Tag

เครื่องสำอาง

Browsing

เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย เลือกใช้แบบไหนให้ปลอดภัยกับผิว

ในโลกของความงาม การเลือก เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยปกป้องผิวจากอาการระคายเคืองหรือแพ้ที่อาจเกิดขึ้น ผิวแพ้ง่ายมักมีการตอบสนองไวต่อสารเคมีในผลิตภัณฑ์บางชนิด ซึ่งทำให้การเลือกและการใช้ผลิตภัณฑ์กลายเป็นความท้าทายสำหรับคนที่มีผิวประเภทนี้ บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับวิธีการเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมสำหรับผิวแพ้ง่าย รวมถึงเทคนิคในการอ่านฉลากส่วนผสม คำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และวิธีการทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อความมั่นใจ การดูแลที่ถูกต้องและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังจะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและปลอดภัยจากปัญหาผิวต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น


ทำความรู้จักกับ “ผิวแพ้ง่าย” คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร

ทำความรู้จักกับ ผิวแพ้ง่าย คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร

ในวงการความงาม การเข้าใจประเภทผิวของตัวเองเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก โดยเฉพาะผู้ที่มี “ผิวแพ้ง่าย” ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพราะสามารถเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ ผิวแพ้ง่ายเป็นสภาวะที่ผิวมีความบอบบาง ตอบสนองไวต่อสารต่างๆ และแสดงอาการได้หลากหลายรูปแบบ เรามาทำความรู้จักและเข้าใจผิวแพ้ง่ายให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

อาการของผิวแพ้ง่ายและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวอ่อนแอ

อาการของผิวแพ้ง่ายสามารถแสดงออกมาได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งแดง คัน ระคายเคือง หรือมีตุ่มผื่นขึ้นง่าย สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผิวอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการแพ้เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น:

  • มลภาวะและฝุ่นละออง: อนุภาคเล็กๆ ในอากาศสามารถซึมเข้าผิว ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
  • สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง: ส่วนผสมบางอย่าง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ในบางคน
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ: อากาศที่แห้งเกินไปหรือชื้นเกินไปสามารถทำให้ผิวไม่สมดุล ส่งผลให้ผิวเกิดการแพ้ได้ง่าย
  • ฮอร์โมนและความเครียด: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายรวมถึงความเครียด อาจทำให้ระบบป้องกันของผิวอ่อนแอและเสี่ยงต่อการแพ้ได้ง่ายขึ้น

การตอบสนองของผิวแพ้ง่ายต่อสารเคมีและเครื่องสำอางทั่วไป

เมื่อพูดถึงผิวแพ้ง่าย การใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะผิวประเภทนี้จะมีแนวโน้มตอบสนองต่อสารเคมีและส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ไวต่อการระคายเคือง เช่น:

  • น้ำหอม: สารเคมีในน้ำหอมมักเป็นสาเหตุอันดับแรกๆ ที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคือง
  • สารกันเสีย (พาราเบน): แม้จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ แต่ก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • แอลกอฮอล์: แม้จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมซาบเร็วขึ้น แต่แอลกอฮอล์จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดอาการระคายเคืองได้

วิธีการทดสอบเบื้องต้นว่าคุณมีผิวแพ้ง่ายหรือไม่

การทดสอบผิวแพ้ง่ายเบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เหมาะกับผิวและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้:

  1. ทดสอบที่บริเวณหลังใบหู: ทาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทดสอบบริเวณหลังใบหู ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่เกิดอาการคัน แดง หรือตุ่มผื่น แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นอาจปลอดภัยสำหรับคุณ
  2. ทดสอบที่ข้อมือ: ใช้ผลิตภัณฑ์บริเวณด้านในของข้อมือ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง และสังเกตว่าผิวมีอาการผิดปกติหรือไม่
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์ทีละน้อย: หากเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเซรั่มบำรุงผิวหรือสกินแคร์อื่นๆ ควรเริ่มต้นใช้ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อดูว่าผิวจะตอบสนองอย่างไร หากไม่มีอาการผิดปกติจึงค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น

วิธีเลือก เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย

วิธีเลือก เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ เครื่องสำอางที่ใช้ควรอ่อนโยนและไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว ในหัวข้อนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายอย่างละเอียดค่ะ

คำแนะนำในการอ่านฉลากส่วนผสม

การอ่านฉลากส่วนผสมเป็นขั้นตอนแรกที่ควรทำเมื่อเลือกซื้อเครื่องสำอาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผิวแพ้ง่าย ส่วนผสมบางชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมต่อไปนี้:

  • น้ำหอม (Fragrance/Perfume): น้ำหอมมักเป็นสาเหตุของการแพ้และระคายเคืองผิวในหลายๆ คน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมจะช่วยให้ผิวปลอดภัยมากขึ้น
  • พาราเบน (Paraben): พาราเบนเป็นสารกันเสียที่สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น Methylparaben, Propylparaben และ Butylparaben ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Paraben-Free” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
  • แอลกอฮอล์ (Alcohol): แอลกอฮอล์บางชนิด เช่น Ethyl Alcohol และ SD Alcohol อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Alcohol-Free” หรือที่ไม่มีแอลกอฮอล์รุนแรง

การหลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยให้ผิวแพ้ง่ายสามารถรักษาความสมดุลและลดโอกาสเกิดอาการระคายเคืองได้มากขึ้นค่ะ

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและไม่มีสารที่เป็นสาเหตุของการแพ้ ผลิตภัณฑ์ที่ ปราศจากน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการระคายเคืองและการแพ้ได้มาก เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น ผื่นแดง คัน หรือผิวแห้ง

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า “Fragrance-Free,” “Paraben-Free,” และ “Alcohol-Free” บนฉลากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และแนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Hypoallergenic” ซึ่งหมายความว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสก่อให้เกิดการแพ้น้อย และได้รับการออกแบบมาเพื่อผิวบอบบางโดยเฉพาะ

เน้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง (Dermatologist-Tested) จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะกับผิวแพ้ง่าย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบนี้จะได้รับการตรวจสอบว่าปลอดภัยและมีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังมักจะผ่านการควบคุมคุณภาพอย่างละเอียด ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ ได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ อย่างเช่น American Academy of Dermatology หรือ European Centre for Allergy Research Foundation (ECARF) ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกซื้อเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่าย

  • เลือกผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท: เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อาจเข้าสู่ผลิตภัณฑ์
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความชุ่มชื้น: ผิวแพ้ง่ายมักมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความชุ่มชื้นง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน
  • ทดลองผลิตภัณฑ์ก่อนใช้จริง: หากเป็นไปได้ ควรขอผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองมาใช้ก่อน โดยทดลองทาบนผิวเล็กๆ เช่น หลังใบหูหรือข้อมือ เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่

สกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายที่ต้องมีติดตัว

สกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายที่ต้องมีติดตัว

การดูแลผิวแพ้ง่ายต้องการความพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผิวประเภทนี้สามารถระคายเคืองได้ง่ายเมื่อเจอส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม เราจะมาแนะนำสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายที่ต้องมีติดตัว พร้อมคำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและดูสุขภาพดีค่ะ

คลีนเซอร์และเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน: การทำความสะอาดผิวอย่างเบามือ

คลีนเซอร์และเจลล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ง่ายควรเป็นสูตรที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน ซึ่งมักเป็นสาเหตุของอาการแพ้ ควรมองหาคลีนเซอร์ที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว (pH 5.5) เพื่อรักษาความสมดุลของผิว โดยเลือกใช้คลีนเซอร์แบบเจลหรือครีมเนื้อเบาที่ช่วยล้างความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกออกจากผิวได้โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

แนะนำ: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง กลีเซอรีน (Glycerin) และ อะโลเวร่า (Aloe Vera) ซึ่งช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคือง

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้น: เติมน้ำให้ผิวโดยไม่ก่อการแพ้

สำหรับผิวแพ้ง่าย การเติมความชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีควรช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว โดยไม่เพิ่มความมันหรือทำให้ผิวอุดตัน ควรเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา ไม่มีน้ำหอม และอุดมไปด้วยสารให้ความชุ่มชื้นที่อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย เช่น เซราไมด์ (Ceramide) ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว, ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่ช่วยกักเก็บน้ำ และ กลีเซอรีน (Glycerin) ที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น

แนะนำ: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ทำให้ผิวแห้ง ควรมองหาคำว่า “Fragrance-Free” หรือ “For Sensitive Skin” บนบรรจุภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย หรือคุณอาจลองหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อได้ที่ การเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผิวแห้ง

บำรุงผิวขั้นพื้นฐาน: เติมความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ระคายเคือง

การบำรุงผิวขั้นพื้นฐานสำหรับผิวแพ้ง่ายควรเน้นที่การให้ความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ และ โปรวิตามิน บี5 (Pro-Vitamin B5) ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว

แนะนำให้ใช้เซรั่มหรืออิมัลชั่นที่มีเนื้อบางเบา เพื่อไม่ให้ผิวรู้สึกหนักหรือเหนียวเหนอะหนะ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA สูง เนื่องจากอาจทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดการระคายเคืองได้

วิธีเลือกกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย: เลือก SPF เท่าไรและเนื้อสัมผัสแบบไหนดีที่สุด

กันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผิวแพ้ง่ายเช่นกัน เพราะสามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่ทำให้ผิวบอบบางและเกิดการแพ้ได้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้กันแดดที่:

  • มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ PA+++ เพื่อการป้องกันที่เพียงพอต่อรังสี UVA และ UVB
  • เป็นกันแดดประเภท Physical Sunscreen (Mineral Sunscreen) ที่มีส่วนผสมหลักอย่าง ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และ ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ซึ่งอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายกว่ากันแดดประเภท Chemical
  • มีเนื้อสัมผัสบางเบา เช่น แบบเจลหรือโลชั่น ซึ่งไม่ทำให้ผิวอุดตันและให้ความรู้สึกสบายเมื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หรืออาจเลือก ครีมกันแดดกันน้ำเพื่อไม่ให้น้าเหนียวเหนอะหนะ

เทคนิคการใช้ เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย ให้ปลอดภัย

เทคนิคการใช้ เครื่องสำอางผิวแพ้ง่าย ให้ปลอดภัย

ผิวแพ้ง่ายต้องการการดูแลและเอาใจใส่เป็นพิเศษ การแต่งหน้าสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายจึงต้องมีเทคนิคและวิธีการที่ช่วยลดโอกาสการเกิดการระคายเคือง โดยในหัวข้อนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคการใช้เครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายเพื่อความปลอดภัย รวมถึงการทำความสะอาดและทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างละเอียดค่ะ

วิธีการลงเครื่องสำอางโดยไม่ให้ระคายเคืองผิว

การลงเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายควรเป็นขั้นตอนที่อ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวถูกกระทบมากเกินไป เนื่องจากการถูหรือการใช้แปรงที่แข็งอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย เทคนิคที่ช่วยลดการระคายเคืองมีดังนี้:

  1. ใช้ฟองน้ำหรือแปรงขนนุ่ม: เลือกใช้ฟองน้ำเนื้อแน่นและนุ่ม หรือแปรงที่มีขนละเอียด เพื่อไม่ให้ผิวถูกกระทบหรือเสียดสีมากเกินไป
  2. ไม่กดน้ำหนักมือแรง: เมื่อแต่งหน้า ควรลงน้ำหนักมือเบาๆ และทาเครื่องสำอางอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการกดหรือถูผิวมากเกินไป
  3. ใช้ Primer ที่ช่วยลดการเสียดสี: Primer จะช่วยให้เครื่องสำอางเกาะผิวดีขึ้นโดยไม่ต้องทาหลายชั้น ลดโอกาสการระคายเคือง และยังช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น

เคล็ดลับการทำความสะอาดผิวหน้าหลังแต่งหน้าให้สะอาดและอ่อนโยน

หลังการแต่งหน้า การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะคราบเครื่องสำอางอาจทำให้ผิวระคายเคืองหากสะสมอยู่นาน ควรใช้วิธีที่อ่อนโยนเพื่อไม่ให้ผิวแห้งหรือลอกตามนี้ค่ะ:

  1. เริ่มด้วย Cleansing Oil หรือ Cleansing Water ที่อ่อนโยน: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีรุนแรง วิธีนี้จะช่วยละลายคราบเครื่องสำอางออกอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. หลีกเลี่ยงการถูผิวแรง: ขณะทำความสะอาด ควรใช้สำลีที่นุ่มและเช็ดอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการถูผิวอย่างแรงเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
  3. ใช้ Cleanser ที่อ่อนโยนล้างซ้ำ: หลังจากใช้ Cleansing Oil หรือ Cleansing Water ควรล้างหน้าด้วย Cleanser ที่อ่อนโยนเพื่อให้ผิวสะอาดหมดจดโดยไม่ทำให้ผิวแห้ง

วิธีทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่กับผิวแพ้ง่ายให้ปลอดภัยก่อนใช้จริง

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์หรือทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควรทำการทดสอบก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองบนใบหน้า วิธีทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ปลอดภัยมีดังนี้:

  1. ทดสอบบริเวณหลังใบหู: ทาผลิตภัณฑ์เล็กน้อยที่หลังใบหูและปล่อยทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแดง คัน หรือแสบผิว แสดงว่าผลิตภัณฑ์อาจเหมาะกับคุณ
  2. ทดสอบที่ข้อมือด้านใน: ใช้ผลิตภัณฑ์บริเวณข้อมือด้านใน ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการผิดปกติ ก็สามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าปลอดภัยต่อผิว

ใช้ผลิตภัณฑ์ทีละเล็กน้อยก่อน: เมื่อตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่กับใบหน้า ควรเริ่มใช้ทีละน้อยในช่วงแรก และสังเกตผิวว่ามีอาการแพ้หรือระคายเคืองหรือไม่


สรุปแล้ว การดูแลผิวแพ้ง่ายด้วยความใส่ใจและเลือกใช้เครื่องสำอางอย่างเหมาะสมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องผิวจากอาการระคายเคืองและแพ้ ด้วยการอ่านฉลากอย่างละเอียด หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจเป็นอันตราย และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง คุณจะสามารถมั่นใจได้มากขึ้นในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ การดูแลผิวอย่างถูกต้องช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวแพ้ง่ายและทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการแต่งหน้าและการดูแลผิวได้อย่างไร้กังวล


คำถามที่พบบ่อย

1. ผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมอะไรบ้างในเครื่องสำอาง?

ผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ชนิดรุนแรง เพราะสารเหล่านี้สามารถทำให้ผิวแห้ง แดง หรือเกิดอาการคันได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Fragrance-Free,” “Paraben-Free,” และ “Alcohol-Free” เพื่อความปลอดภัยต่อผิว

2. มีวิธีทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างไรให้ปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย?

การทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนใช้จริงสามารถทำได้โดยการทาผลิตภัณฑ์เล็กน้อยบริเวณหลังใบหูหรือข้อมือด้านใน ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากไม่เกิดอาการคัน แดง หรือผื่นขึ้น แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นอาจปลอดภัยสำหรับผิว

3. ผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้กันแดดแบบไหน?

ผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้กันแดดประเภท Physical Sunscreen ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เนื่องจากมีความอ่อนโยนต่อผิว และควรเลือกค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อให้ป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายควรมีลักษณะอย่างไร?

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายควรเป็นเนื้อบางเบา ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ และมีสารให้ความชุ่มชื้นที่อ่อนโยน เช่น เซราไมด์ (Ceramide) และไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง

อ้างอิง:

เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว แต่งลุคไหนก็รอด!

การเลือกลิปสติกนอกจากผู้หญิงหลายคนจะเลือกจากแพ็กเกจที่น่ารักจนสะดุดสายตาแล้ว การ ‘ เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว ’ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะต่อให้แพ็กเกจสวย น่ารัก ขนาดไหน แต่หากคุณเลือกสีลิปที่ไม่เข้ากับสีผิวของคุณก็อาจทำให้การแต่งหน้าวันนั้นดูไม่ปังหรือใบหน้าดูไม่สดใสได้ หากคุณอยากรู้ว่าแต่ละสีผิวต้องทาลิปสติกสีไหนถึงจะเข้ากับผิวและทำให้ใบหน้าดูสวย เปล่งปลั่งมากที่สุด วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณแล้ว


ทำความรู้จักกับ ‘อันเดอร์โทน’ ผิวของคุณอยู่โทนสีผิวไหน

เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว

อันเดอร์โทนสีผิว (Undertone) คือ สีของผิวหนังของคุณซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสีจริง ๆ ที่ดูจากเม็ดสีเมลานินภายใต้ผิวหนัง หากคุณรู้จักกับโทนสีผิวของคุณแล้วมันจะช่วยให้คุณหาเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ รวมถึงเครื่องประดับและเฉดสีการแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น โดยอันเดอร์โทนสีผิวจะแบ่งออกเป็น 3 โทน ดังนี้

  • สีผิว Cool Tone : โทนสีผิวนี้จะเรียกว่า ‘ผิวโทนเย็น’ หรือ ‘ผิวโทนชมพู’ ให้คุณสังเกตที่ข้อมือหากมีเส้นเลือดเป็นสีม่วงหรือสีน้ำเงิน แสดงว่าอันเดอร์โทนของคุณอยู่ในโทนสีผิวนี้ ซึ่งเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอางที่เหมาะกับคนสีผิวโทนนี้จะได้แก่ สีเขียว สีพีช สีฟ้า สีชมพู สีน้ำตาลนู้ด สีเขียวอมฟ้า สีฟ้าพาสเทล สีส้มนู้ด สีม่วง สีม่วงแดง สีแดง เป็นต้น
  • สีผิว Warm Tone : โทนสีผิววอร์มโทน คือ ‘โทนผิวร้อน’ หรือ ‘ผิวเหลือง’ หากสีเส้นเลือดของคุณออกเป็นสีเขียวหรือเขียวขี้ม้า แสดงว่าอันเดอร์โทนของคุณอยู่ในระดับนี้ คุณสามารถสวมเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอางเฉดสีกลาง เช่น สีครีม สีเบจ สีส้ม น้ำตาล ส้มอมชมพู หรือเหลืองอมเขียว เป็นต้น
  • สีผิว Neutral Tone : โทนสีผิวธรรมชาติ คือโทนสีผิวกลาง ๆ ระหว่างสีชมพูและสีเหลือง ซึ่งโทนนี้เรียกได้ว่าเป็นสภาพโทนสีผิวที่แต่งตัวหรือแต่งหน้าได้ง่ายมาก ๆ เพราะสามารถสวมเสื้อผ้าหรือใช้เครื่องสำอางโทนสีไหนก็ได้ หากเส้นเลือดของคุณเป็นสีน้ำเงินหรือสีเขียว แสดงว่าอันเดอร์โทนของคุณอยู่ในระดับนี้

เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว เทคนิคง่าย ๆ รอดทุกลุค-วิธีเลือกลิปสติก

เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว

ผิวขาว

สีลิปสติกสำหรับคนผิวขาว ควรเลือกสีที่เหมาะสมกับสีผิวของคุณเพื่อที่จะได้ช่วยขับผิวให้ดูขาวและหน้าดูเปล่งประกาย โดยสีที่เหมาะสมสำหรับคนผิวขาวจะเป็นสีลิปสติกโทนชมพู แดง หรือส้ม ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งสีเหล่านี้ก็เรียกได้ว่าเป็นสีพื้นและเป็นไอเท็มเครื่องสำอางที่ผู้หญิงควรมี แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งของคนผิวขาวก็คือหากเลือกสีลิปสติกที่เป็นโทนอ่อนมากเกินไปอาจทำให้หน้าดูหมองและไม่สดใสได้

ผิวขาวเหลือง

ลิปสติกสำหรับคนผิวขาวเหลือง อาจเลือกเป็นประเภทของสีลิปสติกที่มีสีเข้มขึ้น เช่น น้ำตาลตุ่น สีบานเย็น หรือสีส้มอิฐ จะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนผิวสีนี้เพราะจะทำให้ใบหน้าดูสดใส มีชีวิตชีวา และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ผิวเข้ม 

สำหรับคนผิวเข้ม สีลิปสติกที่เหมาะสมเรียกได้ว่าแทบจะทุกเฉดสี เพราะถึงแม้ว่าคนสีผิวนี้จะมีอันเดอร์โทนสีน้ำตาลเยอะแต่ก็สามารถทาลิปสติกได้หลายเฉดสีไม่จำเป็นต้องเป็นโทนใดโทนหนึ่งเท่านั้น แต่หากคุณเลือกทาลิปสติกสีนู้ด น้ำหรือ หรือสีแดงแบบเข้ม ๆ จะช่วยขับผิวได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้แต่งหน้าจัดเต็ม แต่เพียงแค่ทาลิปสีเหล่านี้ก็สามารถออกจากบ้านได้แบบไม่ดูโทรมแล้ว

ผิวสองสี

ลิปสติกสำหรับคนที่มีสีผิวสองสีสามารถเลือกได้หลายเฉดสีเช่นเดียวกับคนผิวเข้ม เพราะคนโทนสีนี้สามารถแต่งหน้าให้สวยละมุนได้ง่าย แต่สำหรับสีลิปสติกที่เข้ากับคนสีผิวโทนนี้มากที่สุดอาจเลือกเป็นสีโทนอิฐอย่างโทนส้มแดง สีชมพูอมส้ม หรือสีโทนนู้ด รวมถึงสีแดงเข้มหรือแดงกุหลาบก็สามารถทาลิปสติกสีนี้ได้เช่นกัน


เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว อย่างไรให้ปลอดภัยต่อร่างกาย

เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว

การใช้สีลิปสติก ช่วยทำให้ริมฝีปากของคุณดูสวยงามและใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่อย่าลืมว่าการใช้ลิปสติกนั้นต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำในการใช้งานและเลือกใช้ลิปสติกที่มีคุณภาพดี หรือเลือกเครื่องสำอางไทยคุณภาพดีก็ได้  เพื่อป้องกันการเกิดอาการผิดปกติหรืออาการแพ้ มาดูกันว่าจะต้องเลือกลิปสติกอย่างไรให้ปลอดภัยต่อร่างกาย

1. หลีกเลี่ยงลิปสติกที่มีน้ำหอม

การใช้ลิปสติกที่มีน้ำหอมอาจทำให้ลิปสติกมีความน่าซื้อและน่าใช้มากยิ่งขึ้น แต่อย่าลืมว่าน้ำหอมสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้น คุณควรเลือกใช้ลิปสติกที่ไม่มีน้ำหอมเพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ โดยสามารถดูข้อมูลส่วนประกอบเกี่ยวกับน้ำหอมที่ใช้บนฉลากลิปสติก 

2. หลีกเลี่ยงลิปสติกที่ใส่สารกันเสีย

แม้ว่าสารกันเสียจะมีประโยชน์ต่าง ๆ มากมายโดยการช่วยรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้งานได้นานขึ้นโดยไม่บูดหรือเสียไปก่อน แต่สารกันเสียบางชนิดก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกันหากร่างกายได้รับสารชนิดนี้เข้าไปสะสมเป็นจำนวนมาก ซึ่งสารกันเสียที่ส่งผลเสียให้กับร่างกาย คือ Benzyl Benzoate, Parabens, BHT, Terpenes และ Phenoxyethanol  

3. ไม่ควรใช้ลิปสติกที่มีสารอันตราย

ลิปสติกบางชนิดอาจมีสารอันตรายเป็นส่วนผสมอยู่ ซึ่งสารอันตรายที่พบได้ในลิปสติกบางชนิดประกอบไปด้วย สารหนู สารตะกั่ว แอนติโมนี แคดเมียม หรือแมงกานีส หากลิปสติกมีสารเหล่านี้ผสมอยู่อาจทำให้ส่งผลต่อระบบประสาท ระบบหัวใจ หลอดเลือด รวมถึงอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้ด้วยเช่นกัน

4. เช็ควันหมดอายุของลิปสติก

ลิปสติกหมดอายุอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ ส่วนใหญ่แล้วหลังจากการเปิดใช้งานลิปสติกทั่วไปจะสามารถใช้งานได้อีกประมาณ 1-2 ปี แต่ถ้าหากเป็นประเภทลิปกลอสจะสามารถใช้งานได้เพียง 1 ปีเท่านั้นจึงจะดีที่สุดต่อริมฝีปากของคุณ

5. เลือกลิปสติกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ

ลิปสติกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติอาจเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีปัญหาแพ้สารปรอทหรือผู้ที่แพ้ต่อสารต่าง ๆ ได้ง่าย ลิปสติกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติอาจประกอบด้วยสารพิษต่ำกว่าลิปสติกที่มีส่วนผสมจากสารเคมี แต่ลิปสติกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติอาจมีปริมาณสารป้องกันเสียน้อยกว่า ซึ่งอาจทำให้ลิปสติกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมีความแข็งแรงน้อยกว่าหรือใช้งานได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่าเท่านั้นเอง แต่มันก็นับว่าเป็นลิปสติกสีติดทนนานด้วยเช่นกันหากคุณเลือกที่มีคุณภาพดีสักหน่อย


เลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว หากคุณรู้ว่าโทนผิวของคุณอยู่ในระดับไหนก็จะช่วยให้คุณเลือกสีลิปออกได้อย่างตรงใจ ทำให้ทาแล้วช่วยขับใบหน้าและทำให้ใบหน้าดูสดใสไม่หมองคล้ำได้ ที่สำคัญหากคุณได้สีลิปสติกที่ตรงใจแล้วก็อย่าลืมตรวจสอบรายการสารสกัดว่ามีส่วนประกอบที่อาจทำให้คุณแพ้หรือไม่ หรือตรวจสอบวันหมดอายุของลิปสติกก่อนใช้งานเพื่อให้ผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ออกมาสวยสมบูรณ์แบบและใช้งานได้ดีที่สุด


อ้างอิง : 

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ ที่คุณต้องใช้แบบทนทานในหน้าฝนนี้

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ ที่คุณต้องใช้แบบทนทานในหน้าฝนนี้

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ ที่คุณต้องใช้แบบทนทานในหน้าฝนนี้ เพราะการเลือกใช้เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ถ้าใครที่ใช้เครื่องสำอางไม่เป็น แน่นอนว่าถ้าโดนฝนแล้วละลายลงมาตามหน้าแน่นอน แทนที่จะสวย กลับกลายเป็นสะพรึงเสียได้ ดังนั้นวันนี้เราจะมาอธิบายถึง 6 เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ ที่สาวๆ ต้องเลือกใช้แบบติดทนเสียหน่อย ซึ่งรับรองได้ว่าเป็นประโยชน์กับทุกคนแน่นอน  

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

1. รองพื้น

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ ตัวแรกก็คือการเลือกรองพื้น ควรใช้รองพื้นชนิดเนื้อครีม เพราะชนิดเนื้อครีมจะมีน้ำมันที่เป็นส่วนผสมเสียส่วนมาก ซึ่งทำให้ฝนและเหงื่อไม่สามารถมาทำอะไรได้ และยังไม่ทำให้รองพื้นของเราหลุดไหลลงไป หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าอีกด้วย ซึ่งการใช้งานก็คือ ทาครีมบำรุงผิวสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นไปที่ใบหน้าและลำคอ จากนั้นแตะรองพื้นใช้ดี ติดทนนานมาแต้มลงบนใบหน้า จากนั้นก็เกลี่ยเนื้อรองพื้นให้กระจายไปทั่วทั้งใบหน้า

2. แป้งพัฟกันน้ำ

แน่นอนว่าหน้าฝนแบบนี้ การทาแป้งพัฟก็ควรเลือกชนิดแบบกันน้ำ เพราะถ้าหากเราออกไปข้างนอกแล้วไปเจอฝนพอดี ทำให้ตัวเปียก ใบหน้าเปียก ตัวแป้งนี้ก็จะช่วยคุม ทำให้ไม่มีคราบอะไรไหลลงมาแน่นอน ทำให้มั่นใจได้เลยว่ายังไงก็สวยปังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเปียกฝนแค่นั้นเอง

3. อายแชโดว์

การเลือกอายแชโดว์ ควรเลือกอายแชโดว์ชนิดที่เป็นเนื้อครีม เพราะสามารถกันน้ำได้ดีมาก ควรหลีกเลี่ยงอายชาโดว์แบบเนื้อฝุ่น เพราะจะทำให้เมื่อเวลาโดนฝนแล้ว คราบอายแชโดว์จะไหลลงมาเป็นทาง นอกจากจะทำให้ดูไม่สวยแล้ว ยังทำให้ดูน่ากลัวอีกด้วย ดังนั้นการเลือกอายแชโดว์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ

4. มาสคาร่า

การใช้มาสคาร่าควรเลือกใช้ชนิดที่กันน้ำได้ และใช้ปัดบริเวณขนตาให้งอนแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว และไม่ควรติดขนตาปลอมหนาๆ เพราะถ้าโดนฝนแล้วโอกาสที่จะหลุดออกไปตามฝนมีอยู่สูงมาก ให้ใช้มาสคาร่าปัดแทน และควรเลือกมาสคาร่าที่สามารถกันน้ำได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีขายอยู่เยอะมาก

5. บลัชออน

การเลือกใช้บลัชออน ควรเลือกใช้บลัชออนที่เป็นชนิดครีม ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถกันน้ำได้ เหมือนกันกับอายแชโดว์และตัวรองพื้น เพราะเครื่องสำอางชนิดเนื้อครีม จะสามารถติดทนได้นานทั้งวัน โดยเราสามารถใช้บลัชออนชนิดครีมที่มีสีสวยๆ ตามใจเราได้เลย แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นชนิดครีมนะ

6. ลิปสติก

การเลือกใช้ลิปสติกนั้นไม่ได้จำกัดว่าจะต้องใช้อะไร เพราะเราสามารถใช้ลิปสติกเนื้อใดก็ได้ แต่เราก็ควรจะเลือกลิปสติกคุณภาพดีที่มีคุณสมบัติสามารถติดทนได้นานจะดีกว่า ถ้าเราไม่มั่นใจว่า ลิปสติกที่ใช้อยู่ติดทนนานหรือไม่ อาจจะใช้ลิปดินสอกรีดปากไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อยใช้ลิปสติกของเราแทน แล้วใช้ทิชชูซับหรือตบด้วยแป้งนิดหน่อย เพื่อที่จะสร้างความติดทนนานให้กับลิปสติกได้


10 มาสคาร่ายี่ห้อไหนดี แถมราคาไม่แพงและปัดแล้วขนตาดูสวยแพรวพราว

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

นอกจาก เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ เชื่อว่าอีกหนึ่งที่เป็นปัญหาของสาวๆ นั่นก็คือ การตามหามาสคาร่าที่ถูกใจเนี่ย มันหายากเสียเหลือเกิน เพราะไม่ว่าจะไปหาซื้อที่ไหนก็ยังไม่เจอมาสคาร่าที่ถูกใจสักที จนเกือบจะเลิกใช้ไปแล้ว แต่เดี๋ยวก่อนเป็นผู้หญิงอย่าเพิ่งหยุดสวย เพราะวันนี้เรามี 10 มาสคาร่ายี่ห้อไหนดี แถมราคาไม่แพงและปัดแล้วขนตาดูสวยแพรวพราวแน่นอน มาฝากกัน ซึ่งรับรองได้เลยว่า ถ้าใครได้อ่านแล้วอาจจะเจอมาสคาร่าที่ถูกใจแน่นอน

1. MISTINE PRO LONG BIGEYE

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

มาสคาร่าแบรนด์ไทย ตัวนี้มีคุณภาพที่ดีมาก แถมยังมีราคาที่ถูก เพราะเมื่อปัดขนตาแล้วจะทำให้ขนตามีความหนา และทำให้ยาว ได้โดยไม่ต้องพึ่งที่ดัดขนตาเลย แถมยังทำให้ดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย ตัวมาสคาร่าไม่เป็นก้อน สามารถเรียงเส้นบนขนตาได้ดีมาก เหมาะสำหรับการแต่งหน้าในวันที่สบาย ตัวมาสคาร่าสามารถเช็ดออกได้ง่าย ราคาอยู่ที่ 89 บาท 

2. RIMMEL LONDON 24 HR SUPER CURLER MASCARA

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

มาสคาร่าตัวนี้เป็นมาสคาร่าสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นสูตร Super Curler ที่เหมาะกับสาวๆ ที่มีขนตายาวแต่ไม่งอน ทำให้ดูเหมือนไม่ค่อยมีขนตา โดยตัวนี้จะทำให้ขนตางอนได้ดีมาก ซึ่งใครที่ใช้ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำให้ขนตางอนได้จริงและติดทนได้นานด้วย ราคาอยู่ที่ 170 บาท

3. MAYBELLINE THE FALSIES VOLUM’ EXPRESS WATERPROOF

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

นี่ถือเป็นตำนานมาสคาร่าสีม่วงเมย์เบลลีนเลยทีเดียว เพราะสามารถใช้ปัดขนตาได้ดี หัวแปรงตัวนี้เป็นรูปโค้งงอน ซึ่งรองรับกับขนตาได้เป็นอย่างดี แถมยังกันน้ำเข้าได้อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าขนตาจะละลายออกมาแน่นอน ราคาอยู่ที่ 249 บาท

4. Lilybyred AM9 To PM9 Survival Colorcara

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

มาสคาร่าแบรนด์เกาหลีที่ขึ้นชื่อเรื่องความติดทนทั้งวันทั้งคืนเหมือนชื่อรุ่น ครองใจสาวๆ ได้ เพราะตัวนี้สามารถใช้งานได้ดีมาก ด้วยหัวแปรงรูปทรงนาฬิกาทรายจึงสามารถเลือกสไตล์การปัดขนตาให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นปัดเพื่อเพิ่มความยาว หรือเพิ่มความหนาฟู ที่สำคัญเนื้อมาสคาร่าแห้งไว จึงไม่ทำให้เลอะขอบตาเวลากะพริบ ราคาอยู่ที่ 299 บาท

5. CLINIQUE CHUBBY LASH FATTENING MASCARA

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

มากับแบรนด์นี้ที่มีหัวแปรงที่ใหญ่มาก แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เลอะง่าย เพราะสามารถทำให้ขนตาที่สั้นบางของเราดูหนาเข้มได้ในทันที ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เราดูดีมีเสน่ห์ขึ้นมา และนอกจากนั้นยังช่วยดัดขนตาให้งอนขึ้นได้อีกด้วย และระหว่างวันมาสคาร่าตัวนี้ก็ไม่เยิ้มหยดด้วย ราคาอยู่ที่ 700 บาท

6. URBAN DECAY PERVERSION MASCARA

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

มากับแบรนด์นี้ที่ไม่ทำให้ใครผิดหวังแน่นอน เพราะมีเนื้อมาสคาร่าที่หนานุ่มมาก ซึ่งทำให้เวลาปัดมาสคาร่าแล้วตัวมาสคาร่าจะไปติดกับขนตาเราได้ดีมาก เมื่อปัดแล้วจะรู้สึกเบาดีที่หนังตา ไม่รู้สึกหนักจนเกินไป แถมยังเซ็ตตัวได้ไวอีกด้วย ราคา 900 บาท

7. BENEFIT THEY’RE REAL MASCARA 

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

นี่คือมาสคาร่าที่เอาใจสาวๆ ขนตาสั้น เพราะหัวแปรงตัวนี้สามารถทำให้ขนตาที่สั้นยาวขึ้นได้ แถมหลังจากปัดแล้วมาสคาร่าที่ขนตายังไม่ติดเป็นก้อนอีกด้วย แต่ถึงแม้จะไม่ใช่สูตรกันน้ำ แต่ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดีในระดับหนึ่งเลยล่ะ ราคาอยู่ที่ 920 บาท

8. NARS AUDACIOUS MASCARA 

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

มาสคาร่าตัวนี้มากับตัวบรรจุภัณฑ์ที่ดูหรูหรามาก ซึ่งก็เป็นธรรมดาของ NARS อยู่แล้ว โดยหัวแปรงของมาสคาร่าตัวนี้จะพิเศษกว่าตัวอื่นๆ เพราะมีรูปร่างคล้ายห่วงตะขอ ซึ่งทำให้ปัดแล้วเนื้อมาสคาร่าสามารถเข้าถึงขนตาได้ครบทุกเส้น โดยเนื้อมาสคาร่าของตัวนี้จะเหมาะกับสาวๆ ขนตาสั้น เพราะแค่ปัดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ขนตายาวขึ้นได้ทันที ราคาอยู่ที่ 1,080 บาท

9. LANCOME GRANDIOSE SMUDGEPROOF MASCARA

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

มาสคาร่าตัวนี้เหมาะกับรูปตาทุกแบบเลย เมื่อปัดแล้วทำให้ขนตายาว ดำหนา และยังช่วยให้ตาดูคม ดูเซ็กซี่มากขึ้น โดยตัวนี้เป็นมาสคาร่าสูตรกันเหงื่อ แต่ก็สามารถล้างด้วยน้ำอุ่นได้ง่าย ราคาแพงหน่อยแต่ใช้งานได้ดีแบบนี้ ก็ต้องยอมเขาแหละ ราคาอยู่ที่ 1,300 บาท

10. TOO FACED BETTER THAN SEX MASCARA

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

เป็นมาสคาร่าที่มีชื่อจัดจ้านมาก ซึ่งมาสคาร่าตัวนี้ก็มีความสามารถที่ทำให้ดูเซ็กซี่ขึ้นมาแน่นอน เพราะให้ขนตาที่สามารถเรียงเส้นได้ดี และยังสามารถเพิ่มความดำให้ขนตาได้อีกด้วย แต่ก็ไม่ติดเป็นก้อนหนา ไม่หลุด ไม่ละลาย ซึ่งถ้าทุนถึงก็ใช้ตัวนี้เลย รับรองไม่ผิดหวัง ราคาอยู่ที่ 1,090 บาท นอกจากมาสคาร่าแล้วคุณอาจสนใจบทความนี้ อายไลเนอร์คุณภาพดี ติดทนนาน


10 อายแชโดว์ยี่ห้อไหนดี ราคาสบายกระเป๋า แต่คุณภาพคับตลับใช้ดีสุดๆ

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

การที่จะหาอายแชโดว์ที่ถูกใจสักอัน คงคล้ายๆ งมเข็มในมหาสมุทร หาเท่าไรก็ไม่เจอ ยิ่งอยากได้แบบราคาประหยัดด้วย ยิ่งหาไม่เจอไปใหญ่ วันนี้เราจึง10 อายแชโดว์ยี่ห้อไหนดี ราคาสบายกระเป๋า แต่คุณภาพคับตลับใช้ดีสุดๆ มาให้สาวๆ ได้ตัดสินใจเลือกใช้กัน จะได้ไม่ต้องมางมอะไรกันอีก มาดูกันเลย 

1. Maybelline EYESTUDIO COLOR TATTOO EYESHADOW

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

นี่เป็นอายแชโดว์สูตรครีมแบบเนื้อเจล จากเมอเบอร์ลีน นิวยอร์ก ซึ่งแน่นอนว่าทาออกมาแล้ว สีสันจะติดทนชัดตลอดวันแน่นอน และตัวนี้เราสามารถใช้แทนอายไพร์เมอร์ได้เลย เหมาะมากๆ สำหรับวันที่เร่งรีบ แต่ข้อเสียก็คือ ถ้าเกลี่ยไม่ดี จะกลายเป็นคราบได้ง่าย เพราะตัวนี้แห้งไวมาก แห้งชนิดแบบใช้แล้วต้องรีบปิดฝาเลย ราคาอยู่ที่ 299 บาท

2. Catrice The Fresh Nude Collection Eyeshadow

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

แบรนด์ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยอย่าง Catrice จากประเทศเยอรมนี แบรนด์ที่ราคาสบายกระเป๋าและคุณภาพน่าคบหา อายแชโดว์ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่เริ่มหัดแต่งตา เพราะเป็นสีโทนนู้ดที่เหมาะกับทุกสีผิว ใช้แต่งตาได้หลากหลายโอกาส มีเนื้อสีที่ชัด ติดทนดี มีเนื้อเป็นสีออกสีมุก สามารถแต่งได้ทุกวันแน่นอน ราคาอยู่ที่ 255 บาทเท่านั้น 

3. Peripera Ink Pocket Shadow

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

Peripera ใช้แล้วสวยเหมือนสาวเกาหลีกันแน่นอน ใครที่ชอบการแต่งตาแบบวิบวับเป็นประกายละก็ต้องไม่พลาดตัวนี้ เพราะมีเนื้อชิมเมอร์ที่ชัดมาก และมีทั้งอายแชโดว์เนื้อแมตต์และเนื้อชิมเมอร์ และยังจับคู่โทนสีมาให้เรียบร้อยแล้วด้วย เหมาะกับการใช้งานได้ทุกวัน เพราะจะทำให้ตาดูสวย แถมตลับยังเล็กสามารถพกพาไปเติมระหว่างวันหรือเติมตอนเย็นก็ได้ ราคาอยู่ที่ 550 บาท

4. L’OREAL PARIS COLOR RICHE LES OMBRE

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

อายแชโดว์ของ L’oreal เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สาวๆ ชาวไทยนิยมกันตลอดมา และรุ่นล่าสุดอย่างตัวนี้ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งไอเทม ที่ควรค่าแก่การครอบครองเป็นอย่างมาก เพราะให้สีที่ชัด และยังติดทนตลอดวัน ตัวตลับมีความแน่นหนา แต่ระวังตอนทหน่อย เพราะอาจจะมีร่วงเป็นผงลงไปบ้างบ้าง ราคาอยู่ที่ 499 บาท

5. SLEEK I-DIVINE EYESHADOW PALETTE

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

แน่นอนว่าแบรนด์นี้สามารถครองใจสาวไทยได้ดีมาก โดยตัวนี้เป็นเครื่องสำอาง สัญชาติอังกฤษ สำหรับอายแชโดว์ที่ขึ้นชื่อมากๆ ก็จะเป็นในรูปแบบของพาเลท โดยในหนึ่งตลับจะมีสีให้เลือกถึง 12 สี และแต่ละพาเลทก็จะมีการจับคู่ตัวสี หรือเนื้อสีมาไว้แล้ว และบางพาเลทก็มาเป็นโทนสีน้ำตาล บ้างก็สีแนวหวานๆ และเวลาแต่งตา ตัวสีจะชัดติดทนนานมาก ราคาอยู่ที่ 550 บาท

6. Colourpop super shock shadow

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

ประเทศอเมริกาก็เป็นประเทศที่มีอายแชโดว์เยอะมาก ตัวนี้ก็เป็นตลับเดี่ยวและบรรจุได้ลงมาในตลับทรงกลม โดยตัวนี้มีคุณภาพที่ดีมาก สีติดทนนาน แต่อาจจะต้องใช้อายไพรเมอร์เข้ามาช่วยบ้าง เนื้อสัมผัสกึ่งครีม และสีสันก็มีตั้งแต่สีแบบธรรมชาติไปจนถึงสีแนวจัดจ้าน ราคาอยู่ที่ตลับละ 320 บาท

7. Merrez’ca Blink Blink Eye

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

อายแชโดว์เนื้อละเอียด มาครบทั้งเนื้อแมตต์ ชิมเมอร์และกลิตเตอร์ในตลับเดียวที่ช่วยเพิ่มมิติให้ดวงตา โดยตัวนี้จะเหมาะกับการแต่งหน้าในทุกรูปแบบ เพราะได้มีการคุมโทนสีมาเป็นอย่างดี ตัวนี้สีดีและเนื้อติดทนนาน ราคาอยู่ที่ 345 บาท

8. ESSENCE 3D EYESHADOW

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

ใครกำลังอยากได้ อายแชโดว์ราคาถูก และคุณภาพดี Essence ตัวนี้ก็คือหนึ่งในคำตอบนั้น โดยสำหรับอายแชโดว์ตัวนี้มีสีที่สามารถติดทนได้นาน และมีให้เลือกถึง 5 สี โดยตัวนี้จะเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ชอบแต่งเปลือกตาให้ดูวิบวับ เป็นประกาย ราคาอยู่ที่ 140 บาท

9. 4U2 COLOR EYESHADOW

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

นี่ก็เป็นอีกแบรนด์ที่มีอายแชโดว์คุณภาพโคตรดี สีเนื้อสีที่ติดทนได้ดี โดยอายแชโดว์รุ่นนี้ มีเม็ดสีที่ชัดมาก ปาดไปแล้วจะแสดงความคมชัดได้แบบชัดเจน ในตลับจะมีสีให้เลือกมี 4 สี ไล่ตั้งแต่สีอ่อนๆ สำหรับการทำไฮไลท์ ไปจนถึงสีเข้มสำหรับคัดเบ้า ราคาประมาณ 200-300 บาท

10. WET N WILD COLOR ICON EYESHADOW

เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ

อายแชโดว์ตัวนี้มีคุณภาพดีที่ เมื่อทาไปที่ตาแล้ว จะทำให้สีที่ออกมา สวย ชัดเจน และติดทนได้ดีพอประมาณ ซึ่งอาจจะใช้อายไพรเมอร์ช่วยนิดนึง ตัวแพ็คเกจดูไม่ค่อยทนทาน  ราคาอยู่ที่ 299 บาท 

ใครที่กำลังมองหา เครื่องสำอางกันน้ำกันเหงื่อ อย่างพวกมาสคาร่าหรืออายแชโดว์สักตลับ ที่ราคาถูกและดี คุ้มค่าแก่การซื้อก็ลองไปดูหรือไปลองสีแบรนด์ที่เราแนะนำกันมาได้ จะได้แต่งตาให้ดูสวยและสร้างสีสันบนใบหน้าให้มีมิติมากขึ้นได้


อ้างอิง

The Best Waterproof Makeup Products for Your Eyes, Lips, and Face. https://www.cosmopolitan.com/style-beauty/beauty/a8977017/best-waterproof-makeup-products/

Best Waterproof Mascaras. https://www.goodhousekeeping.com/beauty-products/mascara-reviews/g2071/best-waterproof-mascara/

HOW TO CHOOSE AN EYESHADOW PALETTE YOU’LL ACTUALLY USE.  https://sharedplanet.com/blogs/beauty/how-to-choose-the-best-eyeshadow-palettes

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่คุณภาพดี ใครใช้ก็ต้องชอบ

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่คุณภาพดี ใครใช้ก็ต้องชอบ

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่คุณภาพดี ใครใช้ก็ต้องชอบ ใครจะเชื่อว่าคนไทยก็สามารถสร้างแบรนด์เครื่องสำอางได้เหมือนกัน แถมยังมีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากลได้ด้วย แต่ที่ของคนไทยไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนักก็อาจจะเป็นเพราะเราไม่ค่อยสนับสนุนคนไทยด้วยกันเอง หรืออาจะยังไม่รู้จักแบรนด์เหล่านี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 10 เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่ใครใช้ก็ต้องชอบ มาให้ทุกคนได้อ่าน และให้ลองตัดสินใจกันดูว่า แบรนด์ไทย สุดยอดจริงหรือเปล่า

1. เจ้านาง เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

นี่เป็นเครื่องสำอางที่มาแรงที่สุดในปีเลยล่ะ โดยมีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ความเป็นไทยที่แสดงออกมาได้ชัดเจน และโลโก้หญิงไทยสีทอง ที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ได้ดีมาก โดยแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักกันในกลุ่มสาวๆ ที่ชอบรีวิวเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ถูกอกถูกใจก็คือ แป้งเจ้านาง ซึ่งเป็นแป้งที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์สาวไทยได้ดีมาก โดยจะเน้นไปที่การปกปิดผิว ช่วยอำพรางริ้วรอยจุดด่างดำต่างๆ และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยในการกันน้ำกันเหงื่อได้ดีมากๆ และแป้งเจ้านางตัวนี้ยังมีคุณสมบัติที่สามารถกันแดดได้ถึงมากถึง 20 เท่าอีกด้วย

2. ศรีจันทร์

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักแป้งฝุ่นที่เหมาะสำหรับสาวผิวหน้ามันอย่าง ศรีจันทร์ บ้าง ซึ่งในสมัยก่อนก็มีผงหอมศรีจันทร์ที่เป็นที่นิยมมากๆ ตั้งแต่สมัยคุณย่า และสำหรับแป้งฝุ่นของศรีจันทร์ตัวใหม่นี้ เป็นการคิดค้นและปรับปรุงพัฒนาสูตรขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะตอบโจทย์สาวไทยทั้งหลายที่มีปัญหา รวมถึงแบรนด์เครื่องสำอางในเครืออย่าง Sasi (ศศิ) ที่มีผลิตภัณฑ์แต่งหน้ามากมายให้เลือกด้วย

3. Cute Press เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

เครื่องสำอางและสกินแคร์แบรนด์ไทย แต่คุณภาพเกินเบอร์ ด้วยประสบการณ์กว่า 37 ปี และเข้าใจความต้องการของผู้หญิงอย่างแท้จริง คิวท์เพรสจึงได้พัฒนาสินค้ามากกว่า 500 ชนิดให้มีคุณภาพ ซึ่งก็มีวางขายทั้ง กันแดด บรัชออน ลิปสติก น้ำหอม ครีมทาตัว รองพื้นใช้ดี ปกปิดได้ดีเยี่ยม และสารพัดไอเทมความงามที่สาวๆ ต้องมี แถมยังมีคอลเลกชั่นน่ารักกุ๊กกิ๊กใหม่ๆ ออกมาเอาใจวัยรุ่นเรื่อยๆ และถ้าพูดถึงเครื่องสำอางรุ่นดังของแบรนด์นี้ คงหนีไม่พ้นแป้งพัฟคุมมันที่ปกปิดดีเยี่ยมแบบเนียนกริบ แถมราคาสบายกระเป๋าด้วย

4. Mistine

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

จะขาดแบรนด์นี้ได้อย่างไร Mistine แบรนด์ความงามที่อยู่คู่กับสาวไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นคุณแม่ รวบรวมเครื่องสำอางทุกประเภทสินค้า และขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่มีอายไลเนอร์คุณภาพดีและติดทนนาน เนรมิตให้ผู้หญิงทุกคนสวยสมบูรณ์แบบด้วยคุณภาพสินค้ามาตรฐานสากล ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่พิสูจน์แล้วว่า มิสทินเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ แต่แบรนด์นี้ยังก้าวไกลสู่ตลาดต่างประเทศด้วย มีสินค้าหลากหลายนับพันรายการ ตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวด้วย

5. KMA Cosmetics

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

KMA แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำของไทย ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 20 ปี เครื่องสำอางที่จุดประกายความมั่นใจให้กับสาวๆ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาให้เหมาะกับสภาพสีผิวของสาวไทย มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานดีงามสุดๆ และยังขยายฐานลูกค้าเพิ่มไปสู่กลุ่มวัยรุ่น และสาววัยทำงาน เพิ่มพื้นที่การวางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้ง Cosmetics Shop และเคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หาซื้อได้ง่ายและสะดวกมากๆ

6. 4U2

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

4U2 แบรนด์สีสันที่สดใสและสไตล์ที่ดูทันสมัย เครื่องสำอางคุณภาพเยี่ยมในราคาที่ไม่แพง ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความงามที่คนไทยต้องการได้อย่างตรงจุด สวยได้ทุกวัยและทุกวัน และยังออกสินค้าใหม่มาให้สาวๆ ต้องเสียทรัพย์กันตลอด เป็นเครื่องสำอางแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ลิปสติกติดทนที่ครองใจสาวๆ ได้มากมายและยังมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย แถมคุณภาพดีอีกด้วย

7. NARIO LLARIAS

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

มากับแบรนด์น้องใหม่กันบ้าง Nario Llarias อ่านว่า นาริโอะ ลาเรียส ฟังชื่อแล้วอาจจะเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นหรือจากฝรั่งเศส แต่ไม่ใช่นี่คือสินค้าแบรนด์ไทยที่มีความหรูหราเป็นพิเศษ ต้องการให้ทุกคน “สวย” และ “มั่นใจ” ด้วยเครื่องสำอางที่ “ปลอดภัย” ในราคาที่เหมาะสม โดยแบรนด์นี้มีผลิตภัณฑ์เมคอัพมากมาย หลากหลายชนิดให้เลือก มีทั้งลิปสติก อายชาโดว์ พาเลทตา และอีกมากมาย จึงเรียกได้ว่าแบรนด์นี้ครอบคลุมโลกเมคอัพไปเลย ผลิตภัณฑ์ก็เป็นที่ได้รับความนิยมและผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้จริงทั้งในและต่างประเทศ

8. SUPERMOM

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

ใครที่เป็นสายเมคอัพ คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์นี้ เพราะเป็นแบรนด์ที่ดีงาม ทั้งเมคอัพ ทั้งลิปสติก ทั้งบลัชออน ทั้งพาเลทอายแชโดว์ และอีกมากมายเต็มไปหมด โดยแบรนด์นี้จะมีสัญลักษณ์เป็นอักษรที่เขียนว่า Supermom เป็นยี่ห้อประจำ โดยเครื่องสำอางที่เป็นที่โด่งดังของ Supermom เลยก็คือ Supermom Matte Liquid Lipstick  ซึ่งเป็นลิปสติกเนื้อแมตต์ แนวจิ้มจุ่ม มีเนื้อลิปที่ดี สีชัดติดทนนาน ราคาจับต้องได้ สบายกระเป๋า แถมยังสามารถเข้ากับผิวคนไทยได้อีกด้วย

9. TER

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอ่านว่า เฑอ แต่ตอนนี้รู้แล้วเพราะว่าแบรนด์นี้อยากอนุรักษ์ความเป็นไทยให้ได้มากที่สุด จึงนำตัวอักษรที่ไม่ค่อยได้ใช้มาใส่ในชื่อ โดยตัวบรรจุภัณฑ์มีสัญลักษณ์เป็นตัวอักษร ภาษาอังกฤษ แต่มีลวดลายไทย มีลายกนกประดับ โดยคอนเซปต์ของเฑอก็คือ  “ผู้หญิงทุกคนมีความสวยเปล่งประกายในสไตล์ของตัวเอง” และแน่นอนว่าแบรนด์นี้ได้ครองใจสาวไทยไปเต็มๆ

10. PASSION VILLE

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย

นี่คงจะเป็นแบรนด์ที่ใครๆ ก็น่ารู้จักกันอยู่แล้ว โดยตอนแรกของแบรนด์นี้ได้ผลิตลิปสติกออกมาที่มีมากกว่า 30 สี มีทั้งสีที่สามารถใช้ทาได้ในชีวิตประจำวันจริง และรวมถึงสีแปลกๆ อีกด้วย ซึ่งเราก็สามารถทาไปงานปาร์ตี้ได้แน่นอน เพราะสามารถติดทนที่ผิวปากได้ดี เนื้อลิปสติกดีมาก ทาแล้วไม่ทำให้ปากแห้งเกินไป ตัวแพ็กเกจเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ราคาหลักร้อย สีสวย เนื้อดี คุณภาพเป็นเลิศ มั่นใจได้ทั้งในเรื่องคุณภาพ ราคาถูกแต่ให้ลุคสวยแพง เนื้อสีแน่น และติดทนทาน

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย บางแบรนด์ก็มีชื่อเสียงในตลาดต่างประเทศ แถมยังขึ้นชื่อในด้านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และมีชื่อเสียงในการผลิตเครื่องสำอางต่างๆ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ดี รวมทั้งเครื่องสำอางแบรนด์ไทยได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและดูแลผิวที่เหมาะสำหรับสาวไทยอีกด้วย ซึ่งก็มีหลากหลายแบรนด์และหลากหลายสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของสาวๆ ทุกคน

เครื่องสำอางแบรนด์ไทยนับได้ว่ามีประสิทธิภาพในการใช้และยังราคาไม่แพง เหมาะที่จะเป็นอีกทางเลือกสำหรับสาวๆ ทุกคนที่มองหาเครื่องสำอางราคาไม่แพง แต่คุณภาพดีอีกด้วย เรียกได้ว่าเครื่องสำอางแบรนด์ไทยเราเองก็ไม่แพ้แบรนด์ดังระดับโลกเลย


อ้างอิง:

ส่อง 5 เครื่องสำอางแบรนด์ไทยใช้ดีไม่แพ้แบรนด์นอก พร้อมไอเท็มออกใหม่ล่าสุดที่ไม่ควรพลาด!‘ https://vogue.co.th/beauty/make-up-brand-thai-cosmetics