถึงจะไม่ใช่ทางตรงก็เถอะ

การล้างหน้าด้วยน้ำเกลือ

ข้อแนะนำ การใช้นำเกลือน้ำเกลือล้างหน้านั้นสามารถทำเองได้ แต่ว่าเมื่อเปิดใช้งานแล้ว ควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน ถ้าเกิน 1 เดือนไปแล้วให้ทิ้งได้เลย เพราะว่าในน้ำเกลือนั้นอาจมีเชื้อโรคเข้าไปอยู่

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. https://www.sanook.com/health/2299/

วิธีลดเหนียงใต้คาง 10 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว

วิธีลดเหนียงใต้คาง 10 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว

วิธีลดเหนียงใต้คาง 10 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว เราไม่ได้อ้วนเลยนะ แต่ทำไม่เราต้องมีเหนียงใต้คางด้วย T-T ถ่ายรูปทีไรอยากจะร้องไห้ มันกลมไปทั้งหน้าเลย ทำยังไงดี Help me pleasa !!!
เหนียงใต้คาง สาเหตุการเกิดจาก…

ไขมันตัวร้ายที่เริ่มสะสมกันมากขึ้นเมื่อเราอายุได้ 30 มันจะอยู่ที่บริเวณใต้คางทำให้เราคางของเรา คล้ายคางหมู ยิ่งเราปล่อยตัวเรื่องการกิน แลไม่ออกกำลังมากเท่าไหร่คางหมูจะยิ่งได้ใจ สะสมไขมันจนทำให้กลายเป็นเหนียง 3 ชั้น เราเลยต้องเรียนรู้วิธีแก้ไข — วิธีลดเหนียงใต้คาง

วิธีลดเหนียงใต้คาง 25 วิธี เด็ด ระเบิดพลัง เอาจริงได้แล้ว

ออกกำลังกายลดเหนียง

1.ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายได้ผลดีกับร่างกายทุกสัดส่วน สลายไขมันส่วนเกิน ลดเหนียงได้คางอย่างได้ผลแบบธรรมชาติ เพิ่มความกระชับเต่งตึง ลดน้ำหนักตัว แต่ว่าใครที่ออกกำลังกายแล้วเหนียงใต้คางไม่หาย

ขอแนะนำให้ออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่นอยากได้ต้นขาก็ไปวิ่ง อยากได้กล้ามท้องก็ซิทอัพ และใครอยากลดเหนียงใต้คางก็ บริหารบริเวณคอ เช่น เคี้ยวหมากฝรั่ง แต่หลายคนไม่ค่อยชอบทำเพราะว่าเสียบุคลิก และทำมากกรามจะใหญ่ 555

ไข่ขาวลดเหนียง

2.ไข่ขาวช่วยได้

ไข่ขาวช่วยได้ ใช้เฉพาะไข่ขาวอย่างเดียว นำมาทาบริเวณใต้คาง นวดๆ วนไปถึงกกหู แล้วดันคางค้างไว้ประมาณ 15 นาที อาจจะเมื่อยสักหน่อย จากนั้นล้างออก ให้ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

โบทอกซ์ลดเหนียง

3.โบทอกซ์

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความนิยมของการลดเหนียงใต้คาง เพราะว่าได้ผลเร็วมาก โดยใช้วิธีเดียวกันกับฉีดโบทอกซ์ลิฟต์หน้า แต่เฉพาะสำหรับคนที่มีเหนียงไม่มากนัก การฉีดโบทอกซ์สลายไขมันใต้คาง คือการลดเซลลูไลต์ส่วนเกินเฉพาะที่ ตัวยาจะเข้าไปสลายไขมัน ต้องทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำ 2-3 ถึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน

ร้อยไหมลดเหนียง

4.ร้อยไหมลดเหนียง

อีกวิธีหนึ่งของการศัลยกรรมที่ได้ผลไว เห็นผลชัดเจน นั่นคือการ ร้อยไหมลดเหนียงใต้คางโดยการใช้เข็มที่มีเส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง เก็บคาง กระชับร่องแก้ม ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมาก ไม่มีผลข้างเคียง ไหมจะละลายไปเอง ช่วยดึงผิวขึ้นตามแนว

ดูดไขมันใต้คาง

5.ดูดไขมันใต้คาง

การดูดสลายไขมัน เพื่อให้ไขมันเกิดการแตกตัวจึงสามารถดูดออกมาได้โดยง่าย ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อ เห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัดเจน อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงสักหน่อย ประมาณ 3 หมื่นบาท ต่อครั้ง

เทอร์มาจลดเหนียง

6.เทอร์มาจ

เทอร์มาจ คือหลักการสลายไขมันใต้คางโดยใช้ คลื่นวิทยุ (RF) เพื่อให้ผิวหนังหดตัว กระชับ โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดให้ตกยางออก ไม่มีแผลเป็น และที่สำคัญทำครั้งเดียวเห็นผลได้เลย เลยเป็นที่นิยมอย่างมาก

แต่เมื่อเป็นวิธีที่ดีงามขนาดนี้ ราคามันก็เลยสูงตาม เพราะว่าค่าใช้จ่ายต่อ 1 ครั้งสูงถึง 5 หมื่นบาท เป็นอย่างน้อย อยากดูดีก็ต้องลงทุนกันหน่อย

ท่าบริหารลดเหนียง

7.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 1

ตั้งศีรษะให้ตรง จากนั้นเงยหน้าจนสุด จะรู้สึกว่าบริเวณลำคอจะมีความตรง แล้วนับ 1 – 5 แล้วก็ก้มลงให้ต่ำสุด เกร็งคอไว้แล้วนับ 1 – 15 ทำแบบนี้ทุกวัน 15 – 20 รอบ จะช่วยลดไขมันใต้คางได้ดี

8.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 2

ก้มจนคางชิดลำคอเกร็งไว้ แล้วหันเอาคางไปชิดทางขวา เกร็งไว้ จากนั้นก็เอาคางไปชิดด้านซ้ายเกร็งไว้ ทำแบบนี้เรียกว่า 1 รอบ ทำอย่างน้อย 20 รอบ วันละ 3 ครั้ง

9.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 3

หมุนคอช้า เริ่มจากตั้งหน้าตรง หันขวาช้าๆ กลับมาหน้าตรงแล้วหันซ้ายช้าๆแล้วกลับมาหน้าตรง จากนั้นหมุนคอช้าๆ หมุนวนไปมา ทั้งจากทางซ้าย และขวา ทำแบบนี้วันละ 15 รอบ

10.ท่าบริหารลดเหนียง วิธีที่ 4

ยืนในท่าที่สบายที่สุด เงยหน้าขึ้นจนรู้สึกตึงที่คอ จากนั้นยกริมฝีผากล่างมางับที่ริมฝีปากบน เกร็งค้างไว้ 10 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้นอีกครั้ง ทำแบบนี้วันละ 10-30 ครั้ง แบ่งเป็นเซ็ต เซ็ตละ 3 รอบต่อวัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. https://medthai.com/วิธีลดเหนียงใต้คาง/

โรงงานผลิตเครื่องสำอาง 9 แห่ง สร้างแบรนด์ของตัวเองในราคาประหยัด

โรงงานผลิตเครื่องสำอาง 9 แห่ง สร้างแบรนด์ของตัวเองในราคาประหยัด

โรงงานผลิตเครื่องสำอาง 9 แห่ง สร้างแบรนด์ของตัวเองในราคาประหยัด ธุรกิจการขายสินค้าเครื่องสำอาง และสุขภาพ กลายเป็นสิ่งที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะการขายผ่านทางโซเชียลมีเดีย

วันนี้หลายคนหันมาจับเป็นอาชีพหลัก และหลายคนกำลังมองหาช่องทาง เพื่อจะสร้างสินค้าของตัวเอง วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ 9 โรงงานรับจ้างผลิตเครื่องสำอาง ใครที่อยากมีสินค้าเป็นแบรนด์ของตัวเอง อย่าพลาด !!!

โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง

1 . โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง Cuzzutic Co.,Ltd.

Cuzzutic โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานนัก แต่ว่ามีคนให้ความสนใจเยอะมาก เนื่องจากราคาต้นทุนที่ต่ำ เราสามารถสร้างสินค้าของตัวเองได้ในราคาเบาๆ Cuzzutic รับผลิตเครื่องสำอาง และสิค้าความงามทุกประเภท ด้วยการดีไซน์ที่โดดเด่น เจาะกลุ่มตลาดเป้าหมายได้อย่างตรงจุด สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่

www.cuzzutic.com
โทร 061-636-5479
Line @cuzzutic

ผลิตเครื่องสำอาง เกาหลี

2 . ผลิตเครื่องสำอาง Revomed Co.,Ltd.

Revomed โรงงานรับผลิตเครื่องสำอางอีกนึ่งโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่คุณไม่ต้องทุนมากนัก ผลิตได้ทุกเกรดทั้งเกรดพรีเมี่ยม และระดับที่ต่ำลงไปไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ลิปสติก แป้งพัฟ โฟมล้างหน้า ฯลฯ และเป็นอีกหนึ่งโรงงานที่มีคอนเนคชั่นที่ดีกับโรงงานที่เกาหลี ให้ทำแนะนำทุกอย่างที่เกี่ยวกับสร้างแบรนด์ของตัวเอง

www.revomed.co.th
Line : @revomed
โทร 061-662-4242, 02-101-2790

โรงงานเครื่องสำอาง

3 . โรงงานเครื่องสำอาง Bioticon Co.,Ltd.

โรงงานเครื่องสำอาง Bioticon ไม่ได้เพียงแค่เป็นผู้ให้บริการผลิตเครื่องสำอางเท่านั้น แต่ว่ารับผลิตสินค้าสุขภาพ และความงามทุกประเภท ตั้งแต่ขนาดเล็ด ไปจนถึงขนาดใหญ่ และมั่นใจได้ว่าวัตถุของคุณจะมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม เนื่องจากมีคอนเนคชั่นกับโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่เกาหลี พร้อมดูแลหลังการขาย ในเรื่องของช่องทางการตลาด และการประชาสัมพันธ์

http://bioticon.com
Line : @bioticon
โทร 064-951-5629 , 091-745-9021

ผลิตเครื่องสำอาง

4 .โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Shalom Cosmetica (Thailand) Co.,Ltd.

Shalom Cosmetica มีทีมนักวิทยาศาสตร์ และนักเคมีที่เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เป็นพิเศษ ได้รับมาตรฐาน GMP , FDA, และ HALAL รับผลิตทั้ง ครีม โลชั่น ทั้งผิวหน้า คิดค้นและพัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นลิปสติก แป้งพัฟ อายไลเนอร์คุณภาพดี ทางบริษัทก็พร้อมพัฒนาเพื่อให้สินค้าของคุณแตกต่าง และสรรหาแต่วัตถุดิบชั้นเลิศ พร้อมจัดหาสถานที่ประชาสัมพัธ์ ออกบูท หรือรันคิวการจัดให้อย่างครบครัน

www.shalom-cosmetica.com
Line : @shalomcosmetica
โทร 090-9939011 , 02-525-9838

ผลิตเครื่องสำอางราคาถูก

5 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Herbal Majestic Co.,Ltd.

Herbal Majestic ปลอดภัย ไว้วางใจได้ 100 % ด้วยมาตรฐานระดับสากล คุณสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าของตัวเองได้ในราคาต่ำ มีโปรโมชั่นผ่อน 0%ดูแลแบบครบวงจร ด้วยผู้เชี่ยวชาญทั้งจากนักเคมี นักเวชสำอาง และทีมงานการตลาดที่คัดมาพิเศษ

www.herbalmajestic.com
โทร 099-232-4295 , 02-047-9265
Line : @herbalmajestic

โรงงานผลิตเครื่องสำอางไทย

6 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Kovic Kate International Thailand

Kovic เด่นเป็นพิเศษในเรื่องการผลิตเครื่องสำอางที่เกี่ยวกับการดูแลผิว และใบหน้า รับผลิตอาหาร คอลลาเจน พร้อมการประชาสัมพันธ์ได้ที่จะช่วยให้คุณเปิดได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังให้บริการจัดทำ อย. ดีไซน์กล่อง ออกบูธอีเว้นท์ การตลาดออนไลน์ ทำให้คุณสามารถกระจายสินค้า และติดตลาดได้อย่างรวดเร็ว

www.kovic.co.th
Line : @kovic
โทร 02 521-7888-9

ทัวร์โรงงานเกาหลี

7 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Pathawin

Pathawin โดเดน่นในเรื่องการผลิตเครื่องสำอางประเภทครีม Facial Care , Body Care ได้การรับรองจากมาตรฐานสากล ISO 9001 : 2008 ASEAN GMP และ ปลอดภัย มีคุณภาพสูง คัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ทั้งหมดนี้คุณจะได้รับในราคาที่ประหยัดมาก

www.pathawin.com
โทร 02 – 593 – 1637

รับผลิตเครื่องสำอางที่ดีที่สุด

8 . โรงงานผลิตเครื่องสำอาง Skin Innovations Co.,Ltd.

Skin Innovations Co.,Ltd. รับผลิตเครื่องสำอางตั้งแต่ เท้า จรดปลายเส้นผม ครบทุกประเภท ผิวแขน ผิวขา ผิวกาย เครื่องสำอางกันน้ำ มีมาตรฐานรองรับทั้ง Good Manufacturing Practice และHalal พร้อมช่วยพัฒนาสูตรต่างๆ ของคุณอย่างมืออาชีพ ด้วยราคาต่ำ ออกแบบบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยม เว็บไซต์ การประชาสัมพันธ์ครบทุกช่องทาง

www.skin-innovations.co.th
โทร 094-558-9559
Line : @skininnovations

บริษัทผลิตเครื่องสำอาง

9 . บริษัทผลิตเครื่องสำอาง COSMAPROF

บริษัทผลิตเครื่องสำอาง COSMAPROF อีกหนึ่งโรงงานผิตเครื่องสำอางที่โดดเด่นในเรื่องการผลิตครีมโดยเฉพาะ แต่ว่ายังรับผลิตอาหารเสริม และสินค้าสุขภาพ ความงามในหมวดอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าคุณต้องการสินค้าแบบไหน อยากได้แบรนด์ที่มีลักษณะอย่างไร COSMAPROF สามารถจัดทำให้คุณได้ตามต้องการ รวดเร็ว และมีราคาประหยัดมาก

www.cosmaprof.co.th
โทร 02 – 735 – 3311


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  1. โรงงานผลิตครีม แนะนำ 10 โรงงานที่ดีที่สุด พร้อมสร้างแบรนด์ครีมให้ปัง. https://brannova.com/โรงงานผลิตครีม/

7 แบรนด์ แปรงแต่งหน้า ยอดนิยม แปรงแต่งหน้าถูกและดี

แบรนด์ แปรงแต่งหน้า ยอดนิยม ถูกและดีมีอยู่จริง!

แปรงแต่งหน้า 7 แบรนด์ ยอดนิยม ถูกและดี มีอยู่จริง! แปรงแต่งหน้าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ใบหน้าของเราดูสวยงามยิ่งขึ้น แต่ใครที่กำลังใช้แปรงเก่าๆ ขนแข็งๆ อยู่ละก็ให้รีบเปลี่ยนซะโดยเร็ว เพราะนอกจากจะข่วนหน้าแล้วยังทำให้แปรงไม่เรียบเนียนอีกด้วย วันนี้จึงมี 7 แบรนด์แปรงแต่งหน้ายอดนิยม มาให้ทุกคนได้เลือกใช้กัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูเลย

อัพเดท 7 ยี่ห้อ แปรงแต่งหน้า ถูกและดี ราคาไม่แพง

  1. แปรงแต่งหน้า MAC

แปรงแต่งหน้า MAC

MAC นี่คือหนึ่งในสุดยอดแบรนด์ที่โดดเด่น ในเรื่องของแปรงแต่งหน้า ที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนาอยากได้มาครอบครองสุด ๆ เพราะแปรงของ MAC เต็มไปด้วยคุณภาพ แถมยังมีหัวแปรงให้เลือกหลากหลายขนาด แถมขนแปรงก็นุ่มนวล ไม่บาดหน้า ใช้คู่กับเครื่องสำอางแบรนด์ไทยคุณภาพดีได้สบาย แต่ก็ต้องทำใจเรื่องราคานิดนึง เพราะราคาสูงมาก แต่ถ้าทุนถึงละก็ ถือว่าสอยได้สบายๆ เลย

  1. Zoeva

มากับแบรนด์ที่เป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลายๆ คนแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่ทำแปรงออกมาได้ดี และมีราคาที่ไม่แพงมากอีกด้วย โดยแปรงแต่งหน้าของแบรนด์นี้ มีความโดดเด่นตรงที่ สร้างดีไซน์ได้เรียบหรู ดูแพงมาก ขนแปรงมีความนุ่มละมุน และยังมีให้เลือกซื้อเลือกใช้กันหลากหลายแบบ ใครเงินถึง จะจัดทั้งเซ็ทเลย ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ

  1. Sigma

แปรงแต่งหน้าถูกและดี

ว่ากันว่าแปรงแบรนด์นี้ เป็นฝาแฝดเดียวกันกับแปรง MAC เพราะมีหลายๆ ตัวที่ทำออกมาคล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเหมือนไปซะทุกอย่าง ซึ่งแบรนด์นี้มีขนแปรงที่นุ่มนิ่ม ไม่บาดหน้า สามารถจิกสีเครื่องสำอางออกมาได้ดี และเมื่อใช้กับใบหน้าแล้ว จะทำให้สีใบหน้าดูนวลเนียนใช้ทาคู่กับรองพื้นปกปิดดีเยี่ยม ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแบรนด์นี้ก็มีราคาที่ไม่ทำร้ายเงินในกระเป๋าอีกด้วย มีคนเคยพูดขำๆ ว่า ถ้าซื้อตัวนี้ครบเซ็ต ก็ซื้อของ MAC ได้แค่ 2 -3 ตัวแค่นั้น

  1. Real Technique

นี่คือแปรงแต่งหน้า ที่เป็นที่ฮอตฮิตมากแบรนด์หนึ่งของวงการเลยก็ว่าได้ เพราะมีราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าเงินมากๆ แต่ก็ยังคงคุณภาพ ที่สามารถไปเทียบชั้นกับแปรงราคาแพงๆ ได้สบายเลย คือมีขนแปรงนุ่ม ไม่บาดหน้า แตะเครื่องสำอางแล้วสีติดมาที่แปรงดีมาก แถมยังมีให้เลือกซื้อมากมาย หลากหลายรูปแบบ

  1. Ecotools

ใครเป็นชาวอนุรักษ์บ้าง บอกเลยว่าเหมาะกับแปรงตัวนี้มาก เพราะเป็นแปรงแต่งหน้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสุดๆ และที่สามารถครองใจสาวๆ ได้ ก็เพราะยังเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าสตางค์อีกด้วย โดยแปรงแบรนด์นี้มีคุณภาพขนแปรงที่ดี ขนนุ่มนิ่ม ปาดผิวได้เรียบเนียนมาก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือด้ามจะเป็นไม้สีอ่อน ทำให้ดูสะอาดตาและน่าใช้มาก

  1. l.f.

แปรงแต่งหน้า 2017

อย่างที่รู้กันว่า e.l.f. เป็นแบรนด์เครื่องสำอางทั่วไป แต่วันนี้จะมาเจาะที่แปรงของแบรนด์นี้ ซึ่งบอกได้เลยว่ามีคุณภาพแปรงที่ดีงามมาก ถึงกับต้องบอกต่อแน่นอน และที่สำคัญคือมีราคาที่ไม่แพง และถ้าซื้อครบเซ็ทก็จะให้ขนแปรงที่คุณภาพมาให้เลย ใครที่ชื่นชอบแปรงคุณภาพดี ราคาประหยัดละก็แบรนด์นี้ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับอุปกรณ์เครื่องสำอางที่ควรมีที่ดีงามมากเลยทีเดียว

  1. Mei Linda

มากับแปรงแบรนด์ไทยที่ใครๆ ก็ชอบ เพราะว่าให้ความสมูทที่ผิวหน้าได้ดี และที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ มีราคาที่ไม่แพง ทำให้สาวไทยจับต้องได้มากขึ้น และนี่ก็เป็นส่วนทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนแบรนด์คนไทยให้ก้าวไกลไปถึงต่างแดน


ในโลกที่เต็มไปด้วยแบรนด์แปรงแต่งหน้ามากมาย การเลือกซื้อแปรงที่เหมาะสมสำหรับคุณอาจจะเป็นภารกิจที่ยากลำบาก เนื่องจากต้องคำนึงถึงคุณภาพ ราคา และความเหมาะสมกับความต้องการของคุณเอง ในบทความนี้เแอดมินก็ได้รวบรวม 7 แบรนด์แปรงแต่งหน้ายอดนิยมที่ให้คุณภาพที่ดีและมีราคาที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้คุณทำการเลือกซื้ออย่างมั่นใจและพบกับผลลัพธ์ที่น่าพอใจกับการแต่งหน้าของคุณมาแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยช์อย่างยิ่งสำหรับสาวๆ หลายๆ คน


อ้างอิง:

7 แบรนด์แปรงแต่งหน้าใช้ดี ช่วยเนรมิตเมกอัพสวย ขนนุ่มละเอียดไม่บาดผิวหน้า. https://www.vogue.co.th/beauty/make-up-brush

7 ครีมทาหน้าผู้ชาย ครีมบำรุงผิวหน้ายอดนิยมสำหรับผู้ชาย

ครีมทาหน้าผู้ชาย ครีมบำรุงผิวหน้ายอดนิยมสำหรับผู้ชาย

7 ครีมทาหน้าผู้ชาย ครีมบำรุงผิวหน้ายอดนิยมสำหรับผู้ชาย  สำหรับผู้ชายการดูแลผิวหน้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สมัยนี้ผู้ชายนิยมดูแลผิวหน้ากันเยอะมาก และการเลือกครีมรักษาสิวมีประสิทธิภาพสูงนั้นในท้องตลาดก็มีมากมายหลายยี่ห้อ และในวันนี้เราขอเสนอ 7 ครีมบำรุงผิวหน้ายอดนิยมสำหรับผู้ชาย รับรองว่า ทั้ง 7 ผลิตภัณฑ์ที่เราได้นำเสนอในบทความนี้ จะต้องมีสักตัวหนึ่งที่ท่านชื่นชอบแน่นอน

ครีมทาหน้าผู้ชาย

7 . Garnier Men Charcoal Black Foam

โฟมล้างหน้ายอดนิยมจาก Garnier มาใหม่ในเนื้อโฟมสีดำ เพราะส่วนผสมของชาร์โคล ช่วยลดความมันของผิวหน้า และยังมีสารจากมะนาวที่ช่วยปรับสภาพผิว ขจัดเซลล์ผิวเก่า ให้ใบหน้าสดใส สะอาดหมดจด และช่วยลดจุดด่างดำ ราคา 125 บาท สำหรับขนาด 100 มิลลิลิตร

6 . Artistry Men Balancing Hydrator

โทนเนอร์ จาก Artistry อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยขจัดคราบสกปรกจากมลภาวะอย่างล้ำลึก ลดความมัน ทำให้ผมชุ่มชื้น และยังยกกระชับให้ผิวเต่งตึง ราคา 1,325 บาท สำหรับขนาด 150 มิลลิลิตร

5 . L’Oreal BB Men Instant Skin Fixer

เจลบำรุงผิวหน้า จาก L’Oreal สินค้ายอดฮิตสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องจุดด่างดำ รอยสิว ผิวกระจ่างใส ฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอ ราคา 249 บาท สำหรับขนาด 50 มิลลิลิตร

4 . Kiehl’s Facial Fuel Daily UV Guard SPF 50

โลชั่นกันแดดเนื้อ จาก Kiehl’s เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีส่วนผสมของน้ำหอม ช่วยให้คุณแลดูมีเสน่ห์มากขึ้น พร้อมทั้งป้องกันแสงแดดได้ตลอดทั้งวัน และบำรุงผิวด้วย วิตามินซี และวิตามินอี จัดว่าเป็นครีมกันแดดยอดนิยม ที่ช่วยให้ใบหน้าของคุณจะไม่มันตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน ราคา 1,300 บาท สำหรับขนาด 50 มิลลิลิตร

3 . Biotherm Homme Force Supreme Cleanser จาก Biotherm

คลีนเซอร์ จาก Biotherm ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรก และช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้ใบหน้าสดใสตลอดเวลา พร้อมสารสกัดจากหน่อสนซีดาร์ ทำให้กระตุ้นกระบวนการสร้างผิวใหม่ ฟื้นฟู ริ้วรอย หรือหลุมลึกที่เกิดการสึกหรอ ราคา 1,500 บาท สำหรับขนาด 125 มิลลิลิตร

2 . Lab Series Pro LS All-in-one Face Treatment จาก Lab Series

มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้า จาก Lab Series ฟื้นฟูสภาพผิวให้และดูเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ได้หลังโกนหนวด ริ้วรอย และรอยดำแลดูจางลง กระชับรูขุมขนอย่างล้ำลึก ราคา 1,300 บาท สำหรับขนาด 50 มิลลิลิตร

หมดปัญหาสำหรับการเลือกครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผู้ชายทุกท่าน กับสินค้าครีมบำรุงผิวหน้ายอดนิยมทั้ง 7 รายการที่เราได้นำมาเสนอในวันนี้ ติดตามบทความจัดอับครีมบำรุงผิวยอดนิยมได้ใหม่ในบทความต่อไป

ครีมทาหน้าผู้ชาย

1 . Nivea Men 3D Instant Effect Serum

ครีมทาหน้าผู้ชาย อันดับหนึ่งในครีมบำรุงผิวหน้ายอดนิยมจาก Nivea สำหรับผิวที่บอบบาง อุดมไปด้วยสาร โคเอนไซม์ Q10 เพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า ริ้วรอยเลือนหาย รูขมขนแลดูกระชับลง ปรับความสมดุลให้ดูอ่อนเยาว์ ราคา 490 บาท สำหรับขนาด 50 มิลลิลิตร แต่นอกจากครีมทาหน้าดีๆ แล้วก็อย่าลืมเลือกครีมโกนหนวดยี่ห้อดี ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้ใบหน้าของคุณดูเรียบเนียนไม่แพ้สาวๆ เลย

อ้างอิง:

แนะนำ 8 ครีมทาหน้าสำหรับผู้ชาย เพื่อผิวเกลี้ยงเกลา เคลียร์ใสสุขภาพดี. https://vogue.co.th/beauty/skin-care-face-moisturizer-for-men

7 ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผู้ชาย ช่วยดูแลหน้าให้เคลียร์ใส และเพิ่มความชุ่มชื้นในขั้นตอนเดียว. https://www.gqthailand.com/style/article/face-moisturizers-for-men

ครีมไข่มุก จากประเทศจีน มีประโยชน์อย่างไร

ครีมไข่มุกดีจริงหรือไม่

ครีมไข่มุกดีจริงหรือไม่ : ตลาดในบ้านเราตอนนี้มีเครื่องสำอางและครีมหน้าขาวหลากหลายประเภทและหลายชนิดให้เลือกใช้กัน และผลิตภัณฑ์ครีมหน้าขาวที่ถูกพูดต่อๆ กันมาว่ามีสรรพคุณที่ช่วยทำให้หน้าขาวนุ่มเนียนใสอย่าง “ครีมไข่มุก” ก็เป็นหนึ่งในเครื่องสำอางครีมหน้าขาวยอดนิยมที่ใช้แล้วเห็นผลทันตา มีการออกมารีวิวและแนะนำกันอย่างมากมายในโลกออนไลน์ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักในส่วนของครีมหน้าขาวไข่มุกกันว่า จะเป็นเหมือนที่บอกต่อๆ กันมาหรือไม่


ครีมไข่มุกคืออะไร

ต้นกำเนิดครีมไข่มุกมาจากประเทศจีน ที่เป็นศูนย์รวมสินค้าทุกอย่าง ซึ่งอาจมีคนที่เคยไปเที่ยวประเทศจีน แล้วได้ซื้อครีมไข่มุกติดมือกลับมาด้วย ก็ไม่แปลกอะไร เพราะรัฐบาลจีนได้สนับสนุนให้ครีมไข่มุกเป็นสินค้าโปรโมทระดับประเทศ ซึ่งไข่มุกเกิดมาจากกระบวนการการทำงานทางร่างกายของหอยกาบ ซึ่งเราจะพบไข่มุกได้ในหอยตระกูลหอยกาบ ไม่ว่าจะเป็นหอยที่อยู่ในน้ำจืดหรือหอยในน้ำเค็ม ซึ่งการเกิดไข่มุกก็คือ กระบวนการการทำงานที่หอยกาบกระทำสนองต่อสิ่งรบกวน เช่น เศษกรวด ดินทราย ละอองละเอียดเล็ก ที่แทรกตัวเข้าไปจนทำให้ตัวหอยเกิดอาการระคายเคือง จากนั้นหอยจึงหลั่งสารที่เป็นแคลเซียม ซึ่งเรียกว่า มุก เพื่อนำมาเคลือบเศษกรวดหรือเศษละอองเล็กๆเหล่านั้น หลังจากนั้นมุกก้อนเล็กก็กลายเป็นมุกก้อนใหญ่

แต่ถ้าหากเศษก้อนกรวดที่พัดเข้าไปในกาบหอยนั้น มีเป็นเศษก้อนกรวดที่ไม่มีความบริสุทธิ์ อาจจะเป็นเศษมูลสัตว์ เศษเหล็ก เศษดิน หรือวัตถุต่างๆที่ไม่ใช่ก้อนกรวดก็จะทำให้ในกาบหอยนั้นไม่ปล่อยมุกออกมาและอาจจะส่งผลอื่นๆให้หอยได้

ส่วนประกอบของไข่มุกจะอุดมไปด้วยสารแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งมีมากกว่าร้อยละ 90 สารออแกนิกร้อยละ 5 ส่วนนอกจากนั้นก็เป็นน้ำทั้งหมด โดยไข่มุกส่วนใหญ่จะมีอายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ซึ่งนานกว่าที่จะย่อยสลายหายไปตามธรรมชาติ โดยไข่มุกแท้บริสุทธิ์จะมีความทนทานต่อกรดและด่างได้ดี และยังทนความร้อนและทนความชื้น แถมไข่มุกนอกจากจะนำมาสกัดเป็นครีมไข่มุกได้แล้ว ไข่มุกยังสามารถรับประทานเพื่อเสริมแคลเซียมได้ด้วย แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปอีกเช่นกัน


ประโยชน์จากครีมไข่มุกสกัด

1.ส่วนประกอบในไข่มุกจะช่วยรักษาอาการผิวหนังอักเสบ

2.ครีมไข่มุกจะช่วยลดกระบวนการขั้นตอนการเสื่อมของเซลล์ในผิวหนัง โดยจะช่วยรักษาระดับของความชุ่มชื่นในผิวและช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ

3.ครีมไข่มุกช่วยในการชะลอริ้วรอยย่นเหี่ยวของผิว

4.ช่วยในการป้องกันรังสียูวี

5.ช่วยกระชับผิวหน้าให้เต่งตึง

6.ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนบริเวณใต้ผิวหนัง และยังทำให้บาดแผลหายไวขึ้น ทำให้รอยแผลเป็นดูจางลงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ครีมไข่มุกหน้าใส

จะเห็นว่า ครีมไข่มุก เป็นครีมใช้ได้ดี เห็นผลเร็วทันตา จึงมีการบอกต่อกันเป็นทอดๆ ทำให้กลายเป็นครีมหน้าขาวยอดนิยมในไม่นาน แต่ก็ต้องระวังเพราะบางครั้งอาจจะเจอครีมไข่มุกปลอม ซึ่งมีส่วนผสมของสารปรอทที่มาจากผู้ผลิตที่จะเอาเปรียบโกงกินผู้บริโภค ดังนั้น ควรระวังให้ดีและควรเช็คให้ดีก่อนจะสั่งซื้ออะไร โดยเฉพาะถ้าซื้อจากทางอินเตอร์เน็ตแล้วก็ต้องพิจารณาดูให้รอบคอบถี่ถ้วน ทางที่ดีต้องเป็นเว็บไซต์ที่ไว้ใจได้ เปิดขายมาอย่างยาวนานและมีเครดิตที่น่าเชื่อถือ