รักษาฝ้าด้วยตัวเอง ให้หน้าเนียนใส เคล็ดลับความงามแม้งบน้อยก็สวยได้

สุขภาพของผิวหน้าเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของคุณผู้หญิง กับ คุณผู้ชาย ที่ต้องการจะดูแลผิวหน้าของตัวเองให้สดใส ไร้สิว ไร้ริ้วรอยอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีวิธีต่าง ๆ รักษามากมาย ทั้งการทำศัลยกรรม ฉีดฟิลเลอร์ รวมทั้งวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ทว่าการดูแลรักษาเบื้องต้น ก็ต้องให้ใบหน้าของคุณสุขภาพดี ไม่เป็นสิว ไม่เป็นฝ้า หรือ เป็นกระ โดยเริ่มจากที่คุณสามารถดูแลใบหน้าตัวเองได้ให้เนียนใสได้เช่นกัน แน่นอนว่าวันนี้พวกเราจะมาแนะนำ วิธี รักษาฝ้าด้วยตัวเอง ให้หน้าเนียนใส งบน้อยก็สวยได้ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่การทำความรู้จักเรื่อง ฝ้า,กระ ทั้งสาเหตุในการเป็น รวมทั้งวิธีดูแลตัวเองไม่ให้เกิดฝ้าด้วย แม้แต่ว่างบน้อย ก็สามารถดูแลรักษาใบหน้าของตัวเองได้ ส่วนจะมีวิธีไหน หรือ ข้อมูลแบบใดที่คุณควรรู้บ้าง วันนี้พวกเราได้รวบรวมมาให้อ่านกันแล้วในบทความนี้


ฝ้า กระ เกิดจากอะไร 

สุขภาพผิวหน้า ถือว่าเป็นความสำคัญสำหรับคนรักความสวยงาม เพราะเป็นเหมือนสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ดังนั้นแล้ววันนี้พวกเราจะขอแนะนำเรื่องกวนใจสำหรับคนอยากมีผิวหน้าใส นั่นก็คือ ฝ้า และ กระ ซึ่งสาเหตุจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมีดังต่อไปนี้


สาเหตุในการเกิด “กระ”

รักษาฝ้าด้วยตัวเอง

“กระ” จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ มีสีน้ำตาลอ่อน จะกระจายตัวอยู่ตามผิวหนังของร่างกาย มีสาเหตุที่สำคัญกับการเกิดจากที่เซลล์เม็ดสี หรือ เมลานิน ทำงานผิดปกติ จึงส่งผลให้เกิดการสร้างเม็ดสีมากขึ้น จนเกิดเป็นริ้วรอย รวมทั้งจุดด่างดำเล็ก ๆ โดยสาเหตุที่ทำให้ เมลานิน ผิดปกติ เกิดได้จาก 3 สาเหตุหลัก ๆ  ซึ่งมีดังต่อไปนี้

  • พันธุกรรม  : เริ่มต้นด้วยสาเหตุแรกที่ใครหลาย ๆ คนที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก DNA จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะพบกับแสงแดดน้อยก็ตาม โดยจะมีลักษณะเป็นสีแทน หรือ น้ำตาลออกแดง รูปร่างจะเป็นกลมจุดเล็ก สาเหตุนี้เป็นสาเหตุที่บางคนอาจจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิด แต่รักษาได้
  • สภาพแวดล้อม และ แสงแดด  คือ ต้นเหตุทำร้ายผิวกาย รวมทั้งผิวหน้าด้วยเช่นกัน ซึ่งการเกิดกระในลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นบนผิวชั้นบน หรือ หนังกำพร้า จะเรียกว่า กระธรรมดา หรือ กระแดด โดยสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ถ้าหากว่าเจ้าของใบหน้าไม่มีการดูแลตัวเอง อีกทั้งยังต้องเผชิญกับรังสียูวี จากแสงแดดอยู่บ่อยครั้ง ที่สำคัญ แสงจากหน้าจอสมาร์ทโฟน ก็ส่งผลเช่นเดียวกันนั่นเอง
  • ปัจจัยทางด้านอายุ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน เมื่อายุของคุณมากขึ้น ตัว “กระ” ที่เกิดขึ้น ก็จะมีสีเข้มมากขึ้น หรือ จะเรียกได้ว่าเป็น “กระเนื้อ” หรือ “Seborrheic Keratosis” โดยเกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังที่ผิดรูปแบบไป ซึ่งมักจะพบตามใบหน้า หน้าอก ไหล่ และ ส่วนของหลัง 

และนี่คือ 3 สาเหตุใหญ่ของการเป็น “กระ” โดยมีทั้งสาเหตุที่เลี่ยงได้ รวมทั้งสาเหตุที่เลี่ยงไม่ได้อย่าง “อายุ กับ พันธุกรรม” อย่างไรก็ตาม คุณเองถ้าไม่อยากเป็นกระ ควรหลีกเลี่ยงแสงยูวี เพราะเป็นผลเสียที่ทำให้ผิวหน้า หรือ ผิวกาย สุขภาพแย่ตามไปด้วยนั่นเอง 


สาเหตุของการเกิด “ฝ้า” 

รักษาฝ้าด้วยตัวเอง

“ฝ้า” จะมีลักษณะ รอยคล้ำสีดำ หรือ น้ำตาลอ่อน โดยมักจะเกิดขึ้นบริเวณโหนกแก้ม คาง หน้าผาก โดยส่วนมากแล้วจะพบในผู้หญิง อายุประมาณ 25-55 ปี แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในคนเอเชีย ซึ่งเกิดได้ทั้งผู้ชาย กับ ผู้หญิงก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ท้าทายวงการแพทย์ การรักษาโรคผิวหนังทั่วโลก เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้หายขาดได้ยากมาก 

ซึ่งทำให้การรักษา “ฝ้า” ในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นได้หลากหลาย จนทำให้คนไข้นั้น เกิดความสับสนทั้งครีมลอกฝ้า การกรอผิว การใช้กรดผลไม้ผลัดผิว รวมทั้งการทำเลเซอร์ก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธีเลยทีเดียว แต่ทว่า คนไข้บางรายก็รักษามาหลายวิธีมาก แต่ทว่า ฝ้าก็ยังไม่หายไป หรือ ดีขึ้นแต่อย่างใด โดยบางรายก็กลับมาเข้มขึ้น มีอาการหน้าแดง ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง สู้แสงไม่ได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในระหว่างการรักษา จึงต้องใช้เทคโลโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งแพทย์ผู้รักษาจะต้องเชี่ยวชาด้วยเช่นกัน ซึ่งสาเหตุของการเกิดฝ้าขึ้น จะมีดังต่อไปนี้

  • ฝ้าแดด  การเกิดฝ้าแดด จะเกิดจากการที่ผิวหน้า ได้รับแสง UVA และ UVB โดยตรงหรือบ่อยครั้ง โดยจะส่งผลให้เม็ดสีในผิวหนังได้รับการกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น เป็นที่มาของคำว่า “ฝ้าแดด” หากไม่อยากให้เกิดฝ้าประเภทนี้ก็ต้องอย่าลืมหมั่นทา ครีมกันแดดยี่ห้อดีๆ เป็นประจำทุกวัน
  • ฝ้าฮอร์โมน สำหรับฝ้าฮอร์โมน เกิดจาก การที่มีฮอร์โมน “เอสโตรเจน” ที่มากเกิดไป ตัวอย่างเช่น การหลังฮอร์โมนช่วงตั้งครรภ์ หรือ การหลั่งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ซึ่งจะทำให้การสร้างเม็ดสี ในชั้นผิวหนังผลิตเม็ดสี ออกมาสู่ผิวหนังที่ไม่สม่ำเสมอ จึงมีการกระตุ้นผลิตเม็ดสีที่ผิดปกติออกมา ทำให้ฝ้านั้น มีความเข้มมากกว่าเดิมนั่นเอง
  • ฝ้าที่เกิดจากเครื่องสำอาง เครื่องสำอางต่าง ๆ ไม่ได้มีผลดีทุกชิ้น แน่นอนว่า ครีมหน้าขาวใส หรือ ครีมที่ไม่ได้รับมาตรฐาน จะมีส่วนผสมของสารเคมี สารกันบูด รวมทั้งสารปรอท ตะกั่ว ที่ปนเปื้อนมา ทำให้เกิดการกระตุ้นเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าธรรมชาติ ซึ่งแรก ๆ อาจจะส่งผลดี แต่เมื่อพอใช้ไปนาน ๆ จะทำให้ใบหน้าบอบบาง แพ้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหยุดใช้ หน้าก็จะยิ่งอ่อนแอลง ซึ่งนอกจากฝ้าแล้ว ก็อาจจะเป็นปัญหาเพิ่มเติมอย่างสิว หรือ ผิวแพ้ง่ายตามมานั่นเอง
  • ฝ้าเข้ม จากการเลเซอร์  การรักษาอย่างการ “เลเซอร์” ในบางชนิด อาจจะทำให้ฝ้ามีสีเข้มขึ้นได้ ถ้าหากว่าหยุดทำ ดังนั้น เมื่อคิดที่จะทำเลเซอร์ ควรปรึกษา พร้อมทั้งหาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะไปทำเรื่องนี้ดีกว่า เพราะฝ้าชนิดนี้รักษายากกว่าฝ้าแดด รวมทั้ง ฝ้าฮอร์โมนด้วย
  • ฝ้าจากความเครียด ความเครียด คือ สิ่งที่ไม่ดีที่ส่งผลทั้งร่างกาย สุขภาพ รวมทั้ง สภาพผิวด้วย เพราะเมื่อเราทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดความเครียด ก็จะมีฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองทำให้ฝ้าดูชัดขึ้น รวมทั้งเราจะเห็นว่า ผิวหน้าดูคล้ำขึ้นอีกด้วย แน่นอนว่าความเครียด คือภัยเงียบที่จำให้สุขภาพของคุณทั้งร่างกาย และ จิตใจแย่ลงเป็นอย่างมาก

อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วนั้นว่า ฝ้า กับกระ จะเกิดขึ้นได้ในแบบที่เลี่ยงได้ รวมทั้งแบบที่เลี่ยงไม่ได้อย่าง ฮอร์โมน,พันธุกรมม รวมทั้ง อายุของคุณที่มากขึ้น ดังนั้นแล้ววิธีที่จะช่วยทำให้ไม่เกิดได้คุณต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ที่มีรังสี UV รวมไปถึงการใส่ใจในสุขภาพผิว ทั้งผิวหน้า และ ผิวกาย จะต้อมมีความสม่ำเสมอมากขึ้น เพื่อลดการเกิดฝ้า และ กระ สำหรับเรื่องต่อไปจะพาไปทำความรู้จักเกี่ยวกับ ประเภทของฝ้า เพื่อรักษาให้ตรงจุด ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไร ติดตามอ่านกันต่อได้เลย


รู้จักประเภทของฝ้า เพื่อรักษาให้ตรงจุด

รักษาฝ้าด้วยตัวเอง

ประเภทของฝ้านั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก ๆ ด้วยกัน โดย 2 ชนิดแรกเป็นชนิดที่ระบุได้ว่าเป็นฝ้าแบบใด นั่นก็คือ ฝ้าแบบตื้น กับ ฝ้าแบบลึก ส่วนอีก 2 ประเภทที่ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่าเป็นฝ้าชนิดใด อย่าง ฝ้าแดด และ ฝ้าเลือด โดยทั้ง 4 ประเภทนี้จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

1.ฝ้าแบบตื้น 

สำหรับฝ้าแบบตื้น จะเป็นชนิดของฝ้าที่เกิดจากการสร้างเม็ดสี เมลานิน ที่มากกว่าปกติ ในระดับผิวหนังชั้นหนังกำพร้า โดยจะเป็นสีน้ำตามเข้ม หรือ สีดำ มีขอบชัด เกิดขึ้นง่าย แต่จะรักษาได้เร็ว โดยฝ้าในลักษณะนี้ส่วนใหญ่แล้ว สามารถแก้ไข หรือ รักษาตรงจุดด้วยได้ด้วยครีมทาฝ้า แต่จะต้องทาครีมติดต่อกันทุกวันประมาณ 3 อาทิตย์ หลังจากนั้นแล้วฝ้าชนิดนี้จะจางลงอย่างชัดเจน ซึ่งฝ้าในลักษณะนี้จะรักษาให้หายขาดได้ 

2.ฝ้าแบบลึก 

สำหรับฝ้าแบบลึก จะเกิดจากการสร้างเม็ดสี เมลานิน ที่มากกว่าปกติเช่นกัน โดยจะอยู่ในระดับผิวหนังชั้นหนังแท้ โดยจะมีลักษระเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน ประเภทนี้จะรักษายากกว่าฝ้าแบบตื้น การทาครีมทาฝ้าเป็นประจำจะช่วยให้จางลงได้ แต่ทว่าจะไม่หายขาด วิธีเดียวที่จะช่วยให้หายขาดได้คือ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาตามไปด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่หายขาดอย่างแน่นอน 

4.ฝ้าแดด 

จะเป้นฝ้าที่จัดอยู่ในลักษณะของฝ้าที่ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่า เป็นฝ้าชนิดใด ซึ่งจะพบมากในผู้ที่สีผิวเข้ม เช่น ชาวแอฟริกัน โดยฝ้าแบบนี้จะเกิดจากการได้รับรังสียูวีจากแสงแดด แสงไฟ รวมทั้งแสงจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ โดยจะมีลักษณะเป็นรอบสีน้ำตาลคล้ำ ดำ กับ แดง หรือ บางรายอาจจะเป็นสีเทาอมม่วง แน่นอนว่าถ้าหากไม่ได้รับการดูแลรักษาให้จางหายไป มันก็จะมีสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าชีวิตประจำวันของเรา มักจะโดนแสงแดด พร้อมทั้งรับแสงยูวีอยู่ทุกวัน สิ่งนี้จึงสะสมขึ้น จนเข้มเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงทาครีมกันแดดเป็นประจำโดยสามารถเลือกได้ทั้ง กันแดดรองพื้น กันแดดน้ำ หรือครีมกันแดดทั่วไปก็ได้

5.ฝ้าเลือด

ชนิดนี้ก็จะจัดอยู่ในลักษณะของฝ้าที่ไม่สามารถแยกได้ชัดเจน เช่นเดียวกัน โดยมีลักษณะเป็นสีแดง คล้ายกับเส้นเลือก หรือ สีแดงปนน้ำตาล จะเกิดจากความผิดปกติของเลือดลม รวมทั้งการแปรเปลี่ยนของฮอร์โมนภายในร่างกาย โดยจะสังเกตได้ง่าย ๆเลยว่า คนที่เป็นฝ้าเลือด เวลาที่โดดแสงแดดจัด ผิวหน้าจะมีสีแดงง่าย นอกจากนี้ถ้าหากใครใช้ครีมทาฝ้าเพื่อรักษาฝ้า แต่ทว่าไปเจอสารเคมีอย่าง ไฮโดรควิโนน และสารปรอท ก็จะยิ่งทำให้รอยแดงของม้าชัดเจนขึ้นไปอีกด้วยนั่นเอง 

แน่นอนว่าการรักษาฝ้าให้ตรงจุดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นแล้ว การรักษาฝ้าของคุณ จะต้องศึกษาเรื่องฝ้าที่คุณเป็นอยู่ให้ได้ก่อนว่า คุณเป็นฝ้าแบบไหน รักษาอย่างไรได้บ้าง ถ้าหากว่าคุณเองเป็นฝ้าที่จะต้องปรึกษาแพทย์ ก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษาเสมอ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว การทุเลาลงของฝ้า อาจจะเกิดการลุกลาม จนเป็นหนักขึ้นได้นั่นเอง 


วิธีรักษาฝ้า กระ แบบค่อยเป็นค่อยไป

รักษาฝ้าด้วยตัวเอง

ขอแนะนำกันสักเล็กน้อยเกี่ยวกับ วิธีในการรักษาฝ้า กระ โดยจะต้องเป็นแนวทางการรักษาในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไป ด้วยเหตุผลที่การรักษานั้นจะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถทำให้จางลงได้ ซึ่งฝ้าที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมน ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทที่รักษาได้ แต่จะต้องทำแบบค่อย ๆ ทำ เพื่อไม่ให้เกิดความระคายเคือง แต่ ผิวไม่เสียอีกด้วย โดยวิธีการรักษาฝ้า กระ จะมีดังต่อไปนี้ 

1.การรักษาด้วยยา

นี่คือวิธีเบื้องต้นที่ต้องใช้ยารักษาฝ้า ซึ่งในรูปแบบของครีมที่มีส่วนผสมที่จะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ตัวอย่างเช่น ยากรดวิตามินเอ, ยากลุ่มทรานิซามิก,ครีมทาที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ รวมทั้ง ครีมไวท์เทนนิ่ง ซึ่งก่อนจะใช้ยาต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ 

2.การรักษาด้วยเลเซอร์ การผลัดเซลล์ผิวหนัง

เป็นวิธีการรักษาฝ้าแบบเร่งด่วน พร้อมทั้งเห็นผลได้เร็วกว่าการทาครีม ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม แต่ทว่าประสิทธิภาพของผลการรักษาลดลง ซึ่งยังขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่จะตอบรับการรักษาในชนิดนี้ได้ดีอีกด้วย 

3.การรักษาฝ้าด้วย “สมุนไพร” 

“สมุนไพร” ถือได้ว่าเป็นวิธีธรรมชาติรักษาฝ้าที่ราคาไม่แพง แต่ก็ไม่เห็นผลได้ชัดเจน โดยการใช้สมุนไพรจะช่วยผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการผลัดเซลล์ผิวหนัง หากว่าทำเช่นนี้บ่อย ก็อาจจะทำให้ผิวบอบบาง แพ้ง่ายเช่นกัน 

4.การฉีดวิตามินผิว กับ การฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดวิตามินผิว จะช่วยฟื้นฟู รักษาปัญหาผิว ทั้งรูปแบบผิวที่ไม่สดใส รวมทั้งผิวแห้งกร้าน อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวใส ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว พร้อมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ รวมไปถึงการฉีด “เมโสหน้าใส” ก็จะเหมาะกับ การบำรุงที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า โดยการฉีดรูปแบบนี้จะมีสูตรหน้าขาวใส จะมีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ ที่จะทำให้หน้าขาวใส เช่น วิตามิน ABCE, Transamin, Glutathione ที่สามารถช่วยให้ลดเลือนรอยฝ้า และ กระได้ อีกทั้งจะช่วยแก้ปัญหารูขุมชนกว้าง เสริมสร้างคอลลาเจนในผิวได้อีกด้วย 

จะเห็นได้ว่า การรักษาฝ้า กระ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลา รวมทั้งการเสียค่าใช้จ่ายในกรณีที่ต้องเลเซอร์ หรือ ทำการบำรุงระยะยาว จะมีตัวเลขที่ค่อนข้างสูง  ดังนั้นจะต้องปรึกษาแพทย์ และ คิดถึงให้ดีเกี่ยวกับการรักษา 


5 วิธี รักษาฝ้าด้วยตัวเอง

รักษาฝ้าด้วยตัวเอง

การรักษาฝ้า กระ ก็สามารถทำได้ตัวเอง ด้วยวิธีแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเสียเงินเลเซอร์ หรือ ฉีดบำรุงให้เสียเงิน แต่พวกเรามีวิธีการรักษาฝ้าด้วยตัวเอง 5 วิธีดังต่อไปนี้ 

1.ใช้น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล

วิธีการนี้จะช่วยลดฝ้าได้ โดยเราจะใช้ น้ำสมสายชูหมักกับแอปเปิล มาเช็ดหน้าแทนโทนเนอร์ได้ โดยจะต้องผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย เพราะมีฤทธิ์เป็นกรด จะมีโพแทสเซียมสูง โดยจะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ รวมทั้งจะช่วยให้ผิวกระจ่างใส อีกทั้งลดจุดด่างดำ อีกทั้งช่วยลดรอยดำจากสิวด้วย

2.ใช้น้ำใบบัวบก 

การใช้ “น้ำใบบัวบก” รักษาฝ้า เป็นวิธีการธรรมชาติที่ช่วยลดฝ้าได้ โดย วิธีการใช้ก็คือ นำน้ำใบบัวบกมาเช็ดหน้าแทนโทนเนอร์ โดยใช้น้ำใบบัวบกเช็ดหน้าแล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที  จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3.กินวิตามิน บำรุง

การบำรุงผิวหน้า นอกจากการใช้ครีมกันแดด หรือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว การกินวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินซี และ อี จะช่วยลดฝ้าได้ แน่นอนว่าการบำรุงผิวจากภายใน จะช่วยให้ผิวแข็งแรงสามารถทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น ส่งผลให้ช่วยลดการเกิดฝ้าได้เช่นกัน  

4.การทาครีมบำรุง

ครีมบำรุงผิว เป็นวิธีแบบที่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง นั่นก็คือ การใช้ครีมบำรุงที่มีสารไวท์เทนนิ่ง ที่ช่วยให้ผิวหน้าดูขาว กระจ่างใส พร้อมทั้งยังมี วิตามินซี,อาร์บูติน (Arbutin), AHA รวมทั้งสารสำคัญอื่น ๆ แต่ทว่าเป็นครีมที่ได้รับการพิสูจน์จากแพทย์ผิวหนังแล้วว่า จะต้องใช้เป็นประจำ ทั้งเช้า-เย็น อย่างต่อเนื่อง จึงจะเห็นผลที่สุด ใครที่ไม่เคยใช้ก็ลองหันมาใช้กันดู เพราะจะช่วยป้องกัน และ รักษาการเกิดฝ้า หรือ กระ ได้เป็นอย่างดี 


สิ่งที่สำคัญที่เราควรจะปกป้องนั่นก็คือ ผิวหน้า เพราะว่ามีความบอบบาง ระคายเคืองง่าย ยิ่งไปกว่านั้นอันตรายจากแสงแดด ที่มีรังสี UVA กับ UVB เป็นส่วนที่ทำร้ายผิวหน้า ผิวกายของเราอย่างแท้จริง ดังนั้นแล้วเมื่อเกิดกระ หรือ ฝ้าขึ้นแล้ว นี่เป็นสัญญาณว่าคุณควรจะดูแลตัวเอง พร้อมทั้งรีบรักษาก่อนที่จะบานปลายจนลงลึก และ รักษาไม่หาย หรือ มีส่วนเป็นมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน นี่แหละคือเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด สำหรับความรู้ รักษาฝ้าด้วยตัวเอง ทั้งหมดที่พวกเราได้รวบรวมมาในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น สาเหตุของการเกิดฝ้า รูปแบบของฝ้า กระ รวมทั้งวิธีการรักษาอย่างตรงจุด เชื่อเลยว่าทุกท่านจะได้ความรู้ที่ใช้ได้จริง อีกทั้งยังสามารถประเมินการรักษาได้ดี ใครที่พบปัญหาผิวหน้าเป็นฝ้า หรือ เป็นกระ ต้องรีบปรึกษาแพทย์ตามอาการ และ เป็นสิ่งที่รอไม่ได้เพราะจะยิ่งส่งผลเสียมากกว่านี้ได้ในอนาคตนั่นเอง 


Credit:

ฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดจากอะไร ? สาเหตุ และวิธีการรักษาแบบตรงจุด (vsquareclinic.com)

5 วิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ หน้าเนียนใส หายขาดได้แน่นอน (trueid.net)

ฝ้ามีกี่ประเภท รักษาอย่างไรให้ตรงจุด (conceptcream.com)

Author